รีวิว HUAWEI MateView จอมอนิเตอร์ที่โดดเด่นกับดีไซน์ออกมาได้สวยเรียบหรูแบบมินิมอล ขอบจอบางเฉียบ กับขนาด 28.4 นิ้ว 4K+ สัดส่วน 3:2 ให้ค่าสีที่เที่ยงตรงแม่นยำ 98% DCI-P3 และ 100% sRGB เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ทั้งแบบสายเพื่องานประสิทธิภาพสูง หรือใช้เป็นแบบไร้สาย Wireless Projection ได้อย่างชาญฉลาด ราคา เปิดตัวที่ 22,990 บาท
Unbox แกะกล่อง รีวิว HUAWEI MateView
ตัวแพ็กเกจมาเป็นกล่องน้ำตาลเรียบๆ ไม่มีลวดลายใดๆ มีแค่ชื่อของรุ่น HUAWEI MateView โดยตัวกล่องนั้นมีขนาดที่ใหญ่โตมากๆ ด้านในจะมีโฟมกันกระแทกที่แน่หนามากๆ โดยภายในจะมีอุปกรณ์มาให้ดังนี้
- จอมอนิเตอร์ HUAWEI MateView
- อะแดปเตอร์แปลงไฟ 135W พอร์ตแบบ USB-C
- สาย MiniDP to DP
- สาย USB-C to USB-C
- คู่มือการใช้งานแบบย่อ
- เอกสารการรับประกันสินค้า
ดีไซน์ เรียบหรูมินิมอล
สัมผัสแรกที่สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็นเลย ก็คือ การดีไซน์ ด้วยตัวเครื่องวัสดุจะใช้เป็นอัลลอยด์ทั้งหมด โดยรุ่นที่เข้ามาจำหน่ายในไทยจะเป็น Mystic Silver สีเงินแบบอลูมิเนียม ให้ความรู้สึกมินิมอลแบบ Material design งานประกอบปราณีต
ถ้ามองด้านข้างจะเห็นว่าส่วนของพาเนลจอนั้นบางมากๆ เพียงแค่ 10 มิลลิเมตรเท่านั้น และจุดที่เชื่อมต่อจอกับขาตั้ง จะเป็นสแตนเลสที่มีความทนทานแข็งแรง
ดีไซน์เป็นข้อต่อแบบบอลที่หมุนปรับระดับก้มเงยได้ โดยปรับให้ก้มได้ 5 องศา และปรับเงยขึ้นได้ 18 องศา
เลื่อนปรับระยะความสูงขึ้น-ลงของจอได้ 110 มิลลิเมตร ช่วยให้อยู่ในระดับพอดีของสายตาได้โดยไม่ต้องหาแท่นวางจอมาเสริมให้เกะกะโต๊ะ
น้ำหนักของจอรวมฐานอยู่ที่ 6.2 กิโลกรัม ถือว่าไม่หนักมาก แต่ก็วางตั้งได้อย่างมั่นคง การดันเลื่อนปรับระดับความสูงหรือมุมองศาหน้าจอก็ไม่มีโงกเงกแต่อย่างใด ถือว่าทำสมดุลมาได้ดี และการปรับองศาก้มเงยก็ทำได้ง่ายๆ แค่เอานิ้วดันหน้าจอก็ขยับได้แล้ว
หน้าจอ 28.2 นิ้ว สัดส่วน 3:2
เป็นขนาดหน้าจอที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นกัน เพราะจอส่วนใหญ่ตอนนี้จะเป็น 16:9 แต่ถ้าคุณใช้อุปกรณ์อื่นๆ ของหัวเว่ย อย่าง MateBook X, MateBook 16, Matebook X Pro ก็น่าจะชินกับจอขนาดนี้
ข้อดีของจอแบบ 3:2 ก็คือ เราจะได้พื้นที่สำหรับการทำงานในแนวตั้งมากกว่าจอขนาด 27 นิ้วแบบ 16:9 เพิ่มขึ้นถึง 18.5% ทำให้การทำงานเต็มจอ อย่างแต่งภาพใน Photoshop หรือ Lightroom คุณสามารถเปิด Tool ได้มากขึ้นโดยไม่มาบังพื้นที่ทำงาน หรือตัดต่อวิดีโอใน Premier ก็สามารถแสดงแถบ Timeline ได้มากกว่าเดิม รวมถึงการทำงานเอกสารหรือเปิดหน้าแว็บแบ่งครึ่งหน้าจอ ด้วยสัดส่วนนี้ ทำให้มีพื้นที่แนวตั้งเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
