รีวิว HUAWEI Vision S ทีวีแห่งอนาคต ที่หัวเว่ยให้นิยามว่า มันคือ “Beyond TV” ออกแบบมาตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบัน ด้วยภาพที่คมชัด 4K ค่ารีเฟรชเรตสูงถึง 120Hz ลำโพงระบบเสียงดังกระหึ่ม มีกล้อง 13MP Magnetic Camera และไมค์ 6 ตัว ใช้สนทนาผ่าน Meetime ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ทำงานเชื่อมต่อจักรวาลอุปกรณ์หัวเว่ยได้แบบไร้รอยต่อ
หัวเว่ยตอนนี้เดินหน้าสร้าง Ecosystem ของการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ให้เชื่อมต่อกันได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, คอมพิวเตอร์, IoT และโทรทัศน์ก็เป็นอีกหนึ่งในระบบนี้ โดยหัวเว่ยมีแนวคิดที่ช่วยให้ใช้งานได้ทั้งเป็นความบันเทิงในบ้าน และใช้ทำงานต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งกว่าที่เคย
HUAWEI Vision S จะมีเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ โดยจะมีให้เลือก 2 ขนาดคือ 55 นิ้ว และ 65 นิ้ว โดยรุ่นที่ทางทีมงาน รีวิว จะเป็นรุ่น 65 นิ้วครับ
สเปค ข้อมูลเบื้องต้น HUAWEI Vision S 65 นิ้ว
- ขนาดตัวเครื่อง (ไม่รวมฐาน) : กว้าง 144.9 x 83.7 เซนติเมตร หนา 7.2 เซนติเมตร
- ฐานกว้าง 33.7 เซนติเมตร สูง 3.9 เซนติเมตร
- น้ำหนัก 20 กิโลกรัม (รวมฐาน) 19.5 กิโลกรัม (ไม่รวมฐาน)
- หน้าจอ ขนาด 65 นิ้ว แบบ LCD (backlit LED) ความละเอียด 4K UHD อัตราส่วนจอ 16:9 อัตรารีเฟรชเรต 120Hz
- ขอบเขตสี 92% DCI-P3 ความสว่าง 350 nits คอน
- หน่วยความจำภายใน 32GB
- RAM 3GB
- ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS
- กล้อง 13 MP Magnetic Camera
- ลำโพง HUAWEI Sound 4 ตัว
- ไมโครโฟน 6 ตัว
- กำลังไฟ 230W
- เชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 2.4GHz / 5GHz
- พอร์ตเชื่อมต่อ : 3x HDMI 2.0 (1x ARC), 1x AV in, 1x SPDIF (coaxial), 1x USB 3.0
- รีโมทคอนโทรล : เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth, เชื่อมต่ออุปกรณ์ OneHop Projection ผ่าน NFC
Design : การออกแบบ
สิ่งแรกที่น่าประทับใจตั้งแต่การเริ่มใช้งานกับดีไซน์ของ HUAWEI Vision S คือหน้าจอที่มีขอบด้านข้างที่บางมากๆ วัดแล้วเพียงแค่ 5 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้เวลามองดูแล้วได้เห็นภาพแบบเต็มตาดีจริงๆ
