Facebook มีเรื่องอีกแล้ว เมื่อนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สร้างเครื่องมือช่วยให้ผู้ใช้กด unfollow ทั้งเพื่อนและกลุ่มต่างๆ บน Facebook ได้อย่างอัตโนมัติ ได้รับจดหมายเตือนจาก Facebook ให้หยุดพัฒนาโปรแกรมนี้
โดยนักพัฒนาคนดังกล่าว คือ Louis Barclay ผู้พัฒนาเครื่องมือ “Unfollow Everything” ที่เป็นส่วนขยายของเบราเซอร์ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ Facebook ลบหน้า News Feed พร้อมทั้งสามารถเลิกติดตามเพื่อนและเพจไปพร้อมกันได้ โดยส่วนขยายดังกล่าวจะลบคอนเทนต์ที่ผู้ใช้ไม่ต้องการอ่านจากหน้า News Feed เผลอๆ อาจทำให้กลายเป็นหน้า Feed ที่ว่างเปล่าได้ด้วย แต่อย่าลืมว่า นั่นแหละ คือ หัวใจสำคัญของ Facebook เลย ซึ่งจะนำข้อมูลต่างๆ ไปใช้เพื่อกำหนดการทำงานและอัลกอริทึมภายใน
ก่อนหน้านี้ ทาง Facebook เคยส่งจดหมายถึง Louis Barclay เมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นการบอกให้เขาหยุดและเลิกพัฒนาเครื่องมือดังกล่าวซะ
โดย Facebook ระบุว่าสิ่งที่เขาทำ ถือเป็นการละเมิดข้อกำหนดการให้บริการโดยการสร้างซอฟต์แวร์ที่มีการโต้ตอบกับผู้ใช้แบบอัตโนมัติ รวมถึงเป็นการสนับสนุนให้ผู้ใช้คนอื่นๆ ฝ่าฝืนกฏของ Facebook ด้วย
ซึ่งต่อมา Facebook ได้ปิดบัญชีของ Facebook และ Instagram ของ Barclay เป็นการถาวร เพื่อเป็นการตอบโต้และเรียกร้องให้เขาตอบตกลง ที่จะหยุดการพัฒนาเครื่องมือดังกล่าวมาใช้งานกับ Facebook รวมถึงบริการอื่นๆ ของ Facebook อีก
ทางด้าน Louis Barclay กล่าวถึง Unfollow Everything ว่า มันเป็นเครื่องมือที่สามารถทำให้ผู้ใช้ Facebook ได้พบกับเพื่อน และกลุ่มในหน้า Feed ของพวกเขาได้ไวขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องไถ/เลื่อนไปเรื่อยๆ แบบไม่มีสิ้นสุดกับคอนเทนต์ที่ผู้ใช้ไม่ได้สนใจ
เขามองว่ามันเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดเวลาการเล่น Facebook ได้อย่างดี เขายังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า Unfollow Everything นั้นไม่ได้เป็นที่นิยมอะไรมากมาย มีผู้ใช้งานเพียง 2,500 คนต่อสัปดาห์ รวมถึงมีจำนวนการดาวน์โหลดเพียง 10,000 ครั้งเท่านั้น
สำหรับโปรแกรมส่วนเสริมตัวนี้ เปิดให้ใช้งานบนเบราเซอร์ Chrome เมื่อเดือนกรกฏาคมปีที่แล้ว นอกจากจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยผู้ใช้ Facebook แล้ว ยังมีนักวิจัยให้ความสนใจเครื่องมือตัวนี้ด้วย โดยทีมนักวิจัยจาก University of Neuchâtel ที่สวิสเซอร์แลนด์ ได้ใช้เครื่องมือดังกล่าวเพื่อศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากหน้า News Feed ที่มีต่อความสุขของผู้ใช้ Facebook รวมไปถึงระยะเวลาที่ผู้ใช้ใช้อยู่บน Facebook ด้วย แต่แล้วการศึกษามีอันต้องล้มเลิกไป เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาขึ้นโรงขึ้นศาลกับบริษัทใหญ่อย่าง Facebook
แต่ถึงอย่างไร ทาง Facebook ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
ที่มา : Business Insider | The Verge