รีวิว ASUS VivoBook Pro 16X ที่สุดแห่งความทรงพลัง จอ OLED สวยคมชัด

รีวิว ASUS VivoBook Pro 16X รหัส M7600QE โน้ตบุ๊กซึ่งเป็นที่สุดแห่งความทรงพลัง จอ OLED ที่สวยคมชัด ปลดล็อคทุกขีดจำกัด สู่ความสร้างสรรค์ที่ไม่รู้จบ!

สเปค

• มิติตัวเครื่อง : 36.05 x 25.90 x 1.89 เซ็นติเมตร
• น้ำหนัก : 1.95 กิโลกรัม (รวมแบตเตอรี่)
• หน้าจอ : 16” OLED Display ความละเอียด 4K (3840×2400) อัตราส่วน 16:10 รองรับขอบเขตสี 100% DCI-P3 ความสว่างสูงสุด 400nits
• หน่วยประมวลผล : AMD Ryzen™ 9 5900HX 3.3GHz (8 Cores, 16M Cache, up to 4.66GHz)
• กราฟิกการ์ด : NVIDIA® GeForce® RTX™ 3050Ti 4GB DDR6 (Laptop GPU)
• AMD Radeon™ Graphics
• RAM : 32GB DDR4 on board
• Storage : 1TB M.2 NVME PCIe 3.0 SSD
• แบตเตอรี่ : 96WHrs (6-cell Li-ion) (120W AC Adapter)
• ระบบเสียง harman/kardon
• ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
• Operating System : Windows 10 Home
• การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 6(802.11ax) , Bluetooth 5.0 (Dual band)
• ระบบปฏิบัติการณ์ Windows 10
• Features :
  • รองรับการสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มพาวเวอร์
  • Webcam 720p (มี Webcam Shield)
  • ASUS DialPad
  • myASUS
  • ProArt Creator Hub
  • Pantone Validated

ดีไซน์

Asus VivoBook Pro 16X รุ่นที่กำลังรีวิวอยู่นี้มาในรหัส M7600QE ครับ! ในจุดนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าสีที่วางจำหน่ายในประเทศไทยนั้น จะมีแค่สี 0°Black เท่านั้นนะครับ (ชื่อสีเก๋มาก มี 0 องศาซะด้วย!?)

ภายนอกของตัวเครื่องนั้นจะเป็นสีดำด้าน และมีเพลทประทับตรา ASUS Vivobook อยู่ด้วยครับ

มาพร้อมกับ Backlit Chicklet Keyboard แบบ Full Size ครับ มาครบหมดทั้งตัวอักษร ทั้ง Numpad โดยที่คีย์บอร์ดตัวนี้ให้สัมผัสที่นุ่มนวล อาจจะไม่ได้เน้นสำหรับเกมเมอร์จ๋า แต่การใช้งานนั้นลงตัวแน่นอน มีระยะกดปุ่มอยู่ที่ 1.35 มิลลิเมตร น้ำหนักกดกำลังดี ไม่ต้องใช้แรงเยอะ ถือว่าลงตัวเลยล่ะครับ! แถมยังมีไฟส่องสว่างให้ด้วย ใช้งานตอนกลางคืนสบายมาก!

และการออกแบบที่เห็นเด่น เห็นเป็นสง่า ก็คือปุ่ม Esc ที่มาพร้อมกับสีสันฉูดฉาด สีส้มแปร๊ด! กดปุ่มนี้ไม่พลาดแน่นอนครับ (แหม.. ก็เด่นซะขนาดนี้)

มาพร้อมกับลูกเล่นสีเทา และมีสติ๊กเกอร์แถบคาดขาวดำ ในโซนของปุ่มด้านขวาที่เราใช้งานกันบ่อยๆ จำพวก ปุ่ม Backspace, Enter, Shift ด้านขวา และปุ่มลูกศรบังคับทิศทาง