ตัวเครื่องออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ทั้งแบบติดผนังและตั้งโต๊ะ การติดกับผนังสามารถใช้กับอุปกรณ์แบบติดตั้งที่เป็นแบบ VESA ได้เลย โดยตัวเครื่องมีความหนาเพียงแค่ 7 เซนติเมตรเท่านั้น และถ้าการใช้งานตั้งโต๊ะ ในแพ็กเกจจะมีตัวขาตั้งแบบอลูมิเนียมเคลือบสีดำด้าน โดยขนาดของขาตั้งจะกินพื้นที่ด้านกว้างประมาณ 33.7 เซนติเมตร และยกจอสูงจากพื้นขึ้นมา 3.9 เซนติเมตร
ขนาดมิติของของจอความกว้างจะอยู่ที่ประมาณ 145 เซนติเมตร และสูง 84 เซนติเมตร ถ้าใครจะเลือกตั้งบนโต๊ะหรือตู้วางทีวี แนะนำให้หาที่มีความยาวขั้นต่ำที่ 180 เซนติเมตร และลึกอย่างน้อย 40 เซนติเมตร จึงจะเหมาะสำหรับการตั้ง และแนะนำโต๊ะที่มีชั้นสำหรับวางอุปกรณ์ด้านล่าง เพราะตัวจอยกสูงไม่มาก อาจจะไม่เหมาะสำหรับวางอุปกรณ์อย่างพวก Set top Box หรือเครื่องเกมต่างๆ ได้
อีกจุดเด่นต่อมาของ HUAWEI Vision S ก็คือ มีกล้องมาด้วย เราค่อนข้างแปลกใจเพราะทีวีทั่วไปไม่เคยมีใช้อุปกรณ์แบบนี้ แต่เพราะว่านี่คือ Beyond TV ที่ให้ตัวกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่เชื่อมต่อกับตัวทีวีได้ด้วยระบบแม่เหล็ก สามารถถอดเก็บออกได้หากไมต้องการใช้งาน ซึ่งกล้องตัวนี้สามารถใช้งานกับโปรแกรมวิดีโอคอลได้ด้วย
ด้านล่างของจอ ตำแหน่างกึ่งกลางจะมีโลโก้ของ HUAWEI ติดอยู่ โดยที่ด้านใต้นั้น จะมีปุ่มควบคุมแบบจอยสติก สำหรับเปิดปิดทีวี และเลือกเมนูสั่งงานโดยไม่ต้องผ่านรีโมทคอนโทรล รวมถึงยังมีไมโครโฟนสำหรับรับเสียงพูดติดตั้งมาให้ด้วย
พอร์ตต่างๆ จะอยู่ในตำแหน่งด้านข้างของตัวทีวี โดยทางฝั่งซ้ายจะเป็นช่องของ Power cord สำหรับเสียบปลั้กไฟ ส่วนทางขวานั้นจะรวมเอาพอร์ตในการเชื่อมต่อทั้งหมดเอาไว้ โดยจะมี
- พอร์ต USB 3.0 จำนวน 1 ช่อง สำหรับเสียบอุปกรณ์เสริม, หน่วยความจำภายนอก
- พอร์ต HDMI 2.0 จำนวน 3 พอร์ต (พอร์ตที่ 2 จะรองรับ ARC)
- พอร์ต AV in โดยจะมีตัวเสียบแยกหัว ขาว-แดง-เหลือง มาให้
- พอร์ตเสียงแบบ 3.5 มม.
- พอร์ต LAN (RJ45) สำหรับเชื่อมต่อเครือข่าย
- พอร์ตเสียงแบบ SPDIF (coaxial)
หน้าจอ 4K 120Hz
มาดูเทคโนโลยีและฟีเจอร์ต่างๆ ที่มีมาให้ในจอของ HUAWEI Vision S กันบ้าง จอนั้นเป็นแบบ LCD UHD ความละเอียดระดับ 4K อัตราส่วนของหน้าจอเป็น 16:9 ที่เหมาะสำหรับการชมภาพยนตร์, เล่นเกม และรับชมคอนเทนต์บันเทิงต่างๆ
ความพิเศษแรกที่จอของ HUAWEI Vision S แตกต่างจากทีวีทั่วไปคือ ค่ารีเฟรชเรตของหน้าจอนั้น สูงถึง 120Hz ทำงานพร้อมกับระบบ Smart MEMC ที่จะมีอัลกอริธึมมาคำนวนช่วยสร้างเฟรมภาพเสริมเข้าไประหว่างเฟรมของวิดีโอที่มีค่าเฟรมเรตต่ำ ให้มีความลื่นไหลมากขึ้น
