ผลิตภัณฑ์โปรเซสเซอร์รุ่นล่าสุดของ AMD ที่มอบประสบการณ์การใช้งานบนอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่อง อายุการใช้งานแบตเตอรี่
ในอนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตวิถีใหม่ หรือ นิวนอร์มอล จะกลายเป็นรูปแบบไฮบริดอย่างเป็นทางการ การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานจะส่งผลต่อวิธีที่ธุรกิจเลือกเทคโนโลยีมาใช้งาน ความสะดวกในการพกพา ซึ่งครั้งหนึ่งคนมองว่า “มีก็ดี” แต่ปัจจุบันกลับเป็นสิ่งที่สำคัญ ในขณะที่พนักงานต้องโยกย้ายที่ทำงานไปมาระหว่างออฟฟิศ บ้าน และสถานที่ต่าง ๆ ดังนั้นอายุการใช้งานแบตเตอรี่เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก ถ้าการบริโภคพลังงานมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม จะทำให้สามารถใช้แบตเตอรี่ได้อย่างยาวนาน เพื่อทำให้การทำงาน การสร้างสรรค์ และทำงานร่วมกันเชื่อมต่อกันอยู่ตลอดและอยู่ได้นานขึ้นก่อนที่คุณจะมองหาปลั๊กเพื่อเสียบชาร์จแบตเตอรี่
รายงานวิจัยจาก Strategy Analytics เผยว่าในไตรมาสแรกของปี 2021 ยอดขายผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 81% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้น เพื่อนำมาตอบสนองความต้องการด้านความบันเทิงและการทำงานในรูปแบบ Work from Home ซึ่งสอดคล้องกับบทความ เทรนด์การทำงานของโลกในยุค New Normal ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยหนึ่งในเทรนด์การทำงานที่สำคัญ คือ เทรนด์การทำงานจากที่ใดก็ได้ หรือ Remote Work and Virtual Meeting เพราะในช่วงการระบาดของโควิด 19 แรงงานในหลายประเทศเปลี่ยนรูปแบบเป็นการทำงานจากที่ใดก็ได้มากขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่เริ่มหันมาใช้วิธีนี้เกือบทุกวันในแต่ละสัปดาห์ สอดคล้องกับการเติบโตของการทำงานที่ใดก็ตามที่เพิ่มขึ้นกว่า 30% ในเวลาเพียงแค่ 3 สัปดาห์ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าการทำงานรูปแบบนี้จะยังคงมีอยู่ต่อไปแม้ว่าการระบาดของโควิด 19 จะสิ้นสุดลงแล้วก็ตาม
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ไม่ได้ขับเคลื่อนเพื่อตอบสนองเรื่องความคล่องตัวเท่านั้น แต่เป็นเพราะเครื่องมือและแอปพลิเคชั่นที่เราใช้งานนั้นได้รับการพัฒนาการใช้งานให้ดีขึ้นด้วย ธุรกิจต่างมองเห็นว่า Zoom และเครื่องมือสื่อสารแบบวิดีโออื่น ๆ มีการใช้งานจากเป็นครั้งคราวกลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงาน และสิ่งเหล่านี้ได้เพิ่มความต้องการและความคาดหวังในด้านประสิทธิภาพมากขึ้น
จากรายงานของ Boston Consulting Group พบว่าในช่วงสถานการณ์โควิด มีจำนวนคนที่ทำงานจากทุกที่ที่ไม่ใช่สำนักงานเต็มตัวหรือบางส่วนเพิ่มมากขึ้นถึง 51% โดยพนักงานที่มีบทบาทหน้าที่การทำงานในรูปแบบดิจิทัลและงานระบบควบคุมอัตโนมัติได้เปลี่ยนรูปแบบการทำงานมาเป็นการทำงานจากที่ใดก็ได้ คิดเป็นร้อยละ 70 และประเด็นเรื่องความยืดหยุ่นในการทำงานก็ยังเป็นสิ่งที่พนักงานต้องการ ร้อยละ 89 ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงานได้จากสถานที่อื่น ๆ นอกเหนือจากการเข้าทำงานที่ออฟฟิศ
ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าการใช้งานการประชุมทางวิดีโอให้สามารถใช้งานได้ตลอดคืน หรือการติดตามการทำงานต่าง ๆ ในรูปแบบมัลติทาสกิ้งที่ล้ำสมัย องค์กรต่าง ๆ ในปัจจุบันต่างตระหนักดีว่าการจัดการธุรกิจในอนาคตที่แท้จริงคือการเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดการกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในครั้งถัดไป ไม่ว่าจะเป็นความต้องการด้านการประมวลผลรูปแบบใหม่ หรือรูปแบบการทำงานใหม่ หมายความว่าประสิทธิภาพและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของแล็ปท็อปต้องมีความพร้อมสำหรับการทำงานในรูปแบบไฮบริดนิวนอร์มอลของเรา