และยังมี TouchPad ขนาดใหญ่ สมกับตัวเครื่อง ซึ่งในจุดนี้ต้องออกตัวไว้เลยครับว่าในโน้ตบุ๊กฝั่ง Windows นั้น ทาง ASUS เค้าจัดว่าเป็นเบอร์ต้นๆ ของการทำ TouchPad ที่ตอบสนองกับนิ้วมือเราได้ดีมากๆ เลื่อนเป็นเลื่อน ลื่นไหลไร้สะดุดนั่นเองครับ ทำในจุดนี้ออกมาได้ดีมากๆ เลยล่ะ (ทำดีก็ต้องชื่นชม) ซึ่งในตัว TouchPad นีัเค้ามาพร้อมกับ ASUS DialPad ซึ่งเป็นลูกเล่นใหม่ที่น่าสนใจมากเลยล่ะ เดี๋ยวเราไปว่ากันในพาร์ทของ ASUS DialPad กันอีกทีครับ

ส่วนเรื่องของการพกพานั้น พูดกันตรงๆ ว่าเค้าอาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับการพกไปข้างนอกบ่อยๆ สักเท่าไหร่ครับ จากน้ำหนักตัวเครื่องเองที่ 1.95 กิโลกรัม ก็จัดว่าเป็นโน้ตบุ๊กที่มีน้ำหนักค่อนข้างมากตัวนึง ยังไม่รวมส่วนของอะแดปเตอร์ชาร์จ 120W อีก ก็จะทะลุ 2 กิโลกรัมไปนั่นเองครับ แต่ถ้ามองเทียบว่า เค้าเป็นโน้ตบุ๊กระดับท็อป ที่มาในขนาดหน้าจอ 16 นิ้ว ก็ถือว่าพอหยวนๆ ได้อยู่ อย่างน้อยก็ดีกว่าแบกเคส PC Desktop ที่มีประสิทธิภาพเร็วแรง ออกไปใช้งานนอกบ้านล่ะเนาะ!?

ส่วนเรื่องของระบบเสียงไม่ต้องห่วงครับ เพราะเค้ามาพร้อมกับป้ายสัญลักษณ์ของ harman/kardon มีป้ายนี้ติดอยู่ไม่ต้องคิดเยอะครับ ระบบเสียงเค้ามาดีแน่นอน! จากการได้ลองใช้งานมาในการดูหนังดูซีรีส์ เปิดเพลงฟังเวลาทำงาน บอกเลยว่าเพลินมากๆ เสียงเค้าให้มิติที่ดีเลยล่ะ ส่วนความดังนั้นถือว่ากระหึ่มประมาณนึงครับ โดยรวมจัดว่าทำเรื่องเสียงได้ดีเลย

สามารถกางจอได้ราวๆ 130 องศา อาจจะกางไม่ได้เยอะมากเท่าไหร่ ต้องระวังกันนิดนึงนะครับเวลาเปิดกางหน้าจอขึ้นมา

พอร์ตการเชื่อมต่อ

• 1x USB 3.2 Gen 1 Type-A
• 1x USB 3.2 Gen 1 Type-C
• 2x USB 2.0 Type-A
• 1x HDMI 1.4
• 3.5mm Combo Audio Jack
• DC-in (สำหรับเสียบไฟเข้า)
• Micro SD card reader

ถ้าจะให้ติเจ้า Asus VivoBook Pro 16X เครื่องนี้ ก็คิดว่าคงเป็นส่วนของการวางเลย์เอาท์ของพอร์ตเชื่อมต่อนี่แหละครับ! เนื่องด้วยเค้าวางพอร์ตส่วนใหญ่หนักไว้ทางด้านขวา เวลาใช้เมาส์ ร่วมกับการต่อจอมอนิเตอร์ ต่อกับ External HDD ที่เป็น USB Type-C รวมไปถึงการเสียบชาร์จไฟ ก็อาจจะทำให้ด้านขวาของตัวเครื่อง ค่อนข้างที่จะแน่นเล็กน้อยครับ! ถ้าเป็นการใช้งานในพื้นที่จำกัด ที่ต้องใช้เมาส์ด้วย ก็อาจจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยครับ

จอแสดงผล OLED

จะสังเกตุเห็นได้ว่า เทรนด์ของหน้าจอบนโน้ตบุ๊กตั้งแต่ช่วงปลายปี 2021 เป็นต้นมา จะทยอยใช้จอ OLED กันอย่างแพร่หลายมากขึ้นครับ เนื่องจากมีการแสดงผลที่คมชัด สีสันจัดจ้าน และเหมาะกับการใช้งานในยุคปัจจุบันมากขึ้น ซึ่งทาง Asus เองก็เป็นแบรนด์ผู้นำในการใช้จอชนิด OLED นี้เช่นเดียวกันครับ

Asus VivoBook Pro 16X มาพร้อมกับหน้าจอ OLED ขนาด 16 นิ้ว เป็นหน้าจออัตราส่วน 16:10 ที่มีความละเอียดสูงถึง 4K (3840 x 2400 พิกเซล) ซึ่งเป็นโน้ตบุ๊กตัวแรกที่ให้จอขนาด 16 นิ้ว และเป็นความละเอียดระดับนี้!?

ให้ความสว่างสูงสุดถึง 400nits มีขอบเขตสี 100% DCI-P3 ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในแวดวงภาพยนตร์ ได้รับการรองรับโดย Pantone Validated ซึ่งเป็นระบบสีที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก เป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งด้านงานออกแบบ, กราฟิกดีไซน์ , แฟชัน, บรรจุภัณฑ์, สถาปัตยกรรม และอื่นๆ อีกมากมาย ให้การแสดงผลคงระดับความคมชัด ในทุกความสว่าง

ในส่วนของความต่างของสี Asus VivoBook Pro 16X มาพร้อมกับค่า Contrast ที่อัตราส่วน 1,000,000 : 1 สีดำจะดำสนิท ให้ภาพดูลึกและมีมิติมากยิ่งขึ้น ยิ่งแสดงผลบนจอ OLED ด้วยแล้ว จะทำให้ภาพที่แสดงบนหน้าจอนั้นดูลึกมีมิติสมจริง ในทุกๆ รายละเอียดเลยล่ะครับ!

แถมเค้ายังมีตัวช่วยในการกรองแสงฟ้าได้ถึง 70% ช่วยถนอมสายตาเรา ไม่ให้ได้รับอันตรายจากแสงสีฟ้าโดยตรง เป็นมิตรต่อดวงตาของเรามากขึ้น ทำให้การใช้งานต่อเนื่องนานๆ เป็นไปได้ด้วยดีครับ!

ประสิทธิภาพ

มาพูดกันถึงเรื่องประสิทธิภาพกันครับ สำหรับ Asus VivoBook Pro 16X ตัวนี้มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลระดับท็อปสุดในคลาส ท็อปสุดในแพลตฟอร์มโน้ตบุ๊ก ซึ่งหน่วยประมวลผลที่กล่าวถึง ได้แก่ AMD Ryzen™ 9 5900HX Mobile Processor ตัวล่าสุด ซึ่งเป็นรุ่นที่ทุกคนจะต้องเหลียวตามองตามอย่างแน่นอน ประสิทธิภาพของเค้าจัดหนักจัดเต็มจริงๆ

ซึ่งหน่วยประมวลผลตัวนี้ เป็นแบบ 8 Cores/16 Threads สามารถบูสต์ได้ถึง 4.6 GHz ลองทดสอบคะแนนการ Benchmark ต่างๆ มาให้ดูประสิทธิภาพแบบคร่าวๆ กันครับ สำหรับ CPU สุดเร็วแรงตัวนี้! สำหรับการทดสอบด้วย Cinebench R23 ได้คะแนน Multi-Point ไปถึง 11932 คะแนน ส่วน Single-Core ได้ไปที่ 1456 คะแนน