ระบบนี้ช่วยให้การรับชมคอนเทนต์วิดีโอมีความละมุนนุ่มนวลในการเคลื่อนไหวในภาพมากขึ้น ทั้งภาพที่มีเฟรมเรตต่ำ ซึ่งจะเห็นได้ชัดกับพวกคลิปความละเอียด 1080p 30fps ระบบช่วยปรับภาพให้รับชมบนจอที่ใหญ่ขนาด 65 นิ้วได้อย่างคมชัดยิ่งขึ้น
อีกทั้งระบบจอยังปรับแต่งเรื่องการแสดงผลของสีได้หลาย รวมถึงมีโหมดปรับลดแสงสีฟ้า Low Blue Light ที่ผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland Certified เพื่อช่วยถนอมสายตา และลดการกระพริบของภาพได้ดีอีกด้วย
HUAWEI Sound ลำโพง 4 ตัว
HUAWEI Vision S มีระบบเสียงที่เลือกปรับได้ว่าจะเป็นโหมดตั้งบนโต๊ะหรือติดกับผนัง เพื่อให้ทิศทางการส่งเสียงออกมาดีที่สุด ระบบเสียงนั้นจะประกอบด้วยลำโพง 4 ตัว ที่เป็นลำโพง Full Frequency 2 ตัว กับ ลำโพงเสียงทวิตเตอร์อีก 2 ตัว
เสียงที่ได้นั้น เป็นระบบ 2.0 ด้วยตัวลำโพงพลังเสียง 10W ถือว่าค่อนข้างน่าประทับใจ ในการแยกมิติเสียงสูงต่ำได้ค่อนข้างชัดเจน เรียกได้ว่าใช้แทนเครื่องเสียงที่เป็น Soundbar 2.0 ได้แบบสบายๆ โดยไม่ต้องเปลืองพื้นที่ติดตั้งหน้าทีวี ความดังนั้นเหลือเฟือดังสนั่นทั้งห้องได้สบายๆ
รีโมทคอนโทรลดีไซน์มินิมอล ใช้งานง่าย
ลืมรีโมททีวีที่มีปุ่มยุบยับไปได้เลย เพราะ HUAWEI Vision S ออกแบบรีโมทคอนโทรลให้มีปุ่มน้อยมาก หลักๆ การควบคุมจะมีปุ่มเรียกหน้า Home และ ปุ่ม Power อยู่ด้านบนสุด ตรงกลางจะเป็นปุ่ม 4 ทิศทาง และปุ่มกด OK ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง จากนั้นก็จะเป็นปุ่ม Back, ปุ่มเรียกใช้งานคำสั่งเสียง, ปุ่มเรียกเมนูเสียง และปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง
ตัวรีโมทเชื่อมต่อกับทีวีผ่านระบบ Bluetooth ทำให้การสั่งงานไม่ต้องชี้รีโมทไปที่ทีวีแบบที่เป็นอินฟราเรด
และสังเกตที่ด้านล่างบนรีโมท จะมีสัญลักษณ์ของ HUAWEI Share ที่ช่วยให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ของ HUAWEI ผ่าน NFC ได้อย่างรวดเร็ว
HarmonyOS ระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาสำหรับ Beyond TV
ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย ตอนนี้จะใช้เป็น HarmonyOS ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับอุปกรณ์ต่างๆ ให้เชื่อมต่อร่วมกันได้อย่างง่ายและรวดเร็วที่สุด โดยหน้าตานั้นทำออกมาได้สวยงาน เรียบ เข้าใจง่ายไม่ยุ่งยาก และปรับแต่งได้พอสมควร โดยเมนูหลักๆ จะมีดังนี้