และยังให้พื้นที่ของจอได้เต็มสุดขอบมากๆ เพราะมีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 94% ขอบด้านข้างและด้านบนบางเฉียบแค่ 6 มิลลิเมตร ส่วนด้านล่าง 9 มิลลิเมตร เอามาใช้งานแบบวางต่อ 2 จอได้แบบไม่สะดุดสายตา
จอ 4K+ สีสันคมชัด แสดงสีเที่ยงตรง
พาเนลจอเป็นแบบ IPS ความละเอียด 4K+ Ultra HD (3840 x 2560) ถ้าเทียบกับจอ 4K แบบมาตรฐานจะมีพื้นที่เพิ่มมาถึง 1.5 ล้านพิกเซล แสดงสีแบบ 10-Bit ไล่เฉดได้มากกว่า 1 พันล้านสี ทำให้แสดงการไล่โทนสีได้มีมิติมากขึ้น ให้สีแบบ HDR 400, ค่า Contrast 1200:1 และค่ารีเฟรชเรต 60Hz
HUAWEI MateView ผ่านการรับรองโดย VESA DisplayHDR ค่าความสว่างสูงสุดถึง 500 nit พร้อมผ่านมาตรฐานจาก TÜV Rheinland ในการช่วยลดแสงสีฟ้า และปราศจากการสั่นไหวของภาพ เพื่อช่วยถนอมสายตาที่ต้องใช้ในการทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานาน
จุดที่น่าสนใจของ HUAWEI MateView คือขอบเขตการแสดงสี ที่ระดับ 98% DCI-P3 (ค่าปกติ)/ครอบคลุม 100% sRGB เป็นการแสดงสีหน้าจอที่มาตรฐานสูงสำหรับการทำงานระดับมืออาชีพ ด้วยค่าความแม่นยำที่มาตรฐาน ∆E<2
นี่คือหน้าจอที่ตอบโจทย์คนทำงานที่ต้องการความถูกต้องของสี อย่างเช่น งานคอมพิวเตอร์กราฟฟิค แต่งภาพ, รีทัชภาพ งานตัดต่อวิดีโอ เกรดสี ฯลฯ ซึ่งหน้าจอมอนิเตอร์ทั่วๆ ไป หรือหน้าจอเกมมิ่งจะมีมาตรฐานการแสดงค่าสีที่ได้ไม่ถึงระดับนี้
แถบ Smart Bar ควบคุมหน้าจอได้สะดวกง่ายดาย
การเลือกเมนูหรือปรับเลือกสลับ source ในการแสดงผล ปกติเราจะเคยชินกับการกดปุ่มใต้ขอบจอ หรือปุ่มกดแบบจอยสติ๊ก แต่ใน HUAWEI MateView จะใช้ระบบที่เรียกว่า Smart Bar เป็นแถบควบคุมแบบสัมผัสด้วยการแตะที่แถบด้านล่างตรงกลางจอ ก็จะเรียกเมนู OSD ของจอขึ้นมา ให้เลือกได้ทั้งปรับโหมดถนอมสายตา, ปรับแสงสว่าง, เลือก Source, ปรับโหมดค่าแสดงสี Color Gamut และปรับ Setting ค่าต่างๆ
ถ้าแตะค้างไว้แล้วเลื่อนซ้าย-ขวา ก็จะเป็นการปรับระดับเสียงของลำโพง และถ้าแตะ 2 นิ้วแล้วเลื่อน ก็จะเป็นการเลือกเปลี่ยน Source การเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว ถือว่าเป็นอินเทอร์เฟสการควบคุมที่ใช้งานง่ายและรวดเร็วดีมาก
รองรับเชื่อมต่อหลากหลาย
ในความที่ออกแบบมามินิมอล แต่ก็มีฟีเจอร์การเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ได้เยอะมาก โดยช่องเสียบต่างๆ จะซ่อนเอาไว้ที่บริเวณขาตั้งด้านหลังและด้านข้างทางขวาของเครื่อง โดยจะมีพอร์ตต่างๆ ดังนี้
- พอร์ตจ่ายไฟ เป็นแบบ USB-C สำหรับเสียบกับอะแดปเตอร์ 135W ซึ่งตัวอะแดปเตอร์นั้นมีขนาดที่เล็กมากๆ
- พอร์ตเชื่อมต่อสัญญาณภาพ แบบ Mini DP โดยใช้สายแบบ Mini DP to DP ที่แถมมาให้ในกล่อง
- พอร์ตเชื่อมต่อ HDMI มาตรฐาน 2.0
- พอร์ต USB-A 3.0 จำนวน 2 ช่อง ใช้สำหรับเป็น Hub เสียบอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อใช้กับคอมพิวเตอร์
- พอร์ต USB-C 3.1 รองรับเป็น DisplayPort และจ่ายไฟ 65W แบบ PD
- ช่องเสียบสัญญาณเสียง 3.5 มิลลิเมตร
เรียกว่ามีพอร์ตให้ครบเลยสำหรับการต่อใช้งาน แบบเสียบสาย คุณสามารถเสียบได้ 3 อุปกรณ์ โดยถ้าต้องการใช้การแสดงผลแบบสมบูรณ์ 4K 10-bit 60Hz จะต้องเสียบต่อด้วย USB-C หรือ Mini DP ถ้าเชื่อมต่อด้วย HDMI ในการแสดงผล 4K จะได้ที่ 50Hz
จุดเด่นในการเชื่อมต่อด้วยสาย คือ ต่อด้วยสาย USB-C ที่สามารถจ่ายไฟให้ด้วย 65W เหมาะสำหรับใช้งานกับคอมพิวเตอร์แล็ปท้อป ที่รองรับ Thunderbolt คือคุณเอามาเสียบต่อกับจอ ก็จะใช้ทั้งแสดงภาพพร้อมกับชาร์จแบตแล็ปท้อปไปในตัว ไม่ต้องเสียบอะแดปเตอร์ชาร์จอีกเส้น และยังใช้งาน USB-A ที่จออีก 2 ช่องไว้เป็น HUB เสียบอุปกรณ์ได้อีก
คุณสามารถจัดเซ็ตอัพโต๊ะคอมแบบโล่งๆ มีสาย USB-C เส้นเดียวบนโต๊ะ เอามาเสียบกับแล็ปท็อปก็ทำงานได้เลย สะดวกมาก
เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เพื่อแสดงภาพแบบไร้สาย
นอกจากการเชื่อมต่อแบบสายแล้ว HUAWEI MateView ยังเป็นจอมอนิเตอร์ที่รองรับการเชื่อมต่อแสดงผลแบบไร้สายอีกด้วย คุณสามารถเซ็ตอัพให้ตัวจอเชื่อมต่อกับ WiFi ในบ้าน (รองรับ 2.4 GHz และ 5GHz) คราวนี้ คุณก็สามารถใช้อุปกรณ์ที่มีฟีเจอร์การฉายภาพแบบไร้สาย (Wireless Projection) ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์แล็ปท้อป (ระบบ Windows 10) ที่รองรับ Wi-Fi Direct
และสำหรับใครที่ใช้อุปกรณ์ของ HUAWEI จะสะดวกกว่าด้วย HUAWEI Share ที่ทำได้ง่ายมาก เพียงแค่เอาอุปกรณ์หัวเว่ยที่มี NFC และใช้ระบบปฏิบัติการ EMUI 10.1 ขึ้นไป มาแตะที่สัญลักษณ์ HUAWEI Share ตรงฐานของจอ (อันนั้นไม่ใช่สัญลักษณ์ Wireless Charging นะ อย่าเข้าใจผิด) พอแตะเสร็จก็จะแสดงภาพขึ้นหน้าจอได้เลย
การแสดงภาพแบบไร้สาย จะเลือกได้ 2 โหมดคือ Mirror (สะท้อนหน้าจอ) จะเป็นการแสดงผลเป็นภาพเดียวกับบนอุปกรณ์ของเรา และ Desktop mode ที่จะแสดงผลบนจอเพื่อการทำงานแบบคอมพิวเตอร์ คุณสามารถเชื่อมต่อเม้าส์และคีย์บอร์ดกับอุปกรณ์ เพื่อทำงานได้เลย
ระบบเสียง
ที่ฐานของ HUAWEI MateView จะมีลำโพงมาให้ด้วยครับ เป็นลำโพงคู่สเตอริโอ กำลังขับ 5W ซ่อนเอาไว้สวยงาม เสียงที่ได้อยู่ในเกณฑ์ดีน่าพอใจ มีเสียงเบสที่ดี เอาไว้ให้คุณฟังเพลงระหว่างทำงาน หรือเปิดหนังดูซีรีย์ได้อย่างเต็มอรรถรส
รวมทั้งยังมีไมโครโฟนแบบคู่มาให้ด้วย สำหรับเอาไว้ใช้งานเวลาประชุมออนไลน์ได้เลย เป็นไมค์ที่ออกแบบมาให้รับเสียงได้รอบทิศทางได้ไกลถึง 4 เมตร โดยจะมีระบบช่วยตัดเสียงรบกวนเพื่อให้ได้เสียงพูดที่คมชัดมากขึ้น
HUAWEI MateView เหมาะสำหรับใคร?
