Facebook

Facebook Protect ยืนยันตัวตนแบบสองชั้น เพิ่มความปลอดภัย

การขยายการดำเนินงานโครงการ Facebook Protect เพื่อคุ้มครองบัญชีของผู้ใช้ที่มักตกเป็นเป้าหมายหลักของแฮ็คเกอร์ ด้วยการใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น

หนึ่งในความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของเราในการพัฒนาการรักษาความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้นคือการขยายการดำเนินงานโครงการ Facebook Protectซึ่งเป็นการริเริ่มขึ้นเพื่อคุ้มครองบัญชีของผู้ใช้ที่มักตกเป็นเป้าหมายหลักของแฮ็คเกอร์ที่มีความประสงค์ร้าย เช่น ผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน สื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่องค์กรรัฐฯ จากการดำเนินงานภายใต้โครงการดังกล่าว เราได้ช่วยให้บัญชีเหล่านี้ได้รับการปกป้องดูแลอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยการใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น และเฝ้าสังเกตความเสี่ยงในการโดนแฮ็คบัญชี

เราได้เริ่มต้นทดสอบโครงการนี้ในปี พ.ศ.2561 และขยายการดำเนินงานของโครงการก่อนการเลือกตั้งในปี พ.ศ.2563ในประเทศสหรัฐอเมริกา เราเริ่มขยายการดำเนินงานโครงการในระดับโลกเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตั้งแต่นั้นมา มีบัญชีผู้ใช้กว่า 1.5ล้านบัญชีที่เริ่มต้นเปิดใช้งาน Facebook Protectซึ่งในจำนวนนี้มีราว 950,000บัญชีได้เริ่มต้นใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นเป็นครั้งแรก เรากำลังดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ในการขยายโครงการสู่กว่า 50ประเทศภายในสิ้นปีนี้

หากบัญชีของคุณไม่ได้รับการแจ้งเตือนบนFacebookให้เข้าร่วมโครงการ คุณไม่จำเป็นต้องดำเนินขั้นตอนใดๆ การปกป้องดูแลความปลอดภัยแก่บัญชีที่อาจมีความเสี่ยงตกเป็นเป้าหมายของผู้ประสงค์ร้ายมากที่สุด

การยืนยันตัวตนแบบสองชั้น โดยเฉพาะการใช้งานผ่านแอปพลิเคชันภายนอกองค์กรเพื่อการยืนยันตัวตน ช่วยยกระดับความปลอดภัยให้กับบัญชีออนไลน์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ในปัจจุบัน ทุกคนสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวได้แล้ว และเป็นฟีเจอร์ที่ควรพิจารณาเปิดใช้เป็นอย่างยิ่ง

Facebook Protect

อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ที่มีความสำคัญต่อการดูแลความปลอดภัยของบัญชีนี้กลับไม่ได้รับความนิยมบนอินเทอร์เน็ตเท่าที่ควรในช่วงที่ผ่านมา แม้ในกลุ่มคนที่มักจะตกเป็นเป้าหมายของแฮ็คเกอร์ผู้ประสงค์ร้ายมากที่สุด เช่น สื่อมวลชน นักกิจกรรมเคลื่อนไหว ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และอื่นๆ

จากโครงการ Facebook Protectเราได้ดำเนินงานเพื่อช่วยให้การสมัครและเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นเป็นขั้นตอนที่ทำได้สะดวกและง่ายมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับผู้คนที่มักตกเป็นเป้าหมายของผู้ประสงค์ร้าย ด้วยการมอบประสบการณ์ผู้ใช้และการให้ความช่วยเหลือที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ เรายังแจ้งเตือนให้พวกเขาใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าว

เราเข้าใจดีว่าอาจจะมีผู้ใช้จำนวนหนึ่งที่ไม่สมัครเข้าร่วมโครงการในทันที เช่น บัญชีเหล่านั้นอาจจะใช้เวลาบนแพลตฟอร์มของเราน้อยกว่าผู้อื่นในช่วงเวลาที่เราแจ้งเตือนและกำหนดให้เข้าร่วมโครงการ อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าการดำเนินงานในครั้งนี้เป็นการก้าวสู่อนาคตที่สำคัญเพื่อปกป้องบัญชีที่มีโอกาสตกเป็นเป้าหมายของผู้ประสงค์ร้ายมากที่สุด สิ่งที่เราได้พบเห็นในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นสัญญาณที่ดี เริ่มจากการทดสอบโครงการในระยะต้น การปรับขั้นตอนการสมัครให้ง่ายขึ้น การพัฒนาการให้ความช่วยเหลือลูกค้า และกำหนดให้ผู้ใช้เข้าร่วมโครงการ Facebook Protectส่งผลให้มีอัตราผู้เข้าร่วมโครงการสูงขึ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์จากชุมชนผู้ตกเป็นเป้าหมายของผู้ประสงค์มากที่สุดในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน

ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เราจะเดินหน้าขยายการดำเนินงานในระดับโลก เราได้เห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจจากในช่วงระยะเริ่มต้นของโครงการ และเราจะยังคงสานต่อการพัฒนาโครงการ Facebook Protect ในอนาคต