- Input สำหรับเลือกเปลี่ยนการแสดงผลจากอุปกรณ์ตามช่องสัญญาณที่เชื่อมต่อ (HDMI 3 ช่อง และ AV)
- Video บริการด้านวิดีโอของ HUAWEI ที่มีให้สมัครใช้บริการเพื่อรับชมคอนเทนต์บันเทิงได้ และยังมีช่องฟรีทีวีบางช่องให้เลือกดูได้อีกด้วย
- Music บริการสตรีมมิ่งเพลงของหัวเว่ย ที่สามารถสมัครใช้บริการเพื่อสตรีมฟังเพลงได้
- All App จะเป็นหน้าที่รวมแอปต่างๆ ที่ติดตั้งเอาไว้ในตัวทีวี
- การตั้งค่า (Setting) สำหรับการปรับตั้งค่าการใช้งานต่างๆ
- AppGallery ศูนย์รวมแอปพลิเคชันที่เลือกเพื่อติดตั้งใช้งานบนทีวีได้
- Gallery เปิดเล่นไฟล์ภาพที่บันทึกเอาไว้ในทีวี
- Meetime แอปสำหรับการสนทนาแบบวิดีโอคอล
- เคล็ดลับ จะช่วยสอนการใช้งานทีวีในเมนูและการใช้งานเบื้องต้นให้
- Media เปิดเล่นไฟล์มีเดียต่างๆ ทั้ง ภาพ, เพลง และวิดีโอ ที่บันทึกเอาไว้ในหน่วยความจำของทีวี, อุปกรณ์ต่อเสริมจากช่อง USB และที่รับมาเก็บไว้ผ่าน HUAWEI Share
HarmonyOS นั้นถือว่าออกแบบมาให้ใช้งานเข้าใจได้ไม่ยาก มีความลื่นไหลในการสั่งงาน ด้วยตัวแอปพื้นฐานที่มีมาให้ก็ครอบคลุมการใช้งานด้านความบันเทิงได้ครบถ้วน และยังติดตั้งแอปเพิ่มได้จาก AppGalery
MeeTime สนทนาแบบ Video Call บนทีวีที่บ้าน
อีกไฮไลต์เด่นของฟีเจอร์ที่ทำให้ HUAWEI Vision S เป็น Beyond TV ที่แตกต่างจากสมาร์ททีวีทั่วไป คือคุณสามารถใช้งานเพื่อพูดคุยสนทนาแบบวิดีโอคอล ผ่านตัวทีวีได้โดยไม่ต้องผ่านอุปกรณ์อื่น โดยการโทรเข้าเพื่อสนทนา สามารถใช้งานกับสมาร์ทโฟน HUAWEI ที่เป็นระบบปฏิบัติการ EMUI ขึ้นไป โดยเราสามารถรับสายจากในทีวี หรือสายเข้าจากสมาร์ทโฟนแล้วโอนการเชื่อมต่อมาสนทนาผ่าน HUAWEI Vision S ก็ได้
นอกจากนี้ MeeTime ยังสามารถใช้งานกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่เป็น Android 8.0 ขึ้นไปได้ด้วย โดยสามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น HUAWER Vision ที่สามารถดาวน์โหลดได้ ที่นี่
การใช้งาน ตัวกล้อง 13 MP Magnetic Camera สามารถส่งสัญญาณภาพในการทำวิดีโอคอลได้ความละเอียดถึง 1080p ที่ให้ความคมชัด ทำงานร่วมกับไมโครโฟน 6 ตัว ที่เก็บเสียงพูดได้รอบทิศทาง ในระยะที่ห่างจากทีวี 2-3 เมตรก็ยังพูดเสียงที่ชัดเจน (ตามสเปคคือ 5 เมตร) จึงทำให้การสื่อสารแบบ Video Call มีความสะดวกสบายมากขึ้น เมื่อคุณต้องการเห็นคู่สนทนาบนหน้าจอใหญ่ๆ และอยู่ที่บ้านโดยไม่ต้องใช้ผ่านสมาร์ทโฟน ทำให้คุณนั่งคุยได้พร้อมกันหลายคนได้อย่างสบายๆ