ความคาดหวังด้านประสบการณ์การใช้งานที่เพิ่มขึ้น
ความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความท้าทายเท่านั้น ผู้ใช้ยังคงมีความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นและเชื่อว่าในทุกการอัปเกรดควรจะมีประสิทธิภาพดีขึ้นและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น แต่ก็มีอุปกรณ์ที่กินไฟมาก เช่น จอแสดงผล OLED คีบอร์ดเรืองแสง และแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่ใช้ประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์สูง ล้วนมีส่วนต่อการใช้งานแบตเตอรี่อย่างมาก
ในขณะเดียวกัน อุปกรณ์ต่าง ๆ ก็มีขนาดที่บางและเบาลง และต้องการความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมที่ล้ำสมัยเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ซึ่งบางครั้งก็เกิดการแข่งขันกัน ผู้ใช้อาจมีความต้องการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้นานที่สุดสำหรับเที่ยวบินทางไกล หรือเสียบปลั๊กที่บ้านและประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งไม่ว่าจะกรณีใด พวกเขาต่างยังคาดหวังประสิทธิภาพและการใช้งานที่ลื่นไหล
จากผลสำรวจของ ETDA พบว่า สถานที่ที่คนนิยมใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดอันดับหนึ่ง คือ บ้าน/ที่พักอาศัย คิดเป็นร้อยละ 67.8% รองลงมาคือ สถานที่สาธารณะ (เช่น ห้างสรรพสินค้า, ร้านอาหาร/คาเฟ่) คิดเป็นร้อยละ 45.4% และสถานที่ทำงาน คิดเป็นร้อยละ 30.1% โดยสัดส่วนความนิยมมักจะสอดคล้องกับระยะเวลาที่ต้องใช้ในสถานที่นั้น นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล ทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับการใช้งานโน้ตบุ๊กในสถานที่ต่างๆ
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ได้สร้างแรงกดดันให้กับผู้ผลิตอย่าง AMD ในการมอบประสิทธิภาพการทำงานให้ดีมากยิ่งขึ้น ทนทานมากยิ่งขึ้น และมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานมากขึ้น เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานสูงสุด ในขณะเดียวกันก็มองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนาด้านประสิทธิภาพต่อวัตต์ (performance-per-watt) สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพและความคาดหวังที่เป็นตัวขับเคลื่อนประสบการณ์การใช้งาน ซึ่งเกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
นวัตกรรมเพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่
AMD ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาด้านประสิทธิภาพนี้มาตลอด โดยนำนวัตกรรมการออกแบบที่ล้ำสมัยมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล อายุการใช้งานแบตเตอรี่ ในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ทุกรุ่น รวมไปถึง โมบายโปรเซสเซอร์ใหม่ AMD Ryzen PRO 5000 Series ทำให้ได้แพลตฟอร์มที่ให้ประสิทธิภาพและโซลูชั่นในระดับสูง ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความคาดหวังที่เพิ่มขึ้น และเสนอโซลูชั่นให้กับลูกค้าที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานต่างๆ
