จะทำยังไงดี? เมื่อ TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก ได้รับการร้องขอจากทางการ สหรัฐฯ ให้เผยข้อมูลสำคัญหลายอย่างที่เป็นความลับของธุรกิจ โดยสหรัฐฯ บอกว่า เพื่อใช้ในการหาทางแก้ปัญหาวิกฤตการขาดแคลนชิปที่รุนแรงอยู่ในขณะนี้
เมื่อเดือนที่แล้ว Gina Raimondo รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องเข้มงวดมากขึ้นในการจัดการกับปัญหาการขาดแคลนชิปที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน จนสร้างผลกระทบต่อหลายอุตสาหกรรม
Raimondo อธิบายในขณะที่ทำเนียบขาวได้ส่งคำขอข้อมูลภายในไปยังผู้ผลิตชิปรายต่างๆ เพื่อมองหาจุดคอขวดของปัญหาซัพพลายเชน เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
แต่ท่านรัฐมนตรีฯ มีแอบเสียงแข็งเตือนผู้ผลิตชิปทั้งหลายว่า ถ้าหากไม่ตอบรับคำขอของทางสหรัฐฯ หน่วยงานกำกับดูแลของอเมริกา ก็พร้อมจะใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อบีบบังคับอีกที (อ้าว!)
เรื่องของเรื่องก็คือ … ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกอย่าง TSMC ยังไม่ทราบว่าจะตอบสนองต่อคำขอของทางการ สหรัฐฯ อย่างไรดี?!
เพราะสิ่งที่ทางการสหรัฐฯ ติดต่อไปยัง TSMC เพื่อให้เปิดเผยรายละเอียดต่างๆ ของข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนมากๆ
- ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตให้กับลูกค้า
- ข้อมูลระดับสินค้าคงคลัง
- ระยะเวลารอคอยสินค้า
- ความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์
- ความสัมพันธ์กับลูกค้า
- แผนการขาย
- วิธีการจัดสรรกำลังการผลิตที่มีอยู่
Sylvia Fang ที่ปรึกษาทั่วไปของ TSMC ยืนยันที่จะไม่ให้ข้อมูลของบริษัทกับทางสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า แต่ก็จะพยายามตอบสนองคำขอดังกล่าวให้อย่างดีที่สุด
ทั้งนี้ TSMC พยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยบริษัทต่างๆ ที่มีชิปในสินค้าคงคลังต่ำ อีกทั้งยังจัดลำดับความสำคัญของชิปสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ในระดับหนึ่ง
Mark Liu ประธานของ TSMC กล่าวว่าวิกฤตการขาดแคลนชิปนั้น มีความซับซ้อนมากกว่าที่คิดมาก และตอนนี้ก็มีบางบริษัท ริ่มกักตุนชิปเอาไว้เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว
ทาง Sylvia Fang กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเรื่องความโปร่งใสที่ทำเนียบขาวร้องขอนั้น บริษัทมองว่า ความไว้วางใจจากลูกค้า ก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักที่นำให้ TSMC ก้าวไปสู่ความสำเร็จ ดังนั้นบริษัทขอใช้เวลาพิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียด ก่อนที่จะตอบกลับแบบสอบถามของรัฐบาลสหรัฐฯ
นอกจากนี้ TSMC ยังได้รับการหนุนหลังจากรัฐบาลไต้หวัน หากบริษัทจะต้องเผชิญกับข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผล
ทาง TSMC มีเวลาตอบกลับแบบสอบถามของทำเนียบขาวด้วยความสมัครใจจนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ TSMC จะยินดีให้ข้อมูลตามที่รัฐบาลสหรัฐฯ ร้องขอ ก็ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะมีแนวทางแก้ไขวิกฤตการขาดแคลนชิปอย่างไร
เพราะอย่าลืม ภาวะการขาดแคลนชิปเซ็ตนั้น ไม่ได้เกิดจากที่ผู้ผลิต ไม่สามารถผลิตได้ตามความต้องการของตลาด แต่มันยังมีวิกฤตต่างๆ รอบโลกส่งผลกระทบอยู่เบื้องหลังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตพลังงงานในจีน , การล็อคดาวน์ในมาเลเซียที่ทำให้ต้องมีการปิดโรงงาน บวกกับราคาวัตถุดิบสำคัญ เช่น ซิลิคอนและโลหะหายาก กำลังมีราคาเพิ่มขึ้น และปัญหาสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ ผู้ผลิตชิปยังไม่สามารถหาคนงานที่มีทักษะเพียงพอได้ในขณะนี้ด้วย
ที่มา : TECHSPOT