รีวิว RAZER Opus X หูฟังไร้สาย รูปทรงแบบ Over Ear เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 โดนเด่นที่มีค่าความหน่วงต่ำแค่ 60ms เล่นเกมได้เสียงที่ตรงไม่มีดีเลย์ แถมยังมีระบบตัดเสียงรบกวนเทคโนโลยี Active Noise Cancellation (ANC) มาใน ราคา ที่ไม่แรงมาก ที่ 3,890 บาท
แกะกล่อง รีวิว RAZER Opus X
แพ็กเกจมาเป็นแบบ 2 ชั้น ด้านนอกเป็นแจ็กเกตด้านข้างกล่องเป็นสีดำ ส่วนด้านหน้าเป็นสีเทาเล่นเอฟเฟกต์ที่ชื่อ RAZER เป็นตัวพิมพ์นูนและเหลือบสีรุ้ง
เมื่อแกะเข้าไปด้านในจะเป็นกล่องกระดาษน้ำตาล นำไปรีไซเคิลได้ง่าย โดยด้านในอุปกรณ์จะห่อแยกในซองโฟม พร้อมทั้งมีเอกสารคู่มือการใช้งานเบื้องต้น, จดหมายสั้นจาก CEO และสติกเกอร์โลโก้ของ RAZER และจะมีสาย USB-A to USB-C ความยาว 50 cm. สำหรับชาร์จไฟแถมมาให้ด้วย
เรื่องสีของตัวหูฟัง RAZER Opus X ผมค่อนข้างแปลกใจตรงที่ว่า ไม่มีสีมาตรฐานอย่าง สีดำ ให้เลือกครับ โดยจะมีทั้งหมด 3 สี ด้วยกันคือ สีขาว Mercury, สีชมพู Quartz และสีเขียว Green ตัวที่ทางทีมงานล้ำหน้าฯ ได้มา รีวิว ซึ่งสีเขียวอันนี้สีแสบสันและเป็นสีพิเศา เพราะต้องสั่งซื้อจากทาง RAZER.com เท่านั้น
รูปทรงของหูฟัง RAZER Opus X เป็นแบบ Over Ear สวมครอบหู โครงสร้างเกือบทั้งหมดจะเป็นพลาสติก มีตรงฐานก้านหูฟังด้านบนจะเป็นฟองน้ำเพื่อให้เวลาที่สวมไม่กดบนหัว
ด้านในโครงสร้างจะเป็นแกนโลหะ ที่ดึงยืดออกมาเพื่อปรับให้เหมาะกับขนาดศีรษะของผู้สวมใส่
ตัวอักษร RAZER จะมีอยู่เล็กๆ ที่ด้านข้างซ้ายและขวาของหูฟัง จะแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ที่มักจะเป็นโลโก้ตัวใหญ่ๆ อยู่ด้านบนของส่วนครอบหัว รวมถึงส่วนที่ด้านหลังของ Cup ทั้ง 2 ข้างก็ไม่มีโลโก้งูของ RAZER (ที่รุ่นอื่นๆ มักจะมี) ก็ถือว่าเป็นหูฟังที่ดูมินิมอลและเรียบมากๆ
ตัวฟองน้ำที่หูฟังทั้งสองข้าง ในรุ่นสีเขียว ฟองน้ำเป็นสีดำ ส่วนสีขาวและชมพูจะเป็นสีเทา วัสดุเป็นฟองน้ำหุ้มด้วย Protein Leather ผสม Nylon ที่มีความนุ่มนิ่ม สวมใส่สบายไม่กดบีบหูเวลาที่สวมใส่
ส่วนตัว Cup ของหูฟังทั้ง 2 ด้าน สามารถหมุนบิด 90 องศาเข้าด้านใน เพื่อให้ตัวหูฟังมีความแบนราบ สะดวกที่จะเก็บใส่ในกระเป่าเพื่อพกพาได้ง่ายไม่เกะกะ
ด้านหลังส่วนบนของหูฟังทั้ง 2 ข้าง จะเป็นไมโครโฟนสำหรับเก็บเสียงภายนอกเพื่อใช้กับฟีเจอร์ ANC ในการตัดเสียงรบกวน
Cup ของหูฟังฝั่งซ้าย จะไม่มีปุ่มใดๆ ส่วนควบคุมและพอร์ตต่างๆ จะมาอยู่ที่ฝั่งขวาทั้งหมด โดยจะมีปุ่มทั้งหมด 4 ปุ่มคือ
- ปุ่ม Power ที่เมื่อกดค้าง 2 วินาที จะเป็นการเปิดปิดเครื่อง และในตอนที่ปิดเครื่อง กดค้าง 5 วินาที จะเป็นสั่งเปิด Pairing เพื่อเชื่อมต่อระบบ Bluetooth
- ปุ่ม Power เมื่อเปิดใช้งาน กด 1 ครั้งจะเป็นเลือกเปลี่ยนโหมด ANC ที่เลือก เปิด ANC, เปลี่ยนเป็นโหมด Ambient และ ปิด ANC