การเพิ่มประสิทธิภาพต่อวัตต์ต้องใช้แนวทางการพัฒนาใหม่ทั้งในด้านกระบวนการการออกแบบและการจัดการพลังงาน โมบายโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen 5000 PRO Series ให้ผลลัพธ์ในด้านนี้อย่างมหาศาล ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำหน้าอย่างเป็นระบบ มีกระบวนการการลดการใช้พลังงานแบบ power gating และการจัดการพลังงานที่พัฒนาขึ้น และให้ประสิทธิภาพโดยรวมที่ดียิ่งขึ้น บางส่วนในการพัฒนาถูกนำมาใช้บนผลิตภัณฑ์ AMD กระบวนการผลิต 7nm เพื่อลดการใช้พลังงานของโปรเซสเซอร์ และยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานยิ่งขึ้นเมื่อนำไปเทียบกับโหนดการทำงานที่ใหญ่กว่า
นอกจากนี้ สถาปัตยกรรมการผลิต “Zen 3” ยังช่วยให้ชิปประมวลผลสามารถปิดฟังก์ชั่นเวิร์คโหลดการทำงานปัจจุบันที่ไม่มีการใช้งานในโปรเซสเซอร์ ส่งผลให้การใช้พลังงานโดยรวมลดลงโดยไม่กระทบต่อประสบการณ์การทำงานของผู้ใช้ นวัตกรรมเหล่านี้ ช่วยให้ AMD บรรลุความสำเร็จในการพัฒนาครั้งสำคัญด้านการส่งพลังงานไปยังโปรเซสเซอร์และส่วนอื่น ๆ สามารถลดปริมาณการสูญเสียพลังงานในภาพรวมของระบบ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก
ทางเลือกการตอบสนองความต้องการสูงสุด
AMD ตระหนักดีว่าเมื่อผู้ใช้ประเมินประสิทธิภาพการทำงานของพีซีแล็ปท็อป พวกเขาต้องการภาพรวมด้านประสบการณ์การใช้งานที่คล่องแคล่ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานประเภทใด ไม่ว่าผู้ใช้จะเลือกยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่หรือประสิทธิภาพการทำงานให้เพิ่มขึ้นสูงสุด พวกเขายังคงคาดหวังประสิทธิภาพที่ลื่นไหล ปราศจากการหยุดชะงักไม่ว่าจะเสียบปลั๊กอยู่หรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ AMD เพิ่มประสิทธิภาพเพื่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีที่สุดในผลิตภัณฑ์ระดับเดียวกัน โดยให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมและตอบสนองอย่างรวดเร็วในทุกการตั้งค่าด้านพลังงาน ตั้งแต่ในโหมด “battery saver” ไปจนถึงโหมด “best performance” ไม่ว่าผู้ใช้ปลายทางจะใช้ระบบอะไรในการทำงาน โมบายโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen 5000 PRO Series จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการทำงานโดยที่ไม่กระทบประสบการณ์ด้านประสิทธิภาพ
การพัฒนาให้สามารถรับมือการทำงานในสถานการณ์ที่หลากหลายในปัจจุบัน
ไม่มีเวิร์คโหลดที่มีลักษณะเหมือนกันทุกประการ การกำหนดความต้องการด้านประสิทธิภาพสำหรับสถานที่ทำงานรูปแบบไฮบริดจึงเป็นเรื่องที่ยาก เป็นเหตุผลที่วิศวกรของ AMD ออกแบบและส่งมอบรูปแบบการทำงานและสถานการณ์ที่หลากหลาย แนวทางการทำงานที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้เป็นศูนย์กลางมากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้เราสามารถจัดการทั้งด้านประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้นและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นในการทำงานสมัยใหม่ที่มีความหลากหลาย