สายทำงานกราฟฟิค ตัดต่อวิดีโอ สายคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ผมเชื่อเลยว่า จอมอนิเตอร์ HUAWEI MateView น่าจะตอบโจทย์และถูกใจคุณแน่ๆ ด้วยขนาดสัดส่วนหน้าจอ 3:2 ที่ให้พื้นที่ทำงานมากกว่าแบบ 16:9
การแสดงค่าสีของ HUAWEI MateView ที่ได้ทั้ง 98% DCI-P3 และ 100% sRGB คือสิ่งที่คนทำงานกราฟฟิคและครีเอเตอร์ต้องการ ให้คุณทำงานปรับแต่งสีภาพและวิดีโอได้ไม่เพี้ยน โดยไม่จำเป็นต้อง Calibrate จอ
ส่วนใครที่เป็นสายเกมเมอร์ ที่กะว่าจะเอาไว้เล่นเกม ผมแนะนำว่า เลือกเป็น MateView GT จะดีกว่า เพราะตัวนี้อย่างที่บอกว่าออกแบบมาเพื่อการทำงาน ค่ารีเฟรชเรตของจอนั้นสูงสุดที่ 60Hz รวมถึงขนาดจอที่สัดส่วน 3:2 ถ้าเล่นเกมแบบทั่วๆ ไปก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าซีเรียสกับการเล่นเกมยิงที่ต้องเคลื่อนไหวเร็วๆ และเฟรมเรตที่สูง คุณอาจจะรู้สึกอึดอัดกับมัน
แต่ถ้าคุณเป็นแคสเตอร์ นักสตรีมเกม จอมอนิเตอร์ HUAWEI MateView ก็น่าสนใจสำหรับเอามาใช้เป็นจอมอนิเตอร์ตัวโปรแกรมสตรีมมิ่ง ด้วยขนาดจอใหญ่ สัดส่วนที่เปิดหน้าต่างและเครื่องมือได้เต็มตากว่าจอ 16:9 และความหล่อของมันที่เอามาตั้งบนโต๊ะคอมเกมก็ยังดูสวยงามเท่ๆ ได้อีกด้วย
และสุดท้ายถ้าคุณเป็นชาว Mac เราก็อยากบอกคุณเลยว่า HUAWEI MateView สามารถใช้งานกับ macOS ได้แบบไม่มีปัญหาใดๆ เอาสายเสียบเชื่อมต่อด้วย USB-C ผ่านพอร์ต Thunderbolt ได้เลย ทำงานกับจอขนาดใหญ่ สีสวยชัดเจนได้สบายๆ โดย Mac สามารถต่อจอ 4K ได้ 2 จอ และด้วยขนาด 28.4 นิ้ว ตัวเครื่องสีเงินอลูมิเนียม มันช่างเหมาะสำหรับตั้งบนโต๊ะทำงานของคุณจริงๆ
ล้ำหน้า Choice
สรุป รีวิว HUAWEI MateView ทีมงานล้ำหน้าฯ เราให้ Award ทั้งส่วนของการออกแบบ, ประสิทธิภาพ และความคุ้มค่า
Best Design : 9.5/10
การดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย สมมาตรแบบลงตัว วัสดุเป็นอัลลอยด์ทั้งตัว การทำตัวฐานขาตั้งเป็นแท่น ติดตั้งลำโพงและไมค์ไว้ด้านหน้า ตัวฐานตั้งมีความมั่นคง เวลาปรับระดับความสูงก็เลื่อนได้ง่ายแค่ออกแรงดันเล็กน้อย ส่วนหน้าจอเหลือขอบน้อยมากๆ ทำให้ได้พื้นที่ด้านหน้าแบบเต็มตา
การออกแบบ เรามีติอยู่เล็กน้อย ตรงพอร์ต USB-C สำหรับเสียบเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ที่เอามาไว้ด้านข้าง ทำให้เวลาเสียบต่อกับคอมพิวเตอร์ ก็จะเห็นสายนี้เสียบอยู่ตลอดเวลา น่าจะเอาไปไว้ด้านหลังเหมือนกับพอร์ตเชื่อมต่ออันอื่นๆ ก็จะทำให้เวลาใช้งานดูโล่งตาไม่มีสายอะไรโผล่ออกมา
Best Performance : 10/10