ส่วนการทดสอบ Benchmark ด้วยโปรแกรม CPU-Z นั้น ได้รับคะแนนไปดังนี้ครับ

• Single Thread 602 คะแนน
• Multi Thread 5778 คะแนน

มาพร้อมกับกราฟิกการ์ดแยก NVIDIA® GeForce® RTX™ 3050 Ti โดยเป็นเทคโนโลยี NVIDIA Max-Q หรือพูดง่ายๆ ก็คือเป็นกราฟิกการ์ดสำหรับโน้ตบุ๊กนั่นเองครับ มาพร้อมกับ RAM 4GB GDDR6 สามารถ Boost up ได้ถึง 1035MHz เลยทีเดียว

ส่วน RAM ใช้เป็น DDR4 ที่ความเร็วบัส 3200Mhz ให้มาจัดหนักจัดเต็มถึง 32GB เรียกได้ว่าเหลือเฟือมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป การเล่นเกมสเปคสูง หรือแม้แต่การทำงานระดับโปรเฟสชันแนล บอกเลยว่า Asus VivoBook Pro 16X เอาอยู่แน่นอน!

ส่วนเรื่องของ Storage พื้นที่จัดเก็บนั้นให้มาสูงถึง 1TB แล้วไม่ใช่ตัวธรรมดานะครับ แต่ได้เป็น M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD ที่ให้ความเร็วในการ อ่าน-เขียน ถึง 3595.5 Mbps ทดสอบให้ดูกันจริงๆ ได้ค่าตามผลทดสอบจากโปรแกรม Crystal DiskMark Bench นี้ได้ครับ อ่าน-เขียน ไวสะใจวัยโจ๋เลยล่ะ!

การใช้งานจริง

สำหรับประสิทธิภาพที่เร็วแรงขนาดนี้ จากการได้ลองนำไปใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมและงานตัดต่อวิดีโอ ต้องเลยครับว่ามัน “ลื่นไหล” มากๆ การใช้งานในการเล่นเกมแนว FPS อย่าง Overwatch สำหรับการปรับตั้งค่าที่ความละเอียด 4K ที่อัตราส่วน 16:10 สามารถปรับกราฟิกเป็นระดับ Ultra ได้เลย! ปรับสุดทุกการตั้งค่า!

ส่วนการเล่นนั้นทำได้สบายๆ ทีมไฟท์ถือว่าลื่นไหลเลยล่ะ! เฟรมเรตจะวิ่งอยู่ที่ราวๆ 60-70 fps ตามสถานการณ์ภายในเกม เวลามีไฟท์ใหญ่ๆ เกิดขึ้น เฟรมก็อาจจะลงมาอยู่ช่วง 59-63 fps ครับ ซึ่งถ้ามองว่าเป็นการเล่นที่ความละเอียด 4K ด้วยแล้ว ถือว่าเฟรมเรตระดับนี้ เล่นเกมได้สบายๆ เลยล่ะ! ส่วนอุณหภูมิของ GPU นั้นอยู่ที่ราวๆ 75 องศาเซลเซียส จัดว่าไม่ได้ถึงขั้นร้อนแรงอะไรมากมายครับ สามผ่านไปชิลๆ เลยสำหรับการเล่นเกมบน Asus VivoBook Pro 16X ตัวนี้

หรือจะใช้ในงานตัดต่อวิดีโอในโปรแกรม Premiere Pro ก็สามารถใช้งานได้ลื่นๆ เลยครับ! ตอนพรีวิวเล่นไฟล์ในระหว่างตัดต่อนี่แทบไม่มีอาการสะดุดเลยล่ะ! นี่ขนาดว่าเป็นโปรเจกต์ความยาวกว่าครึ่งชั่วโมง มีกราฟิก มีเอฟเฟกต์ มีตัวหนังสืออยู่มากมายเลยนะ!

ส่วนการเรนเดอร์โปรเจกต์ความละเอียด Full-HD ระยะเวลา 30 นาที ใช้เวลาไม่ถึง 7 นาที ตัวเลขอยู่ที่ 6 นาที 48 วินาที เท่านั้น เรียกได้ว่าเค้าประมวลผลสำหรับการ Export ไฟล์ ทำได้อย่างรวดเร็วมากๆ ความเร็วแรงอยู่ในระดับท็อปเลยล่ะ!