HUAWEI AI Voice
หัวเว่ยมีระบบผู้ช่วยอัจฉริยะเป็นของตัวเองชื่อว่า ซีเลีย (Celia) ที่เราสามารถสั่งงานผ่านเสียงได้ โดยจะต้องใช้งานเป็นภาษาอังกฤษ ที่เลือกสั่งได้ทั้งการกดปุ่มไมค์ที่อยู่บนรีโมทคอนโทรล หรือพูด “Hey Celia” เพื่อให้ระบบพร้อมรับคำสั่ง ที่เราสามารถใช้สั่งเพื่อค้นหาข้อมูล หรือให้ระบบทำงานได้อย่างสั่งปิดทีวีก็ทำได้
HUAWEI Share , Multi-Device Collaboration และ Multi-Screen
ฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ของหัวเว่ยได้อย่างไร้รอยต่อ คุณสามารถใช้สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, แล็ปท็อป หรือคอมพิวเตอร์ มาแสดงผลเพื่อทำงานบนหน้าจอขนาดใหญ่ของ HUAWEI Vision S แบบไร้สายได้ง่ายและรวดเร็ว
การแชร์ภาพขึ้นหน้าจอนั้น นอกจากจะสั่ง Cast จากในตัวอุปกรณ์ที่ใช้งานแล้ว ยังทำได้เร็วขึ้นอีก ด้วยการเอาอุปกรณ์มาสแกน NFC ที่ตัวรีโมทคอนโทรล ระบบจะถามเพื่อให้เราเลือกการเชื่อมต่อแสดงผลได้ทันที
สมมติอย่างการใช้กับสมาร์ทโฟน คุณเลือกได้ว่าจะเป็นโหมดฉายภาพที่เป็นการ Mirror สะท้อนภาพและเสียงจากหน้าจอขึ้นไปแสดงผลเหมือนกัน หรือจะเลือกเป็นโหมด Desktop (สำหรับรุ่นที่รองรับ) เพื่อทำงานเหมือนเป็นคอมพิวเตอร์บนจอและใช้หน้าจอของอุปกรณ์เป็น Trackpad ควบคุมเม้าส์บนจอก็ได้
โหมดสะท้อนหน้าจอนั้น มีความหน่วงที่ต่ำมากๆ ชนิดที่ว่าสามารถเอาไว้เล่นเกมแล้วให้ภาพไปขึ้นจอใหญ่ แล้วเล่นได้แบบไหลลื่นบันเทิงยิ่งกว่าเดิม
นอกจากนี้ คุณสามารถโยนไฟล์ภาพ, วิดีโอ มาเก็บไว้ที่หน่วยความจำภายในของ HUAWEI Vision S เพื่อเปิดดูภายหลังโดยไม่ต้องแชร์มาจากอุปกรณ์อีกครั้ง
ประสบการณ์หลังทดสอบใช้งาน HUAWEI Vision S
รีวิว HUAWEI Vision S ทีมงานล้ำหน้าฯ เรามีโอกาสได้ทดสอบใช้งานประมาณ 1 เดือน ได้ทดสอบลองใช้ในฟีเจอร์ต่างๆ และลองในหลายๆ อย่างที่เมื่อใช้งานแบบจริงๆ จังๆ แล้ว ความเป็น “Beyoud TV” ของทีวีรุ่นนี้ มีจุดเด่นที่น่าสนใจ รวมถึงข้อจำกัดอะไรบ้าง เราจะมาเล่าให้ฟัง
ไม่มี TV Tuner ในตัว
เราค่อนข้างตกใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ข้อมูลว่า HUAWEI Vision S ไม่มีทีวีจูนเนอร์ในตัว นั่นคือไม่สามารถเอาเสาอากาศทีวีดิจิตอลมาเสียบเพื่อจูนช่องทีวีดิจิตอลได้
ถือว่าเป็นความใจกล้ามากๆ ที่เอาสิ่งที่ “เคย” เป็นหัวใจหลักของทีวีทั่วโลก ออกไปจากทีวีรุ่นใหม่ล่าสุดของหัวเว่ย แต่ถ้ามาวิเคราะห็ว่าจุดนี้เป็นข้อด้อยหรือไม่ เราก็คิดว่า “มันก็ไม่ได้สำคัญ”
