ถ้าพูดถึงสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ ก็ต้องเป็น Samsung Galaxy Z Fold3 | Flip3 5G ที่เปิดตัวไปและกระแสตอบรับดีมา กวันนี้เราจะมาไขทุกข้อสงสัยไปพร้อมๆ กัน
นาทีนี้คงไม่มีสมาร์ทโฟนรุ่นไหนถูกพูดถึงมากเท่ากับสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้เจเนอเรชันล่าสุด Galaxy Z Fold3 | Flip3 5G ที่ซัมซุงได้เผยโฉมอย่างเป็นทางการไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความตื่นตาตื่นใจและกระแสตอบรับอย่างล้นหลามสนั่นโซเชียล แต่ในขณะเดียวกัน หลายคนอาจยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนรูปทรงแปลกตานี้ ทั้งในแง่ของความทนทาน ความคุ้มค่า ไปจนถึงฟีเจอร์ใหม่และไฮไลท์อย่างการรองรับ S Pen เป็นครั้งแรก ซึ่งซัมซุงได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยจากผู้บริโภคทั้งหมด 9 ข้อดังต่อไปนี้ เพื่อไขทุกข้อสงสัยให้ทุกคนสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
1. “สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้จะใช้งานทนทานมากแค่ไหน?”
ซัมซุงเข้าใจถึงความกังวลของผู้ใช้ที่มีต่อสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ จึงนำความคิดเห็นดังกล่าวมาพัฒนาให้ Galaxy Z Fold3 | Flip3 5G มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยบานพับและเฟรมของสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นทำจาก Armor Aluminum ซึ่งเป็นอลูมิเนียมที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยนำมาใช้กับสมาร์ทโฟนของซัมซุง มอบความทนทานและช่วยปกป้องส่วนประกอบด้านในเครื่องได้ดีกว่าที่เคย บริเวณด้านนอกของตัวเครื่องยังใช้กระจก Corning Gorilla Glass Victus ซึ่งมีความแข็งแรงสูง สามารถปกป้องเครื่องจากรอยขีดข่วนได้มากถึง 4 เท่า ที่สำคัญยังเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้รุ่นแรกที่มาพร้อมคุณสมบัติการทนน้ำมาตรฐาน IPX8 สามารถทนน้ำลึก 1.5 เมตร นานสูงสุด 30 นาที ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้หากมีเหตุน้ำหกใส่หรือต้องใช้งานขณะฝนตก
2. “ใช้ Galaxy Z Fold3 | Flip3 5G ไปนานๆ แล้วหน้าจอจะเป็นอะไรไหม?”
เทคโนโลยี Ultra Thin Glass (UTG) บนหน้าจอพับได้ของ Galaxy Z Fold3 | Flip3 5G ถูกพัฒนาให้มีความแข็งแรงกว่ารุ่นก่อนถึง 80% ด้วยกรรมวิธีการผลิตแผงหน้าจอ ไปจนถึงฟิล์มป้องกันรอยแบบใหม่ที่เปลี่ยนจาก TPU เป็นชนิด PET ซึ่งมีคุณสมบัติยืดหยุ่นสูง ช่วยเพิ่มความทนทานกว่าที่เคยโดยไม่จำเป็นต้องติดฟิล์มเพิ่มเติม อีกทั้งยังการันตีด้วยผลการทดสอบจาก Bureau Veritas ว่าสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ทั้ง 2 รุ่นสามารถทนทานต่อการพับเปิด-ปิดถึง 200,000 ครั้ง เทียบเท่าการใช้งาน 5 ปี เมื่อเฉลี่ยเปิด-ปิด วันละ 100 ครั้งเลยทีเดียว
3. “S Pen Fold Edition กับ S Pen Pro ต่างกันอย่างไร? สามารถใช้ S Pen รุ่นก่อนกับ Galaxy Z Fold3 5G ได้หรือไม่?”
อีกหนึ่งไฮไลท์ในครั้งนี้คือการที่หน้าจอหลักของ Galaxy Z Fold3 5G สามารถรองรับ S Pen ได้แล้ว ถือเป็นก้าวแรกสู่อีกขั้นของนวัตกรรมสมาร์ทโฟน ซึ่งปากกา S Pen ที่เผยโฉมพร้อมกับ Z Fold3 ในครั้งนี้ เป็น S Pen เวอร์ชันใหม่ที่พัฒนามาเพื่อใช้งานกับสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้โดยเฉพาะ มาในตัวเลือก 2 แบบ ได้แก่ S Pen Fold Edition และ S Pen Pro โดยทั้งคู่มาพร้อมหัวปากกาแบบใหม่ที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษเพื่อจำกัดแรงกดบนหน้าจอ จึงเป็นเหตุผลให้ไม่สามารถใช้ S Pen รุ่นก่อนๆ กับ Galaxy Z Fold3 5G ได้นั่นเอง
สำหรับความแตกต่างของ S Pen ทั้ง 2 แบบนั้น S Pen Fold Edition สามารถใช้งานฟีเจอร์พื้นฐานของ S Pen ได้โดยไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ มาพร้อมหัวปากกาขนาดเล็ก 1.5 มม. มอบสัมผัสการเขียนที่ลื่นไหลและแม่นยำ และยังมีขนาดกะทัดรัดสามารถเก็บในเคส Flip Cover ได้ ทั้งนี้ S Pen Fold Edition สามารถใช้ได้กับ Galaxy Z Fold3 5G เท่านั้น ในขณะที่ S Pen Pro มาพร้อมการเชื่อมต่อบลูทูธ (BLE) จึงรองรับฟีเจอร์ต่างๆ ได้มากขึ้น ซึ่งรวมถึง Air Action สามารถควบคุมการทำงานของแอปพลิเคชันต่างๆ จากระยะไกลด้วยท่าทาง พร้อมใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 16 วันด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว มาในขนาดที่จับถนัดมือมากขึ้น โดย S Pen Pro สามารถสลับโหมดเพื่อใช้งานกับอุปกรณ์กาแลคซี่อื่นๆ ที่รองรับได้อีกด้วย
4. “มี S Pen ให้ในกล่อง Galaxy Z Fold3 5G เลยหรือเปล่า?”
