รมว.ดีอีเอส มอบนโยบาย ไปรษณีย์ไทย เดินหน้าสู่ “Tech Post” ลุยเสริมศักยภาพเครื่องคัดแยก พร้อมเทคโนโลยีใหม่ เพิ่มแรงหนุนการเติบโตอีคอมเมิร์ซ
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส เข้าตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของไปรษณีย์ไทยซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ พร้อมดูกระบวนการคัดแยกสิ่งของ ณ ศูนย์ไปรษณีย์ด่วนพิเศษกรุงเทพฯ โดยได้มอบนโยบายในการขับเคลื่อนองค์กร ตอกย้ำบทบาทด้านการสื่อสารและขนส่งหลักของชาติ ผ่านแนวทางสำคัญ อาทิ การขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล หรือ Tech Post การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม การให้บริการครบวงจร โดยไปรษณีย์ไทยพร้อมขานรับนโยบาย เดินหน้าเพิ่มศักยภาพการคัดแยกพัสดุด้วยการติดตั้งเครื่องคัดแยกแบบ Cross Belt Sorter เพิ่มเพื่อรองรับปริมาณสิ่งของจากกลุ่มธุรกิจ e-Commerce ที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการด้วยเครื่องให้บริการรับฝากอัตโนมัติ (APM) ให้ผู้ใช้บริการสามารถทำการ ฝากส่งสิ่งของด้วยตนเองได้ง่ายๆ ตลอด 24 ชั่วโมง
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยในฐานะหน่วยงานขนส่งหลักของประเทศ ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินภารกิจด้านการสื่อสารและการขนส่งให้ประชาชนทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์วิกฤตที่ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไปรษณีย์ไทยมีบทบาทและหน้าที่สำคัญ ในการอำนวยความสะดวกให้กับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือภาคสาธารณสุข การขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจ การบรรเทาภาวะวิกฤตให้กับองค์กรและชุมชน
นอกจากนี้ เพื่อยกระดับไปรษณีย์ไทย ให้ตอบโจทย์มิติทางเศรษฐกิจและสังคมมากได้ยิ่งขึ้น ผ่านแนวทางสำคัญ ได้แก่ การขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล หรือ Tech Post การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม การให้บริการครบวงจร และการรักษาคุณภาพบริการ โดยไปรษณีย์ไทยพร้อมขานรับนโยบาย เดินหน้าเพิ่มศักยภาพการคัดแยกพัสดุด้วยการติดตั้ง เครื่องคัดแยกแบบ Cross Belt Sorter เพิ่มเพื่อรองรับปริมาณสิ่งของจากกลุ่มธุรกิจ e-Commerce ณ ศูนย์ไปรษณีย์ด่วนพิเศษกรุงเทพฯ (EMS) ซึ่งสามารถคัดแยกสิ่งของได้กว่า 7,200,000 ชิ้นต่อเดือน พร้อมทั้งเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการด้วยเครื่องให้บริการรับฝากอัตโนมัติ (APM) ให้ผู้ใช้บริการสามารถทำการฝากส่งสิ่งของด้วยตนเองได้ง่ายๆ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาคุณภาพบริการทั้งความรวดเร็ว ความแม่นยำ และ ความปลอดภัย เพื่อเป็นผู้ให้บริการสื่อสารและขนส่งของชาติที่คนไทยจะไว้วางใจได้เสมอ
ด้าน ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยได้เดินหน้าพัฒนาการดำเนินงานและการบริการมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ไปรษณีย์ไทย มีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันการดำเนินงานขององค์กรสู่ความเป็น Tech Post อย่างเต็มรูปแบบ โดยทุกกระบวนการทำงานของไปรษณีย์ไทยจะมีการนำเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการดำเนินงานมากขึ้น เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ และคนไทย โดยล่าสุดไปรษณีย์ไทยได้เดินหน้าเพิ่มศักยภาพการคัดแยกพัสดุ ด้วยการติดตั้งเครื่องคัดแยกแบบ Cross Belt Sorter เพิ่ม เพื่อรองรับปริมาณสิ่งของจากกลุ่มธุรกิจ e-Commerce ณ ศูนย์ไปรษณีย์ด่วนพิเศษกรุงเทพฯ (EMS)
ซึ่งสามารถคัดแยกสิ่งของได้กว่า 7,200,000 ชิ้นต่อเดือน มากกว่าเครื่อง คัดแยกแบบ Cross Belt Sorter เดิมที่คัดแยกสิ่งของได้ 6,500,000 ชิ้นต่อเดือน โดยการติดตั้งเครื่อง Cross Belt Sorter ณ ศูนย์ไปรษณีย์ด่วนพิเศษกรุงเทพฯ (EMS) นับเป็นเครื่องที่ 3 ต่อจากศูนย์ไปรษณีย์ศรีราชา และศูนย์ไปรษณีย์หลักสี่ ซึ่งเมื่อรวมศักยภาพของทั้ง 3 เครื่องแล้ว จะรองรับปริมาณงานได้มากถึงกว่า 20,000,000 ชิ้นต่อเดือน พร้อมทั้งมีแผนในการติดตั้งเครื่องคัดแยกแบบ Cross Belt Sorter เพิ่มที่ศูนย์ไปรษณีย์อีก 8 แห่ง คือ ศูนย์ไปรษณีย์นครราชสีมา ศูนย์ไปรษณีย์ขอนแก่น ศูนย์ไปรษณีย์อุบลราชธานีศูนย์ไปรษณีย์ทุ่งสง ศูนย์ไปรษณีย์หาดใหญ่ ศูนย์ไปรษณีย์พิษณุโลก ศูนย์ไปรษณีย์ลำพูน และศูนย์ไปรษณีย์ราชบุรี ให้ครบ 11 เครื่อง ภายในปี 2566
ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทยซึ่งมีศูนย์ไปรษณีย์ครอบคลุมทั่วประเทศถึง 19 ศูนย์ สามารถคัดแยกสิ่งของฝากส่งจากทั่วประเทศกว่า 3,000 ล้านชิ้นต่อปี ซึ่งคาดว่าจะสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการทั้งภาคส่วนผู้ประกอบการ รวมถึงประชาชนทั่วไป และเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจ e-Commerce เดินหน้าอย่างไม่สะดุด สามารถส่งด่วนทุกปลายทางแม้จะมีปริมาณสิ่งของที่ต้องการจัดส่งจำนวนมาก
นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยได้นำร่องติดตั้งเครื่องให้บริการรับฝากอัตโนมัติ (APM) ให้บริการกับประชาชน ใน 7 ที่ทำการไปรษณีย์ คือ ไปรษณีย์จตุจักร ไปรษณีย์นนทบุรี ไปรษณีย์ลาดพร้าว ไปรษณีย์ภาษีเจริญ ไปรษณีย์บางขุนเทียน ไปรษณีย์บางพลี เคาน์เตอร์ไปรษณีย์แสมดำ เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางให้กับผู้ใช้บริการในรูปแบบ Self-Service ซึ่งเป็นทางเลือกให้ผู้ใช้บริการได้ลดระยะเวลารอคอยใช้บริการที่เคาน์เตอร์ และอำนวยความสะดวกในยุคที่ต้อง social distancing โดยปัจจุบันเครื่อง APM สามารถให้บริการฝากส่งได้ 3 ประเภท คือ EMS ไปรษณีย์ลงทะเบียน และพัสดุไปรษณีย์ โดยเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเดินหน้าสู่การเป็น Smart Post Office ต่อไป ดร.ดนันท์ กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามข่าวสารไปรษณีย์ไทยเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : www.thailandpost.co.th