- ปุ่ม ปรับเพิ่ม-ลด กด 1 ครั้งหรือกดค้างจะเป็นการปรับระดับของเสียงที่เล่น
- ปุ่ม Action กด 1 ครั้ง จะใช้ในการ Play/Pause ระหว่างที่เล่นเพลง กด 2 ครั้งจะเลือกเปลี่ยนเพลงถัดไป กด 3 ครั้งจะเลือกเล่นเพลงก่อนหน้า และถ้าเวลามีสายโทรเข้า ก็เป็นปุ่มกดรับและวางสายได้ด้วย
ที่ข้างๆ ปุ่ม Power จะมีไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน สีฟ้าเป็นเปิดใช้งาน, สีฟ้ากระพริบคือกำลังเปิดโหมด Pairing สีแดง จะแสดงว่าแบตเตอรี่ใกล้หมด และเวลาเสียบชาร์จก็จะกระพริบสีแดงให้ทราบว่ากำลังชาร์จอยู่
พอร์ตสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ จะเป็นแบบ USB-C เสียบชาร์จแบตเตอรี่ในกรณีแบตหมดเกลี้ยง จะใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 3-4 ชั่วโมง และด้านข้างพอร์ตจะมีรูของไมโครโฟนเสียงสนทนา
ทดสอบใช้งาน RAZER Opus X
ขนาดของหูฟัง RAZER Opus X ถือว่าเป็นหูฟัง Over Ear ที่ไม่ได้ใหญ่มาก สวมใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง น้ำหนักค่อนข้างเบาที่ 270 กรัม สวมใส่นานๆ ก็ไม่รู้หนักหัวอะไร การออกแบบส่วนของฟองน้ำทั้งก้านด้านบนและส่วนครอบหู นุ่มนิ่มสวมแล้วไม่กดทับจนรู้สึกอึดอัด
ตัวไดรเวอร์ของ RAZER Opus X มีขนาด 40mm คาแรคเตอร์เสียงนั้น เป็นสไตล์แบบเบสหนัก แบบแน่นๆ เหมาะกับสไตล์เพลงป็อป เพลงร็อค มิติเสียงต่างๆ ทั้งเครื่องดนตรี เสียงร้องแยกได้ชัดเจน
จุดเด่นของ RAZER Opus X ก็คือตัว Game Mode ที่จะเป็นการเร่งค่า Latency หรือความหน่วงของสัญญาณเสียงให้น้อยลง ที่ปกติแล้วจะอยู่ที่ 120ms เมื่อเปิด Game Mode (กดปุ่ม Action ค้างไว้ 5 วินาที) ค่าความหน่วงจะเหลือเพียง 60ms ถือว่าเป็นระดับที่ดีมากๆ การเล่นเกมนั้นเสียงจะตรงไม่มีอาการดีเลย์ ในระดับที่แทบไม่รู้สึกต่างจากการใช้หูฟังแบบเสียบสายเล่นเลย
แต่การเปิด Game Mode นั้นจะมีข้อจำกัดก็คือ ระยะทำการในการใช้งานจะต้องอยู่ใกล้กับอุปกรณ์ จากที่ทดสอบคือระยะประมาณไม่เกิน 1 เมตร หากเกินแล้วก็จะเริ่มมีการขาดของสัญญาณ ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะเปิดโหมดนี้ก็เพื่อเล่นเกมในสมาร์ทโฟนที่ถืออยู่นั่นล่ะ
อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจของรุ่นนี้คือ ระบบตัดเสียงรบกวนภายนอก ANC (Active Noise Cancellation) ที่ใช้ไมโครโฟน 2 ตัวด้านนอก เก็บเสียงมาหักลบกับเสียงในหูฟัง ทำให้เราได้ยินเสียงดังด้านนอกหูน้อยลง ให้ได้ยินเสียงเพลงหรือเล่นเกมได้ชัดเต็มที่ยิ่งขึ้น โดยโหมดเราเลือกเปิด, ปิด และแบบ Ambient ที่ปล่อยให้เสียงจากด้านนอกเข้ามา ทำให้แม้ว่าเวลาที่สวมหูฟังอยู่ก็ยังได้ยินเสียงด้านนอกชัดขึ้นด้วย
ส่วนเรื่องไมโครโฟนในการสนทนา ทั้งการรับสายโทรเข้า หรือแชทในระหว่างเล่นเกม หรือแอปต่างๆ ตัวไมค์นั้นตัดเสียงภายนอกได้ค่อนข้างที มีเสียงรอบข้างเข้ามาระหว่างการสนทนาค่อนข้างน้อย
การใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต แนะนำให้ติดตั้งแอปพลิเคชั่น RAZER Audio โหลดได้ทั้งระบบ Android และ iOS จะเป็นต้วเสริมช่วยในการปรับแต่งการใช้งาน โดยหลังจากเชื่อมต่อ RAZER Opus X กับแอปแล้ว เราจะสามารถจัดตั้งค่าผ่านในแอปได้หลายอย่าง
- เช็คปริมาณแบตเตอรี่เหลือ
- ปรับ Equalizer โปรไฟล์เสียงที่ต้องการ
- เปิดปิด Game Mode
- เปลี่ยนโหมดการทำงานของ ANC
- ปรับระบบ Auto Shutoff ปิดเครื่องให้อัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งาน
- ปรับภาษาเสียงพูดบอกโหมดในหูฟัง
- อัปเดตเฟิร์มแวร์
การใช้งาน แบตเตอรี่นั้นถือว่าอยู่ได้นานหลายวันเลย ตามสเปคคือสูงสุดที่ 40 ชั่วโมง และถ้าเปิดใช้ ANC ก็จะได้ใช้ได้นานสุดที่ 30 ชั่วโมง แล้วตัวพอร์ตชาร์จเป็น USB-C หาชาร์จได้ไม่ยุ่งยาก ถ้าเกิดหมดระหว่างวันก็พักเสียบด้วย Power Bank ด้วยก็ได้
มีข้อสังเกตในการใช้งานบางจุดที่ผู้ใช้ต้องทราบอยู่ด้วยกัน เช่น ไม่มี Auto Play/Pause ที่จะหยุดเล่นเพลงเมื่อเราถอดหูฟังออก ทำให้ถ้าเกิดเวลาเปิดเพลงฟังแล้วถอดหูฟังออก เสียงก็จะดังออกมาให้คนอื่นได้ยินด้วย รวมถึงไม่มีการตั้งค่าปุ่มเพื่อเรียกใช้งานผู้ช่วยอย่าง SIRI และ Google Assitant
RAZER Opus X เป็นหูฟังที่ออกแบบมาเน้นการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ผ่าน Bluetooth เพียงอย่างเดียว โดยที่จะไม่มีพอร์ต 3.5 มิลลิเมตร มาให้ จึงเหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์พกพา ทั้งสมาร์ทโฟน และ แท็บเล็ต โดยมีการใช้งานปรับแต่งหลายอย่างจะมีรองรับผ่านแอป RAZER Audio และแนะนำว่าอุปกรณ์ที่จะใช้ร่วมกับตัวหูฟังนี้ ก็ควรจะเป็นมาตรฐาน Bluetooth 5.0 ด้วย จึงจะใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ได้เต็มที่
ล้ำหน้า Choice
รีวิว RAZER Opus X ทางทีมงานล้ำหน้าฯ มอบ Award ให้ในด้านประสิทธิภาพ และ การเล่นเกม ที่ตอบโจทย์ Mobile Gaming บนสมาร์ทโฟนได้อย่างดีเยี่ยม
Best Performance 8.5/10
คุณภาพเสียงถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ สำหรับหูฟังทรง Over Ear มีระบบปรับ ANC แบตเตอรี่ที่ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน
Best Gaming 9/10
Game Mode ที่ลดค่า Latency ของเสียงเหลือเพียงแค่ 60ms ทำให้เล่นเกมหรือจะดูหนังดูซีรี่ย์ เสียงตรงแบบไม่มีดีเลย์ เล่นเกมได้อย่างเต็มอรรถรส ไม่รู้สึกสะดุดอารมณ์
Design 8/10
รูปทรงขนาดกำลังดี สวมใส่สบายไม่อึดอัด พับเก็บใส่กระเป๋าได้ง่าย สีเป็นแบบด้านสีเดียวที่ดูมินิมอล เสียดายที่มีตัวเลือกสีน้อยไปนิด และไม่มีสีดำให้เลือก
Value 8/10
ราคา 3,890 บาท ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่ถูกเกินหรือแพงไป สำหรับหูฟังประเภทนี้ เทียบกับประสิทธิภาพการใช้งาน พร้อมทั้งมีรับประกันให้ถึง 2 ปี