ซัมซุงนำเสนอ S Pen ใหม่ถึง 2 รุ่นเพื่อมอบตัวเลือกให้กับผู้ใช้ตามไลฟ์สไตล์การใช้งานที่แตกต่างกัน โดย S Pen Fold Edition วางจำหน่ายเสริมในราคา 1,590 บาท หรือสามารถซื้อแพ็คเกจเคส Flip Cover พร้อม S Pen Fold Edition ได้ในราคา 2,790 บาท ในขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถเก็บ S Pen Pro ในเคสได้ แต่สิ่งที่ผู้ใช้จะได้รับคือประสบการณ์การใช้งานเสมือนปากกาจริง จับถนัดมือมากยิ่งขึ้น และยังสามารถนำไปใช้งานร่วมกับอุปกรณ์กาแลคซี่อื่นๆ ที่รองรับได้เช่นกัน โดย S Pen Pro วางจำหน่ายแยกในราคา3,690 บาท
5. “Galaxy Z Fold3 5G สามารถเปิดใช้งานพร้อมกันได้กี่แอปพลิเคชัน รองรับทุกแอปหรือไม่?”
ฟีเจอร์ Multi-Active Window บนจอหลักของ Galaxy Z Fold3 5G สามารถเปิดใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 3 แอปพลิเคชัน และยังผ่านการอัปเกรดให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น ตอบสนองทั้งหน้าจอแนวตั้งและแนวนอน สามารถปรับขนาด Layout ของแต่ละแอปได้ตามต้องการ เพิ่มความคล่องตัวด้วยฟีเจอร์ App Pair ให้ผู้ใช้จับคู่และเปิดแอปที่นิยมใช้พร้อมกันได้ในครั้งเดียว และสำหรับบางแอปพลิเคชันที่ยังไม่รองรับฟีเจอร์ Multi-Active Window ซัมซุงก็ได้นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Labs ซึ่งจะช่วยแบ่งหน้าจอให้สามารถเปิดแอปอื่นๆ ที่ต้องการได้พร้อมกันนั่นเอง
6. “Galaxy Z Flip3 5G ต่างจากรุ่นก่อนอย่างไร?”
นอกเหนือจากความทนทานของตัวเครื่องและหน้าจอที่เพิ่มขึ้นกว่า 80% แล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ของ Galaxy Z Flip3 5G ที่แตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัดคือหน้าจอด้านหน้า หรือ Cover Screen โฉมใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมถึง
4 เท่า จึงสามารถเช็คการแจ้งเตือนหรือเลื่อนดูข้อความได้ถึง 8 บรรทัดโดยไม่จำเป็นต้องกางเครื่องออก อีกทั้งยังสามารถดูพรีวิวขณะถ่ายเซลฟี่หรือวิดีโอได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย
7. “ประเทศไทยวางจำหน่าย Galaxy Z Flip3 5G สีอะไรบ้าง?”
นอกจาก 4 สีสุดโมเดิร์นอย่าง สีครีม สีเขียว สีม่วงลาเวนเดอร์ และสีดำ Phantom Black แล้ว ซัมซุงประเทศไทยยังเปิดวางจำหน่าย 3 สีพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟของ Galaxy Z Flip3 5G เฉพาะช่องทาง Samsung.com เท่านั้น ซึ่งได้แก่
สีเทา สีชมพู และสีขาว ให้กาแลคซี่แฟนชาวไทยได้เลือกแมทช์เข้ากับสไตล์ของตัวเองโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
8. “มีการรับประกันอย่างไร?”
ลูกค้า Galaxy Z Fold3 | Flip3 5G จะได้รับฟรี Samsung Care+ ประกันความเสียหายต่อตัวเครื่องอันเกิดจากอุบัติเหตุ (ประกันหน้าจอแตก เครื่องตกแตก และความเสียหายจากน้ำ) ภายใน 1 ปี นับจากวันแรกที่เปิดใช้งาน รวมถึงบริการส่งช่างเทคนิคถึงบ้าน ทำให้ใช้งานได้อย่างอุ่นใจ สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่ https://free.samsungcareplus.com/th[12]
9. “ราคาเท่าไหร่ มีข้อเสนอพิเศษอะไรบ้าง?”
สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้เจเนอเรชันล่าสุดของซัมซุงเปิดตัวในราคาใหม่ที่เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น Galaxy Z Fold3 5G มาในราคาเริ่มต้น 57,900 บาท (256GB) และ 61,900 บาท (512GB) ในขณะที่Galaxy Z Flip3 5G วางจำหน่ายในราคา 34,900 บาท (128GB) และ 36,900 บาท (256GB)
หวังว่าทั้ง 9 ข้อนี้ จะช่วยคลายข้อสงสัยที่หลายคนมีต่อ Galaxy Z Fold3 | Flip3 5G สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้รุ่นใหม่ล่าสุดจากซัมซุงได้มากขึ้น หรือสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของทั้ง 2 รุ่นได้ทางwww.samsung.com/th/zfold3 และ www.samsung.com/th/zflip3