แบตเตอรี่

แบตเตอรี่ให้ความจุมาถึง 96Wh บอกเลยว่าใช้งานต่อเนื่องกันอย่างจุใจ มาพร้อมกับอะแดปเตอร์จ่ายไฟสูงสุดที่ 120W เลยครับ!

เรียกได้ว่านอกจากแบตจะอึดแล้ว ยังชาร์จกลับได้ไวอีก! เรื่องแบตเตอรี่ของ Asus VivoBook Pro 16X ตัวนี้ไม่ต้องเป็นห่วงเลยล่ะ! จะห่วงนิดนึงก็เวลาต้องใส่กระเป๋าไปใช้นอกสถานที่นี่แหละครับ เพราะน้ำหนักของโน้ตบุ๊ก รวมกับอะแดปเตอร์ ก็จะทะลุ 2 กิโลกรัมไปหน่อยๆ นั่นเองครับ

MyASUS

เรียกได้ว่าเป็นซอฟต์แวร์สามัญประจำเครื่อง ASUS ไปแล้วครับ สำหรับซอฟต์แวร์ตัวนี้ ซึ่งถ้าคนที่ได้ใช้ MyASUS มาบ้างแล้ว ก็จะรู้สึกว่า เค้าเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ชีวิตเราง่ายดายขึ้นครับ! สามารถจัดการหลายๆ อย่างได้ภายในซอฟต์แวร์ตัวนี้เลย!

เพียงแค่ไม่กี่คลิก ก็ช่วยให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้นมากเลยล่ะ! จะปรับตั้งค่าพัดลม ปรับตั้งค่าไมโครโฟน ปรับเรื่องเสียง อะไรต่างๆ มันง่ายจริงๆ

กล้อง Webcam ความละเอียด HD

กล้องเว็บแคม มีมาให้ที่ขอบด้านบนของหน้าจอ ความละเอียดอยู่ในระดับใช้งานได้ครับ HD 720p แต่ที่อยากมาเล่าก็คือเค้ามีในส่วนของ Webcam Shield ครับ! ไม่ต้องกังวลเรื่องของความเป็นส่วนตัว เราสามารถเลื่อนเพื่อปิดกล้องเว็บแคมได้อย่างง่ายดาย!

ProArt Creator HUB ยกระดับการทำงานไปอีกขั้น

ภายในซอฟต์แวร์อย่าง ProArt Creator HUB นี้สามารถปรับตั้งค่าได้หลายส่วนครับ แต่ที่จะยกมาเล่าให้ผู้อ่านได้เห็นภาพก็คือส่วนของ เทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง ASUS DialPad ถามว่าคืออะไร? หลายๆ คนที่ยังไม่เคยได้ยินคำนี้ ก็อาจจะเกิดความสงสัยเล็กน้อย อธิบายแบบนี้ครับ ASUS DialPad เรียกได้ว่าเป็นอินเตอร์เฟสเสมือนจริง ที่อยู่บน TouchPad ทำให้เราสามารถปรับควบคุมค่าต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เช่น ปรับตั้งค่าแสงสว่าง เสียง ด้วยการลากตัว ASUS DialPad นี้

และที่แจ่มกว่านั้น! สายครีเอเตอร์ทั้งหลายจะต้องถูกใจสิ่งนี้อย่างแน่นอนครับ เพราะว่าเค้าทำมารองรับซอฟต์แวร์ตระกูล Adobe Creative Cloud ไม่ว่าจะเป็น After Effects, Photoshop, Premiere Pro และ Lightroom Classic ที่จะทำให้การปรับตั้งค่า การควบคุมต่างๆ นั้นทำได้โดยง่ายดาย เพียงแค่ลากไปยังจุดที่ต้องการ เป็นอันเสร็จสิ้น! สามารถตั้งค่าได้ตามความถนัด เป็นจุดที่ดีมากๆ เลยครับ

