พรีวิว OPPO Reno6 5G

พรีวิว OPPO Reno6 5G กล้องพอร์ตเทรตสวยประทับใจ ดีไซน์เก๋แบบ Ultra-slim Retro จอ 90Hz ชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0

พรีวิว OPPO Reno6 5G สมาร์ทโฟนที่คงความโดดเด่นในเรื่องกล้องพอร์ตเทรต ที่สวยทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ แถมดีไซน์ยังสวยสะดุดตา แบบ Ultra-slim Retro ที่สวยถูกใจตั้งแต่แรกเห็น มาพร้อมสเปคที่ตอบโจทย์สมาร์ทโฟน 5G ได้อย่างลงตัว หน้าจอ AMOLED 90Hz ใช้งานไหลลื่น ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 900 พร้อม RAM 8GB (Ram Expansion เพิ่มได้อีก 5GB) และ ROM 128GB พร้อมเปิดตัวในกลุ่มสมาร์ทโฟน ราคา ระดับกลาง (15,000-20,000 บาท)

สมาร์ทโฟนในตระกูล OPPO Reno6 Series ปีนี้ ใช้สโลแกนว่า “อารมณ์ไหน ก็พอร์ตเทรต” เอาใจคนชอบถ่ายภาพและถ่ายวิดีโอ สำหรับประเทศไทย เปิดตลาดมาก่อนด้วยน้องเล็ก OPPO Reno6 Z 5G ซึ่งได้ผลตอบรับจากตลาดดีมากๆ ทำยอดขายในช่วงเปิดตัวเป็นอันดับ 1 สำหรับสมาร์ทโฟนกลุ่มราคา 12,000-15,000 บาท และเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ส่ง OPPO Reno6 Pro 5G พี่ใหญ่ในตระกูลมาเริ่มวางจำหน่าย ก็ทำยอดขายปังอีกเช่นกัน

แฟนๆ ออปโป้หลายคน ที่ติดตามตั้งแต่ข่าวต่างประเทศ เห็นภาพหลุดของ OPPO Reno6 5G กันก่อนหน้านี้ ก็เฝ้ารอว่า รุ่นนี้จะเข้าไทยเมื่อไหร่ ตอนนี้ประกาศแล้วว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ วันที่ 16 กันยายน 2556 ที่จะถึงนี้

วันนี้ OPPO Reno6 5G ได้มาถึงมือของทีมงาน ล้ำหน้าฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะมาขอเล่าสั้นๆ พรีวิว แกะกล่อง พร้อมเล่าสเปคและฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เป็นการยั่วๆ ก่อนจะถึงวันเปิดตัวให้ได้ชมกัน

แกะกล่อง OPPO Reno6 5G

ตัวกล่องนั้น จะเป็นโทนสีเดียวกันหมดเลยใน Reno6 Series คือเป็นกล่องทรงยาวสีเขียวแบบ เทอร์คอยซ์ ดูมีความพาสเทล ตัดกับตัวหนังสือสีดำ เมื่อถอดเอาแจ๊คเกตด้านนอกออก ก็จะเปิดฝากล่องด้านในที่เป็นสีดำด้านขรึมๆ

ภายในกล่องจะมีอุปกรณ์ต่างๆ มาให้ ตั้งแต่เคสใสแบบ TPU แบบใส พร้อมเอกสารคู่มือการใช้งานเบื้องต้น, ใบรับประกัน แบะเข็มจิ้มถาดซิม

ด้านล่างสุดในกล่อง จะมีชุดหูฟังทรงแบบ Earpods สวยใส่ง่าย โดยตัวเสียบจะเป็นหัวแบบ USB-C (ตัวเครื่องไม่มีพอร์ต 3.5mm) พร้อมอุปกรณ์สำหรับชาร์จ เป็นสายแบบ USB-A to USB-C และอะแดปเตอร์ชาร์จ รองรับมาตรฐาน 65W SuperVOOC 2.0

ดีไซน์ การออกแบบ สไตล์ Ultra-slim Retro

มีความแปลกอยู่นิดนึงสำหรับ OPPO Reno6 Series กับการออกแบบสมาร์ทโฟน ตามปกติแล้วรูปร่างหน้าตาของเครื่องในซีรี่ย์นั้นจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่สำหรับ OPPO Reno6 5G นั้น ตัวเครื่องมีความต่างจาก Reno6 Z 5G และ Reno6 Pro 5G อย่างชัดเจน ที่เด่นมากก็คือ ตัวเฟรมขอบเครื่องนั้น ออกแบบเป็น Ultra-slim Retro ที่เป็นสันเรียบๆ เหมือนกับสมาร์ทโฟนสมัยเมื่อ 4-5 ปีก่อน

ทุกวันนี้เราจะคุ้นกับสมาร์ทโฟนที่ขอบเครื่องโค้งมน 4D รับกับกระจกหลังโค้งเชื่อมต่อกัน แต่พอ OPPO เอาสไตล์แบบสมัยก่อนมารวมกับเทคนิคการทำสีแบบใหม่ และวัสดุที่ดูพรีเมียม ก็ทำออกมาได้สวยงามเหมาะเจาะ ดูดีมาก

และถึงแม้ว่าตัวเฟรมจะเป็นแบบเหลี่ยม เรื่องความบางและเบาก็ยังทำได้ดี โดยความหนาด้านข้างนั้น บางเพียงแค่ 7.59 มิลลิเมตร และน้ำหนักเครื่องก็เพียง 182 กรัมเท่านั้น เรียกว่ารักษา DNA ของความเป็น Reno6 Series ไว้ได้อย่างดี

มาดูกันที่ฝาหลังกันบ้าง ก็จะเป็นแบบราบเรียบ ใช้เทคนิคการทำสีแบบ OPPO Reno GLOW ที่โดดเด่น เป็นการสร้างเหลี่ยมมุมบนพื้นผิวฝาหลังเล็กๆ จนเกิดเป็นแสงสะท้อนแบบอัญมณี ทำให้มีความระยิบระยับเมื่อมีแสงมาตกกระทบ อีกทั้งยังป้องกันการเกิดรอยนิ้วมือเวลาถือจับอีกด้วย

OPPO Reno6 5G มีสีของเครื่องที่จะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด 2 สีด้วยกันคือ สี Aurora และ สี Stellar Black

Aurora เป็นสีที่ผสมผสานกันระหว่างแสงและสี ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงเหนือที่ขั้วโลก ด้วยเอฟเฟกต์ของ Reno GLOW ที่ผ่านกระบวนการ Daimond Spectrum แบบใหม่ ทำให้ได้ฝาหลังสมาร์ทโฟนที่มี “สีเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา” ตามมุมมองและทิศทางของแสงที่แตกต่างกัน

ตัวเครื่องถ้ามองจะเห็นว่าสามารถเปลี่ยนได้หลายสี ทั้งสีฟ้า, สีเขียว, สีม่วง, สีส้ม เปลี่ยนตามทิศทางของแสงที่ส่องมา ดูสวยแปลกตาไม่เหมือนใคร

Stellar Black เป็นสีดำที่ทรงเสน่ห์ ผสานความคลาสสิคของสีดำที่ดูเขร่งขรึม รวมกลับเอฟเฟกต์แบบไดนามิกที่ให้ความประกายระยิบระยับ เกิดเป็นสีดำที่ดูลึกลับแต่ว่าน่าค้นหา

เมื่อมีแสงส่องที่ฝาหลังของ Stellar Black จะเห็นว่าสีดำที่เป็นประกาย จะซ่อนสีน้ำเงินเข็มเอาไว้ และเปลี่ยนเฉดไปตามแสงที่ส่องลงมา

กล้องหลังของ OPPO Reno6 5G จะเรียงอยู่บนโมดูลที่นูนขึ้นมาจากตัวเครื่อง สี Aurora ตัวพื้นส่วนนี้จะเป็นวัสดุมันวาวตัดกับความด้านของฝาหลังดูสวยงาม ส่วนสี Stellar Black จะยังเป็นสีดำด้านพร้อมเอฟเฟกต์แบบเดียวกับฝาหลัง ให้ความรู้สึกเรียบสนิทเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ตัวกล้องจะประกอบด้วยกัน 3 ตัวคือ กล้องหลังความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ทำงานร่วมกับกล้องมุมกว้าง Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้องมาโคร 2 ล้านพิกเซล

จะมีเพิ่มพิเศษมาคือ Color Temperature Sensor สำหรับตรวจจับค่าสีของภาพที่ถ่าย เพื่อให้ระบบ AI ช่วยประมวลผลในการตกแต่งหรือใส่เอฟเฟกต์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น พร้อมข้างๆ จะเป็นไฟแฟลช LED แบบ Dual Tone

ความสวยงามของเครื่องด้านข้าง จัดวางเรียงปุ่มนูนออกมาจากเฟรมเพียงเล็กน้อย โดยทางด้านซ้ายจะเป็นปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง ส่วนทางขวาจะเป็นปุ่ม Power ที่จะมีขีดสีเขียวอันเป็นเอกลัษณ์ของ OPPO อยู่ด้วย

พรีวิว OPPO Reno6
พรีวิว OPPO Reno6

ด้านบนตัวเครื่องจะเรียบๆ มีเพียงช่องของรูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนเวลาสนทนา และด้านล่าง จะเป็นช่องถาดสำหรับใส่ซิม, รูไมโครโฟนเสียงสนทนา, ช่อง USB-C สำหรับชาร์จไฟและโอนข้อมูลผ่านสาย USB และช่องลำโพงเสียงของเครื่อง

พรีวิว OPPO Reno6

ตัวถาดซิม จะเป็นขนาดเล็ก สามารถใส่ซิมการ์ดขนาด Nano SIM ได้ 2 เบอร์ใช้งาน 5G Dual Stand By โดยที่รุ่นนี้จะไม่สามารถเพิ่ม microSD ได้นะ

