ตอนนี้ Apple กำลังให้บริการลูกค้าที่ต้องเผชิญกับการซ่อม iPhone / Mac ที่มีราคาค่าซ่อมสูงๆ จนต้องตัดสินใจแลกซื้อ ล่าสุด Apple เปิดโอกาสที่สองให้ลูกค้าสามารถซื้อการคุ้มครองอย่าง AppleCare+ ได้ ซึ่งจะมีเงื่อนไข/ข้อผูกมัดบางประการมากับนโยบายของการคุ้มครองนี้
ทางด้าน MacRumors ได้รับบันทึกภายในของ Apple ที่กล่าวเอาไว้ว่า ลูกค้าที่ซ่อมแซม iPhone หรือ Mac ที่ Apple Store หรือ ผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Apple มีสิทธิ์ซื้อ AppleCare+ สำหรับอุปกรณ์ ตราบใดที่อุปกรณ์นั้นๆ ถูกซื้อไปเป็นเวลาไม่เกิน 1 ปี และผ่านการตรวจสอบตัวเครื่องและทำการวินิจฉัยหลังการซ่อมแซมแล้ว
สำหรับลูกค้าที่ไม่แน่ใจว่า iPhone ของคุณนั้นได้รับการซ่อมแซมโดยผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Apple หรือไม่ ใน iOS 15.2 มีหัวข้อใหม่ในการตั้งค่าที่ชื่อว่า “Parts and Service History” หรือ อะไหล่และประวัติการบริการ ผู้ใช้สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่ Settings >> General >> About ซึ่งจะระบุว่า ส่วนประกอบต่างๆ เช่น แบตเตอรี่และจอแสดงผลนั้นเป็นชิ้นส่วนของแท้ของ Apple หรือไม่ โดยการอัปเดตซอฟต์แวร์คาดว่าจะออกในช่วงต้นสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตาม ลูกค้ายังคงต้องชำระค่าธรรมเนียมนอกการรับประกันทั้งหมดของ Apple สำหรับการซ่อมแซมที่เสร็จสิ้นก่อนที่จะซื้อความคุ้มครอง AppleCare+ สำหรับอุปกรณ์
ยกตัวอย่างสถานการณ์
ลูกค้าซื้อ iPhone เครื่องใหม่ แต่ไม่ได้ซื้อความคุ้มครอง AppleCare+ สำหรับอุปกรณ์ ไม่กี่เดือนต่อมา เขาทำ iPhone หล่น จอแสดงผลแตก เขาจึงนำ iPhone ไปที่ Apple Store เพื่อซ่อมแซมหน้าจอที่แตก และต้องเผชิญกับค่าบริการราคาแพงที่ไม่อยู่ในการรับประกันปกติ เนื่องจากเขาไม่ได้ตัดสินใจซื้อ AppleCare+
เคสนี้ เนื่องจาก iPhone ที่ซื้อไปมีระยะเวลาน้อยกว่า 1 ปี ดังนั้น ทาง Apple ยังคงแนะนำให้เขาซื้อ AppleCare+ สำหรับอุปกรณ์ เพื่อที่ค่าซ่อมครั้งต่อๆ ไปจะได้ไม่สูงเท่าครั้งแรกที่โดน
นโยบายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ที่ Apple Store และผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Apple ในทุกประเทศและภูมิภาคที่ AppleCare+ ให้บริการ
ทั้งนี้ การขยายสิทธิ์ AppleCare+ สำหรับ iPhone และ Mac ที่ได้รับการซ่อมแซม เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเพิ่มรายรับจากการบริการของ Apple ได้อีกมาก โดยทำรายได้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1.827 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสก่อน
ที่มา : MacRumors