วัดผลสิ่งที่มีความสำคัญเปรียบเทียบในสถานการณ์ต่างๆ: การทดสอบที่ตอบโจทย์ต้องมาจากเวิร์คโหลดที่ถูกกำหนดค่าตามลำดับความสำคัญและข้อจำกัดต่าง ๆ AMD มีการทดสอบอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ครอบคลุมในหลากหลายสถานการณ์ ตั้งแต่การใช้งานในด้านแอปพลิเคชั่นสร้างสรรค์งานต่าง ๆ และการท่องเว็บไซต์ ไปจนถึงการเล่นวิดีโอและการทำงานในสำนักงาน แนวทางการผสมผสานการออกแบบและการวัดประสิทธิภาพช่วยให้โมบายโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen 5000 PRO Series มีประสิทธิภาพที่สมดุล อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน และรองรับความต้องการต่าง ๆ ที่ธุรกิจต้องการเพื่อนำมาใช้ในการทำงานรูปแบบไฮบริดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปีเตอร์ แชมเบอร์ส กรรมการผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท AMD ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า “ในปัจจุบันผู้ใช้งานมีความต้องการฮาร์ดแวร์ที่มีความหลากหลายมาก สำหรับผู้ใช้งานในระดับมืออาชีพต้องการฮาร์ดแวร์ที่บางเบา เพื่อให้สามารถพกพาไปทำงานที่ไหนก็ได้ พร้อมประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน รองรับการทำงานที่บ้านหรือในระหว่างการเดินทาง นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ระดับชั้นนำด้านวิศวกรรมอย่างโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO 5000 Series แล้ว AMD ยังทำงานร่วมกันกับพาร์ทเนอร์ที่มีความมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่คล้ายคลึงกันอย่างใกล้ชิด ทำให้สามารถสร้างโซลูชั่นที่ยอดเยี่ยม ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้งานในปัจจุบัน”
เปลี่ยนโลกผ่านการประมวลผล
การคิดและการสร้างให้ยิ่งใหญ่ขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของ DNA เรามาตั้งแต่เริ่มต้น จึงเป็นเหตุผลว่าในขณะที่โลกของการทำงานพัฒนาขึ้น วิศวกรของ AMD ก็กำลังสร้างอนาคตข้างหน้าอยู่ จึงทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมาย 25×20 ได้ โดยการนำเสนอโมบายโปรเซสเซอร์ออกสู่ตลาดด้วยประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 25 เท่า ภายในปี 2563 เมื่อนำไปเทียบค่ามาตรฐานการใช้พลังงานปี 2557 ด้วยนวัตกรรมนี้ทำให้สามารถลดปริมาณการใช้ไฟของคอมพิวเตอร์ในองค์กรลงได้มากถึง 84% และจะมีคุณประโยชน์เพิ่มยิ่งขึ้นเมื่อคำนึงถึงอายุการใช้งานแบตเตอรี่
สร้างบรรทัดฐานใหม่
เมื่อต้องคำนึงถึงพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อแนวทางใหม่ในการทำงานร่วมกันและการ สร้างสรรค์คุณค่า ตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ที่ทำให้ธุรกิจจำนวนมากต้องแข่งขันกันเพื่อปิดช่องว่างระหว่างความคาดหวังและประสบการณ์การใช้งาน โดยต้องเริ่มต้นจากการเปลี่ยนวิธีคิดในการเลือกอุปกรณ์ จัดการกับข้อมูลผู้ใช้งานที่ล้าสมัยและตัวเลือกที่ผิดพลาดระหว่างประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดหรืออายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น เพราะการทำงานในรูปแบบไฮบริดต้องการทั้งสองอย่าง
ด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยีนี้ ได้ช่วยผลักดันให้วิศวกรของ AMD สามารถพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ ผ่านกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการออกแบบและพัฒนาที่ดีขึ้นเพื่อผลักดันขีดจำกัดด้านประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ในผลิตภัณฑ์โปรเซสเซอร์ Ryzen รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง และนี่คือบทพิสูจน์ความเป็นผู้นำด้านอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ซึ่งช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่าผู้ผลิตเพื่อนำเสนอประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะใช้งานตอนที่เสียบปลั๊ก ไปจนถึงอิสระในการทำงานไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม