iRobot ผู้ผลิตหุ่นยนต์ดูดฝุ่นได้คิดค้นหุ่นยนต์รุ่นใหม่ Roomba j7+ ที่ใช้ระบบ AI ช่วยแก้ปัญหาในกรณีที่สุนัขหรือสัตว์เลี้ยงของคุณขับถ่ายเรี่ยราดในระหว่างที่คุณไม่อยู่บ้านได้
การใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นในบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ มักจะทำให้เกิดปัญหาอยู่บ่อยๆ ยิ่งถ้าสัตว์เลี้ยงของคุณขับถ่ายไม่เป็นที่เป็นทางก็ยิ่งพาให้ปวดหัว iRobot จึงได้คิดค้น Roomba j7+ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ ที่หลีกเลี่ยงอึของสัตว์เลี้ยง รวมถึงสิ่งกีดขวางต่างๆ ในบ้านด้วยระบบ AI ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้
ทางบริษัท ได้พยายามพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อจัดการกับปัญหานี้มาหลายปี และตัวหุ่นยนต์ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นมาก แม้จะยังมีปัญหาในบางพื้นที่ เช่น พรม ดังนั้นบริษัทจึงใช้การอัปเดตซอฟต์แวร์ iRobot Genius ในการแก้ปัญหาเหล่านี้แทน จากการอัปเดตช่วยให้หุ่นยนต์สามารถรทำความสะอาดได้ละเอียดยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้ Built-in machine vision ในการระบุเฟอร์นิเจอร์หรือ “clean zones” ที่ต้องทำความสะอาดมากเป็นพิเศษ
iRobot Genius เวอร์ชัน 3.0 ถูกปล่อยให้อัปเดตฟรีเรียบร้อยแล้ว พร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ และโหมด Quiet Drive เพื่อลดการส่งเสียงรบกวนในขณะที่หุ่นยนต์เคลื่อนไหว, เพิ่มเวลาในการทำความสะอาดห้องที่ถูกเลือกไว้โดยเฉพาะ, ปรับปรุงความสามารถในการจำลองแผนที่ และฟังก์ชั่นใหม่ “Clean While I’m Away” ที่จะช่วยให้คุณสั่งการหุ่นยนต์ผ่านสมาร์ทโฟนเมื่อคุณไม่อยู่บ้านได้
ส่วนอัปเดตใหญ่อื่น ๆ จะถูกเพิ่มเฉพาะในรุ่น Roomba j7+ เท่านั้น โดยหุ่นยนต์รุ่นใหม่ไม่เพียงแค่ใช้ระบบกล้องในการระบุตำแหน่งอึของสัตว์เลี้ยงได้เท่านั้น แต่มันยังสามารถระบุสิ่งกีดขวางอื่น ๆ อย่าง ถุงเท้า รองเท้า และหูฟังได้ด้วย แต่อาจจะต้องอาศัยการระบุเพิ่มเติมจากเจ้าของหุ่นยนต์
หากเจ้าหุ่นยนต์ตรวจพบสิ่งผิดปกติบนพื้น มันจะทำการส่งคำถามแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้ ว่าจะให้หลีกเลี่ยงสิ่งนี้แค่ชั่วคราว หรือหลีกเลี่ยงอย่างถาวรในทุกครั้งที่มันตรวจพบของเหล่านั้นบนพื้น และถ้าคุณเลือกให้หลีกเลี่ยงถาวร ระบบจะทำการจดจำและจะไม่ทำความสะอาดในจุดดังกล่าวให้โดยอัตโนมัติ
Roomba j7+ รุ่นใหม่มีราคาอยู่ 849 ดอลลาร์สหรัฐฯ (27,900 บาท) พร้อมสถานีชาร์จที่สามารถเก็บสิ่งสกปรกได้นานถึง 60 วัน และราคา 649 ดอลลาร์สหรัฐฯ (21,500 บาท) หากคุณไม่ต้องการสถานีชาร์จ ตัวหุ่นยนต์วางจำหน่ายแล้วบนเว็บไซต์ของ iRobot ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา และจะวางจำหน่ายตามร้านค้าปลีกบางแห่งตั้งแต่วันที่ 19 กันยายนเป็นต้นไป
ที่มา theverge