การเปิดใช้งานนั้นง่ายนิดเดียว เพียงแค่ลากจากมุมขวาบนของ TouchPad ตัว ASUS DialPad นี้ก็จะเปล่งแสงสว่างขึ้น เพื่อเป็นสัญญาณให้เราได้รับรู้ว่าพร้อมใช้งานฟีเจอร์นี้แล้ว สะดวกสบายสุดๆ

ASUS IceCool Plus

ขึ้นชื่อว่า “ความร้อน” ก็เป็นอุปสรรคต่อการใช้งานอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ทั้งนั้นครับ ซึ่ง ASUS เค้าตระหนักในเรื่องนี้เป็นอย่างดี ระบบระบายความร้อนเค้าจะเป็นแบบพัดลมคู่ (Dual-Fan) มาพร้อมท่อลมสองช่อง ซึ่งช่วยให้การระบายความร้อนนั้นทำได้เต็มประสิทธิภาพ! และเค้ายังใส่เทคโนโลยี ASUS IceCool Plus มาให้กับ ASUS VivoBook Pro 16X M7600QE ตัวนี้ด้วย เราสามารถไปปรับตั้งค่าโปรไฟล์การทำงานของพัดลม ให้เหมาะสมกับการใช้งานของเราได้ในแอป MyASUS หรือใน ProArt Creator HUB ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายครับ!

One-touch Login

Asus VivoBook Pro 16X มาพร้อมกับปุ่มสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มพาวเวอร์ สามารถปลดล็อคด้วยนิ้วได้ ใช้เวลาแป๊ปเดียวเท่านั้น! ก็จะเพิ่มในเรื่องของความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้กับโน้ตบุ๊กของเรามากยิ่งขึ้นครับ

สรุปการใช้งาน ASUS VivoBook Pro 16X

ASUS VivoBook Pro 16X M7600QE เรียกได้ว่าเป็นโน้ตบุ๊กระดับท็อป ใส่เทคโนโลยีล้ำๆ มาให้อย่างเต็มที่! การใช้งานตอบโจทย์คนที่ต้องการความเร็วแรงอย่างเต็มพิกัดได้เลยครับ! สามารถนำไปใช้กับการเล่นเกมได้อย่างสบายหายห่วง หรือทำงานกราฟิก ทำงานตัดต่อ ทำงานที่ใช้ทรัพยากรเครื่องหนักๆ ได้ เอาอยู่แน่นอน กับประสิทธิภาพระดับนี้!

ซึ่งเค้ามาพร้อมกับหน้าจอขนาด 16 นิ้ว ตอบรับการทำงานระดับโปรฯ ได้ดีมากยิ่งขึ้น และยังเป็นจอ OLED ที่ความละเอียดระดับ 4K เรียกได้ว่าคมชัดมากๆ มาพร้อมกับขอบเขตสี 100% DCI-P3 ซึ่งเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในปัจจุบัน และยังการันตีด้วยป้าย Pantone-Validated อีก!? เพราะฉะนั้นเรื่องจอของ ASUS VivoBook Pro 16X นี้ไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับ เค้าทำมาได้ดีจริงๆ

เรียกได้ว่าครบเครื่องมากๆ สำหรับ ASUS VivoBook Pro 16X ตัวนี้ วางจำหน่ายในประเทศไทยแล้วในสี 0°Black ในราคา

• รุ่น M7600QE-L2901TS (รุ่น RAM 32GB, SSD 1TB) ราคา 58,990 บาท
• รุ่น M7600QE-L2902TS (รุ่น RAM 16GB, SSD 512GB) ราคา 51,990 บาท

สามารถหาซื้อได้ตามตัวแทนจำหน่ายทั่วไป ร้านค้าออนไลน์แพลตฟอร์มต่างๆ มีวางจำหน่ายให้จับจองเป็นเจ้าของกันแล้วครับ! ใครอยากได้ก็ไปหาซื้อกันได้เล้ยย!

สำหรับการ รีวิว ASUS VivoBook Pro 16X M7600QE ตัวนี้ ก็ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้ครับ ใครถูกใจก็สามารถไปหาจับจองเป็นเจ้าของกันได้เลย! แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า สวัสดีครับ!