เพราะถ้ามาพิจารณาแล้วปัจจุบันพฤติกรรมการรับชมทีวีช่องดิจิตอลนั้นลดลงมาก คนจำนวนมากใช้ทีวีเอาไว้สำหรับรับชมคอนเทนต์บันเทิง, ดูสตรีมมิ่ง หรือเล่นเกมเป็นหลัก อีกทั้งความคมชัดของทีวีดิจิตอลที่ต้องเสียบเสาอากาศนั้น ก็ไม่ชัดเจนในทุกสถานที่และยังมีปัจจัยของสภาพอากาศมาทำให้สัญญาณภาพลดลงอีก
รวมถึงตอนนี้มีตัวเลือกในการรับชมทีวีดิจิตอลที่ดีกว่าการเสียบเสาอากาศ ก็คือใช้ผ่านอุปกรณ์ Set-Top Box อย่าง AIS PlayBox, กล่อง TrueID TV หรือใช้เป็น Chromecast และ Apple TV แล้วลงแอพพลิเคชั่นเพื่อรับชมรายการทีวีแทน ที่ให้ความคมชัดดีกว่ามาก
การไม่มีทีวีจูนเนอร์ในตัวของ HUAWEI Vision S เราจึงไม่ได้มองว่าเป็นข้อด้อยแต่อย่างใด
รองรับ 4K HDR
ในข้อมูลด้านเทคนิคที่เราได้รับมาในเอกสารนั้น ไม่ได้มีระบุว่า HUAWEI Vision S นั้นรองรับ HDR แต่เมื่อได้ทดสอบเอาอุปกรณ์อย่าง PlayStation 5 และ Apple TV มาใช้งาน ก็พบว่าสามารถเชื่อมต่อด้วยสัญญาณที่เป็น 4K HDR ได้อย่างไม่มีปัญหา และจากที่เช็คจากรีวิวของต่างประเทศ มีระบุว่า ตัวจอนั้นรองรับ HLG และ HDR10 ด้วยครับ
การเชื่อมต่อเครื่องเสียง Home Theater
ระบบเสียงที่ให้มากับตัว HUAWEI Vision S เรายอมรับเลยว่า เสียงดีเกินตัวกว่าทีวีรุ่นอื่นๆ ในระดับใกล้เคียงกันอยู่พอสมควร และเสียงดีชนิดที่ใช้แทน Soundbar 2.0 ได้สบาย แต่สำหรับใครที่อยากใช้กับระบบเสียงที่มีเบส หรือมิติของระบบเสียงที่สูงขึ้นอย่าง Dolby Atmos ก็ต้องเลือกใช้เชื่อมต่อกับ Home Theater
เราสามารถเลือกเชื่อมต่อกับเครื่องเสียงภายนอกได้ 3 แบบคือ อย่างแรกเลือกเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth ซึ่งใช้กับเครื่องรุ่นใหม่ๆ ได้ไม่มีปัญหาและไม่มีปัญหาความหน่วงเรื่องเสียง หรือถ้าจะเสียบสายจะมีเป็นแบบ SPDIF (coaxial) และแบบ ARC
เราแอบเสียดายนิดหน่อยที่ตัวเครื่องไม่มีให้เชื่อมต่อผ่าน Optical รวมถึงพอร์ต HDMI ที่มีเพียง 3 ช่อง เพราะถ้าต้องเอาพอร์ตที่ 2 ไปเสียบเป็น HDMI ARC กับเครื่องเสียงแล้ว เราจะเหลือช่องสำหรับเสียบอุปกรณ์ภายนอกได้แค่ 2 ช่องเท่านั้น
CEC เปิดไว้ ใช้รีโมท HUAWEI Vision S อันเดียวคุมได้ทุกอุปกรณ์
สำหรับคนที่ต่ออุปกรณ์ทางช่อง HDMI ไม่ว่าจะเป็น Set-top Box หรือว่าเครื่องเล่นเกมอย่าง PS4, PS5 เราแนะนำให้เปิดโหมด CEC (เข้าไปที่ Setting/General/Advanced) คำสั่งนี้จะทำให้เราสามารถใช้รีโมทคอนโทรลของ HUAWEI Vision S ในการควบคุมอุปกรณ์อื่นๆ ที่เสียบผ่านทาง HDMI ได้ทั้งหมด
อย่างเช่นถ้าคุณต่อ AIS PlayBox กับ PlayStation 5 เอาไว้ เมื่อเปิด CEC เอาไว้ เวลาเปลี่ยนสลับ Souce ไปเลือกใช้อุปกรณ์ต่างๆ คุณไม่จำเป็นต้องสลับไปหยิบเอารีโมทหรือคอนโทรลเลอร์มาใช้ให้วุ่นวาย ใช้รีโมท HUAWEI Vision S เพื่อเลือกคำสั่งบน AIS PlayBox และ PS5 ได้เลย
ลงแอปเพิ่มเติมที่ไม่ได้อยู่ใน AppGallery ได้
เชื่อว่าเป็นอีกสิ่งที่หลายคนอยากรู้ว่า เราสามารถติดตั้งแอปอื่นๆ ที่ไม่ได้มีอยู่ใน AppGallery ได้หรือไม่ จากการที่เราได้ทดลองแล้ว ก็ต้องบอกว่า “ได้” ครับผม
โดยการที่จะเอา APK ของแอประบบ Android นั้น เราสามารถทำบน HUAWEI Vision S ได้โดยให้เข้าไปที่แอป Petal Search แล้วทำการกดพิมพ์ชื่อแอปพลิเคชันเพื่อค้นหาได้เลย ซึ่งมีหลายแอพที่ช่วยให้คุณใช้งานบน Beyond TV นี้ได้มาขึ้น
- YouTube คุณสามารถเปิดดูคลิปยูทูปผ่านแอปบน HUAWEI Vision S ได้ แต่การใช้งานจะไม่สมบูรณ์ในบางส่วน เพราะคุณจะไม่สามารถ Signin Google Account ได้ แต่เมื่อติดตั้งแล้ว คุณสามารถ Pair Device จากในแอป YouTube บนสมาร์ทโฟนของคุณเพื่อ Cast มาขึ้นที่จอทีวีได้
- ZOOM สามารถใช้งาน Video Call โดยใช้งานกล้อง 13MP magnetic Camera และระบบไมโครโฟนได้ ทำให้คุณประชุมออนไลน์แบบจอใหญ่ได้แบบสบายๆ
- Google Chrome ใช้งาน Browser เพื่อท่องเว็บไซต์ต่างๆ ได้ โดยที่สามารถเชื่อมต่อเม้าส์และคีย์บอร์ดให้ควบคุมได้ง่ายขึ้นด้วย แต่ก็ไม่สามารถ Signin Google Account ได้นะ
- VLC แอปสำหรับเล่นไฟล์มัลติมีเดีย สำหรับคนที่ทำ Media Server เอาไว้ในบ้าน คุณสามารถเข้าไปโหลดไฟล์หนังเพื่อมาเล่นบนจอของ HUAWEI Vision S ได้เลย
สรุป รีวิว HUAWEI Vision S เหมาะสำหรับใคร
เราประทับใจมากๆ กับหน้าจอที่เป็น 4K 120Hz ของ HUAWEI Vision S เพราะมันทำให้เราสามารถดูคอนเทนต์วิดีโอต่างๆ ในเฟรมเรตที่สูงขึ้น การเปิดดู YouTube ทุกคลิป หรือจะดูหนังบน Netflix และ Disney+ Hotstar คุณจะได้ภาพที่ให้ความรู้สึกลื่นไหลระดับ 60fps ทั้งหมด รวมถึงสามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลภาพได้เยอะมาก ทั้งโหมดสี และปรับเรื่องความคมชัด, ลด Noise และระบบ Smart MEMC
