Schneider Electric เปิดตัว อีโคสรัคเจอร์ ไมโคร ดาต้าเซ็นเตอร์ มาตรฐาน IP และ NEMA สำหรับสภาพแวดล้อมการใช้งานที่ทนทานภายในอาคาร ตอบโจทย์ความต้องการในอุตสาหกรรม 4.0
Schneider Electric ประกาศขยายขีดความสามารถของ EcoStruxure Micro Data Center R-Series ที่ได้มาตรฐานทั้ง IP และ NEMA สำหรับสภาพแวดล้อมการทำงานในพื้นที่โรงงาน ซึ่งไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่นี้ จะให้แนวทางการใช้งานและบริหารจัดการระบบโครงสร้าง เอดจ์ คอมพิวติ้ง ที่ง่ายและรวดเร็ว เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายในพื้นที่อาคารสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรม โมเดลใหม่ทั้ง 6 แบบทั้งในรุ่นขนาด 16U ขนาด 24U และ 42U จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนธันวาคมในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา และจะพร้อมจำหน่ายในยุโรปต้นปีหน้า
สำหรับผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมที่นำเทคโนโลยีอุตสาหกรรม 4.0 มาช่วยเพิ่มผลผลิต สร้างความปลอดภัยและปรับกระบวนการทำงานให้เป็นระบบอัตโนมัติ ไมโคร ดาต้าเซ็นเตอร์ กลายเป็นส่วนสำคัญในการตอบโจทย์ทุกสิ่งตั้งแต่เรื่องการบูรณาการระบบ IT และ OT เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างศักยภาพการใช้งาน IIoT เพื่อทำให้ระบบไอทีในโรงงานมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
“เทคโนโลยีระบบออโตเมชั่นที่ล้ำหน้า มาพร้อมประโยชน์สำคัญทั้งการช่วยลดค่าใช้จ่าย ให้ความปลอดภัยและให้ผลิตผลที่ดี แต่การจะเข้าถึงประโยชน์ดังกล่าว ต้องทำให้ระบบไอทีอยู่ใกล้จุดเชื่อมต่อปลายทางมากขึ้น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สร้างขึ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องไอทีมาก่อน” ฌอง แบปทิสเต ปลานย์ รองประธานฝ่ายบริหารจัดการด้านการนำเสนอระบบเอดจ์และแร็ค ส่วนการบริหารจัดการด้านพลังงาน ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว “เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องความน่าเชื่อถือของระบบเครือข่ายไอทีภายในอาคารโรงงาน เราจึงนำเสนอ EcoStruxure Micro Data Center รุ่น R-Series ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานใหม่ทั้ง IP และ NEMA ซึ่งไมโครดาต้าเซ็นเตอร์เหล่านี้ให้โซลูชันที่นำมาปรับใช้งานได้ง่าย อีกทั้งยังช่วยให้ฝ่ายไอทีและช่องทางจำหน่ายในอุตสาหกรรมรวมถึงผู้ใช้งานปลายทางอย่างผู้ประกอบการโรงงาน และตัวแทนจำหน่ายสามารถบริหารจัดการได้ง่ายเช่นกัน
โซลูชัน EcoStruxure Micro Data Center เป็นระบบตู้แร็คแบบปิดที่ประกอบมาล่วงหน้า สามารถตั้งค่าการทำงานได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงาน ระบบทำความเย็น ระบบรักษาความปลอดภัย รวมถึงการบริหารจัดการ ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านวิศวกรรมได้มากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ช่วยให้นำระบบออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์และลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงได้ 7 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ไมโคร ดาต้าเซ็นเตอร์ จะใช้ประโยชน์จากโครงสร้างระบบที่มีอยู่และสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนต้นทุนได้ถึง 42 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการสร้างด้วยวิธีการเดิมๆ โดย R-Series ใหม่นี้ ช่วยให้ได้รับประโยชน์มากมายดังที่กล่าวมาและช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องยุ่งยาก เพราะเป็นโซลูชันที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ทนทานภายในอาคาร ทนกับสภาพแวดล้อมในอุตสาหกรรมที่มีปัญหาในเรื่องปริมาณฝุ่น ความชื้น และมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่หลากหลาย
ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์และการบริการของชไนเดอร์ อิเล็คทริค สามารถบริหารจัดการได้จากระยะไกล ในเวลาที่ไม่มีพนักงานฝ่ายไอทีประจำไซต์งานเลย หรือมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่ง EcoStruxure IT เป็นแพลตฟอร์มระบบเปิดที่ทำงานร่วมกับระบบงานของผู้จำหน่ายรายอื่นได้ ให้ทั้งประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นสำหรับผู้ใช้ในการบริหารจัดการระบบโครงสร้างสำคัญได้เอง บริหารจัดการร่วมกับพันธมิตร หรือจะให้ฝ่ายวิศวกรด้านการบริการของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ช่วยบริหารจัดการสินทรัพย์ต่างๆ ก็ได้เช่นกัน
เป็นโซลูชันที่มาพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่ช่วยให้วางใจได้แม้จะอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยก็ตาม โดยสามารถวางมาตรฐานการออกแบบสภาพแวดล้อมการทำงานได้หลากหลายภายในโซลูชันเดียวแบบ ออล-อิน-วัน ซึ่งช่วยให้ปรับใช้งานได้ง่ายมากกว่าระบบงานที่แยกเป็นหลายระบบ
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ EcoStruxure Micro Data Center รุ่น R-Series ใหม่ได้
R-Series ใหม่จะพร้อมวางจำหน่ายผ่านคู่ค้าด้านช่องทางจำหน่ายของ APC และตัวแทนฝ่ายขายของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เยี่ยมชมเพจ เพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ R-Series EcoStruxure Micro Data Center ใหม่ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานใหม่ทั้ง IP และ NEMA สำหรับสภาพแวดล้อมการทำงานที่ทนทานภายในอาคาร
อะไรคือเอดจ์คอมพิวติ้งสำหรับอุตสาหกรรม?
สำหรับผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมที่ต้องการได้รับประโยชน์จากระบบออโตเมชันมากขึ้น ไม่สามารถพึ่งพาเทคโนโลยีคลาวด์เพียงอย่างเดียวในเรื่องของความยืดหยุ่น และความเร็วอย่างที่ AI ML และเทคโนโลยี อุตสาหกรรม 4.0 ต้องการ ซึ่งเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ในพื้นที่ คือ ตู้ควบคุม หรือ enclosure/พื้นที่/สิ่งอำนวยความสะดวก ด้านโครงสร้างระบบที่กระจายอยู่ตามพื้นที่เพื่อรองรับจุดเชื่อมต่อปลายทางของเครือข่ายในแต่ละจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรม เช่นโรงงานผลิต หรือศูนย์กระจายสินค้า การใช้งานดังกล่าวจะถูกเรียกว่าเป็น “เอดจ์คอมพิวติ้งสำหรับอุตสาหกรรม” โดยนักวิเคราะห์ต่างมองว่าเอดจ์จะกลายเป็นสิ่งที่ทวีความสำคัญมากขึ้น