พรีวิว OPPO Reno6

มาที่หน้าจอกัน ดีไซน์ Ultra-slim Retro ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับความราบเรียบของหน้าจอ เข้ากับสันด้านข้างที่มีลบเหลี่ยมแบบ Daimond Cut ได้ความรู้สึกที่จับแล้วหน้าจอใหญ่เต็มพื้นที่ ไม่มีส่วนโค้งส่วนมนที่ขอบ ขนาดของจอ OPPO Reno6 5G อยู่ที่ 6.4 นิ้ว เป็นแบบ AMOLED ให้สีสันที่สวยคมชัดสดใส มีพื้นที่เต็มหน้าจอในอัตราส่วนถึง 91.7%

ความละเอียดหน้าจอ FHD+ 2400 x 1080 และมีค่ารีเฟรชเรทที่ 90Hz พร้อมค่า Touch Sampling Rate ที่ 180Hz ให้สัมผัสในการดูคอนเทนต์บนจอที่ลื่นเนียน และการสัมผัสแตะบนหน้าจอที่ตอบสนองรวดเร็วแม่นยำ โดยผ่านการรับรองจาก SGS Eye Care Display อีกด้วย

พรีวิว OPPO Reno6

ที่มุมด้านบนของจอ จะมีเว้นตำแหน่งแบบ Punch-hole สำหรับกล้องหน้า ความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล ถ่ายเซลฟี่หรือถ่ายพอร์ตเทรตได้อย่างสวยงาม และมีช่องลำโพงสนทนา รวมถึงเซ็นเซอร์แสงต่างๆ หลบอยู่ที่ขอบด้านบนของจอ

พรีวิว OPPO Reno6

OPPO Reno6 5G ยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ แบบซ่อนใต้จอ สแกนเพื่อปลดล็อคเครื่องได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

โดยรวมแล้ว สำหรับการออกแบบย้อนยุค Ultra-slim Retro ที่ผสานรูปร่างแบบขอบเรียบ กับเทคนิคการทำสียุคใหม่ ทำให้มันดูสวยแปลกแหวกจากสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด อีกทั้งยังคงความบางและเบา ทำให้จับถือได้ความรู้สึกดีและถนัดมือดีมากๆ

ฟีเจอร์เด่นที่น่าสนใจ

สำหรับ พรีวิว OPPO Reno6 5G เราจะขอเกริ่นถึงฟีเจอร์เด่นๆ บางส่วนของรุ่นนี้กันก่อน สำหรับใน รีวิว ตัวเต็ม จะมาเล่ากันแบบละเอียดให้ลึกกันหมดเปลือกอีกครั้ง

  • Bokeh Flare Effect Video ที่สามารถละลายฉากหลังในการถ่ายวิดีโอ ด้วยกล้องหลัง 64MP Triple Camera และการประมวลผลของ AI ช่วยสร้างเอฟเฟกต์ Cinematic Bokeh Flare ให้สวยงามเป็นดวงๆ และยังใช้ได้ทั้งในเวลากลางวันสภาพแสงปกติ หรือตอนกลางคืนที่มีแสงน้อย ซึ่งเราสามารถใช้งานได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า
  • AI Highlight Video ระบบ AI ที่เข้ามาการจัดการเลือกปรับโหมดเวลาถ่ายวิดีโอให้เหมาะสมกับสภาพแสงในตอนนั้นให้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นถ่ายย้อนแสง หรือถ่ายในที่แสงน้อย ก็จะได้วิดีโอที่ใบหน้าสว่างสวยงามสว่างคมชัดในทุกช็อต
  • ประสิทธิภาพใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 900 รองรับ 5G และเชื่อมต่อ WiFi6 ได้
  • RAM ให้มา 8GB พ่วงด้วยระบบ RAM Expansion ที่ช่วยเพิ่ม RAM ให้ได้สูงสุดอีก 5GB ให้ใช้งานเล่นเกมหรือโปรแกรมหนักๆ ได้อย่างลื่นไหล
  • Z-Axis Liniar Motor สั่นแบบ 4D Vibration ให้มิติของการสั่นระหว่างเล่นเกมที่มีความเสมือนจริงมากขึ้น
  • แบตเตอรี่ 4300mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0 สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ภายในเวลาเพียงแค่ 28 นาที และชาร์จแค่ 5 นาที ก็ใช้งานดูวิดีโอได้นานถึง 4 ชั่วโมง
พรีวิว OPPO Reno6

ใน พรีวิว OPPO Reno6 5G เราพูดถึงดีไซน์ และฟีเจอร์บางส่วนไปเรียบร้อยแล้ว รอติดตาม รีวิว แบบเต็มๆ ได้ ในวันพฤหัสที่ 16 กันยายนนี้ หลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ รับชมได้ผ่านทาง Facebook.com/Oppothai มารอดูกันว่า พลังในการถ่ายพอร์ตเทรตนั้น จะเหลือล้ำขนาดไหน และที่สำคัญจะได้อัปเดททั้งเรื่องของ ราคา และการวางจำหน่ายในประเทศไทย อดใจรอไว้ได้เลย

Blogger สาย Multi Function ตามติดเทคโนโลยีมือถือ, แท็บเล็ต, แอพ, เกมคอนโซล, โลกโซเชียล และจักรยาน