และสำหรับการเล่นเกม ก็ถือว่าทำได้ดีมาก ผมลองทดสอบการใช้งานกับ PlayStation 5 ที่เลือกเกมกราฟฟิคสูงๆ อย่าง Spi-der man Mile Molres เลือกให้แสดงผลภาพเป็น 4K 30fps ผลที่ได้คือ ภาพที่ได้มีความไหลลื่นพอๆ กับการปรับเลือกเป็น 60fps (ซึ่งส่วนใหญ่เกมบน PS5 ที่เป็น 60fps จะอยู่ที่ 1080p เท่านั้น) รวมถึงหลายๆ เกมของ PS4 ก็ให้ภาพที่รู้สึกว่ามีเฟรมเรตที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ข้อจำกัดเรื่องที่ไม่มี TV Tuner ในตัวนั้นไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะปัจจุบันเชื่อว่าหลายบ้านมีอุปกรณ์เชื่อมต่อแบบ Set-Top Box มีไว้ในบ้านกันแล้ว หรือถ้าไม่มี ทางหัวเว่ยมีโปรโมชันในการวางจำหน่าย จะมีแถมตัว TrueID TV ไปให้ใช้งานได้เลย
และเมื่อมีอุปกรณ์เชื่อมต่อที่เป็น Set -Top Box มาให้ใช้แล้ว ความกังวลเกี่ยวกับหลายๆ แอปพลิเคชันที่ตอนนี้ยังไม่มีให้ติดตั้งได้ผ่าน AppGallery คุณก็สามารถใช้ผ่านกล่องต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น Netflix, Disney+ Hotstar, HBO GO ฯลฯ ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร และถ้าใช้เป็น TrueID TV ก็ยังได้ฟีเจอร์อย่าง Chromecast เพิ่มขึ้นมาด้วย
ระบบเสียงลำโพงในตัวกับลำโพง 10W 4 ตัว รวมเป็น 40W แยกมิติสูงต่ำของเสียงได้ค่อนข้างดี ถือว่าเหลือเฟือสำหรับคนที่ไม่อยากพ่วงต่อเครื่องเสียงภายนอก
ที่สำคัญกับระบบของ HarmonyOS ที่ช่วยให้คุณใช้งานร่วมกับอุปกรณ์หัวเว่ยอื่นๆ ได้สะดวกมากขึ้น ช่วยให้การใช้จอทีวีในบ้านมากกว่าความบันเทิง เพราะใช้สำหรับ Video Call ผ่าน Meetime หรือจะใช้เป็นจอใหญ่สำหรับทำงานเพิ่มได้อีกด้วย
HUAWEI Vision S ถือว่าเป็น Beyond TV สำหรับใครที่อยากจะอัปเกรดทีวีที่บ้านใหม่ ให้ใช้รับชมคอนเทนต์ความละเอียดสูงได้อย่างสวยคมชัดยิ่งขึ้น สำหรับใครที่มีห้องพื้นที่ไม่ใหญ่มากหรือว่าอยู่คอนโดฯ แนะนำเป็นรุ่น 55 นิ้ว ส่วนใครมีพื้นที่ ห้องใหญ่ๆ จัดไปเลยครับ 65 นิ้ว ที่จะให้อรรถรสความบันเทิงได้อย่างเต็มอิ่ม
HUAWEI Vision S ราคา โปรโมชัน และการวางจำหน่าย
HUAWEI Vision S จะทำการประกาศราคา อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 1 ธันวาคม 2564 และจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ วันที่ 19 ธันวาคม 2564 โดยราคาที่เผยมาคร่าวๆ ตอนนี้ รุ่น 55 นิ้ว ราคา 2x,xxx บาท และรุ่น 65 นิ้ว ราคา 3x,xxx บาท
ตอนนี้มีโปรโมชัน พิเศษ สำหรับลูกค้าที่สนใจ HUAWEI Vision S สามารถลงทะเบียนที่ https://consumer.huawei.com/th/offer/event/ เพื่อรับคูปองส่วนลด สูงสุดถึง 3,000 บาท ได้ตั้งแต่วันนี้-30 พฤศจิกายน 2564