เรื่องประสิทธิภาพและการใช้งาน เราให้ 10 เต็มแบบไม่หักเลย HUAWEI ตีโจทย์ความต้องการจอมอนิเตอร์สำหรับการทำงานออกมาได้ดีมาก พอร์ตเชื่อมต่อที่มีพร้อมสำหรับคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงต้องการ ให้ภาพคมชัดระดับ 4K+ สัดส่วน 3:2 ที่ให้พื้นที่การทำงานได้มากขึ้น ค่าสีที่ดีและแม่นยำทั้งแบบ sRGB และ DCI-P3 รวมถึงการแสดงผลสีแบบ 10-bit ที่ให้เฉดสีมากกว่าพันล้านสี ส่วนความสว่างของจอ 500 nits ที่สูงกว่ามอนิเตอร์ LCD ทั่วไป ให้คุณสามารถใช้งานทำงานต่อเนื่องได้โดยไม่รู้สึกแสบตา
การใช้พอร์ต USB-C ให้เสียบสายเดียวเพื่อต่อกับแล็ปท้อปพร้อมชาร์จไฟ 65W ไปได้พร้อมๆ กัน ทำให้คุณสะดวกในการใช้งาน เรียกว่ามีแค่สายเส้นเดียวบนโต๊ะ ก็ทำงานได้เลย ไม่ต้องต่อนั่นนี้อะไรให้รกรุงรัง
Smart Bar ช่วยให้การสลับเปลี่ยนการเชื่อมต่อได้ง่ายและรวดเร็ว และฟีเจอร์ Wireless Projection แสดงภาพจากสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ PC ไปขึ้นที่จอได้เลยโดยไม่ต้องเสียบสาย ถือว่าสะดวกมากๆ หรือถ้าคุณใช้ สมาร์ทโฟนและ Tablet ของหัวเว่ยรุ่นใหม่ๆ อย่าง Mate 40 Series หรือ MatePad ก็สามารถต่อขึ้นจอเป็น Desktop mode และทำงานกับจอใหญ่ได้เหมือนใช้คอม
Best Value : 9/10
ราคา ของ HUAWEI MateView เปิดตัวอยู่ที่ 22,990 บาท ถ้ามองในกลุ่มจอมอนิเตอร์สำหรับเน้นการทำงานเป็นหลัก ด้วยค่าสีที่มีความเที่ยงตรงแม่นยำ รวมถึงดีไซน์ วัสดุที่ใช้ และฟีเจอร์การใช้งานที่ครบครันมากๆ ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่ามาก
เมื่อเทียบกับหน้าจอมอนิเตอร์กลุ่มประเภทเดียวกันของแบรนด์อื่น ราคานี้จะได้เป็นขนาด 27 นิ้ว 16:9 ไม่มีลำโพง ค่า DCI-P3 น้อยกว่า (95%) ค่าความสว่างน้อยกว่า (350 nit) บอดี้เป็นพลาสติกและน้ำหนักเกือบ 10 กิโลกรัม
สำหรับคนที่ทำงานอาชีพคอมพิวเตอร์กราฟฟิก ใช้ชีวิตนั่งทำงานคอมพิวเตอร์ในแต่ละวัน มากกว่าใช้เวลานอนบนเตียง การเลือกจอมอนิเตอร์ที่ใช้แล้วสบายสายตา ให้ค่าสีที่ครบถ้วนถูกต้องแม่นยำ การลงทุนซื้อจอคุณภาพดีๆ สำหรับทำงานถือว่าไม่ได้แพงเกินไปครับ
จุดเด่น
- ดีไซน์สวย เรียบหรู วัสดุพรีเมียม
- หน้าจอ 4K+ 10-bit ให้ค่าสีที่สวยคมชัด และตรงสำหรับมาตรฐานการทำงานด้านกราฟฟิคและตัดต่อวิดีโอได้อย่างดีเยี่ยม
- จออัตราส่วน 3:2 ให้พื้นที่การทำงานได้มากขึ้น
- เชื่อมต่อได้หลายรูปแบบ (HDMI, MiniDP, USB-C DisplayPort)
- ต่อกับแล็ปท้อปผ่าน USB-C (Thunderbolt) สามารถชาร์จไฟให้ได้ด้วย
- มี USB Hub 2 พอร์ต และช่องเสียบหูฟัง 3.5 ม.ม.
- เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนหรือ Windows เพื่อแสดงผลแบบไร้สาย (Wireless Projector)
- ทำงานร่วมกับ HUAWEI Share ได้สะดวกมากๆ
- ลำโพงคู่สเตอริโอ และไมโครโฟนพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน
- ปรับเลื่อนระดับความสูงหน้าจอได้
- ระบบการควบคุม OSD ด้วย Smartbar แบบสัมผัส สั่งงานได้สะดวกรวดเร็ว
ข้อสังเกต
- หมุนจอปรับเป็นแนวตั้งไม่ได้
- ไม่รองรับติดตั้งกับ VESA mount
สรุป สเปค จอมอนิเตอร์ HUAWEI MateView
- ขนาด : 608.36 x 591.12 x 182 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 6.2 กิโลกรัม
- สี : Mystic Silver
- หน้าจอแสดงผล
- ขนาด : 28.2 นิ้ว
- อัตราส่วนภาพ : 3:2
- ประเภทหน้าจอ : IPS
- ความละเอียด : 3840 x 2560
- อัตราการรีเฟรช : 60Hz
- ช่วงสี : 98% DCI-P3 (ค่าปกติ)/ครอบคลุม 100% sRGB
- จำนวนสี : 1.07 พันล้าน
- ความแม่นยำของสี : ΔE<2
- *ΔE<2 ระบุค่ามาตรฐานสีเฉลี่ยในขอบเขตสี DCI-P3 และ ΔE<1 ระบุค่ามาตรฐานสีเฉลี่ยในขอบเขตสี sRGB
- HDR : HDR400
- ความสว่าง : 500 nits (ค่าปกติ)
- โหมดสบายตา : การรับรอง TÜV Rheinland Low Blue Light และ Flicker Free
- อัตราส่วนความคมชัด : 1200:1 (ค่าปกติ)
- อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง : 94%
- เลือกเมนูสั่งงาน OSD ด้วย Smart Bar แบบสัมผัส
- รองรับการควบคุมด้วยคีย์บอร์ดและเมาส์ (ทั้งแบบสายและ Bluetooth)
- ขาตั้ง ปรับความสูงได้ 110 มิลลิเมตร ปรับองศาได้ -5 ถึง 18 องศา
- การเชื่อมต่อ : แบบไร้สาย WLAN : IEEE 802.11a/b/g/n/ac 2.4 GHz และ 5 GHz (เฉพาะรุ่น HSN-CBA)
- Bluetooth 5.1 (เฉพาะรุ่น HSN-CBA)
- พอร์ตเชื่อมต่อ
- USB-C x1 สำหรับเสียบอะแดปเตอร์ 135W
- USB-C x1 รองรับ DisplayPort Thunderbolt และจ่ายไฟสูงสุด 65W
- USB-A 3.0 x2
- HDMI 2.0 x1
- MiniDP x1
- ช่องเสียบหูฟังและไมโครโฟนขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- ลำโพง : แบบคู่สเตอริโอ 5W
- ไมโครโฟน : DMIC x 2 (รองรับการรับเสียงระยะไกล 4 เมตร)
- ราคา 22,990 บาท
สำหรับใครที่สนใจ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> https://bit.ly/35ZtjuX พิเศษ กับโปรโมชั่น Early Bird HUAWEI MateView ราคา 22,990 บาท รับฟรี HUAWEI FreeBuds 3i มูลค่า 3,290 บาท
โดยสามารถเป็นเจ้าของได้ที่ HUAWEI Experience Store และช่องทางออนไลน์ ได้แก่ HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยที่ Lazada และ Shopee โปรโมชั่นนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 – 23 กรกฎาคม 2564 นี้เท่านั้น