ไฮเซ่นส์ เดินหน้าลุยธุรกิจในไทย ปั้นยอดขายปีนี้โต 3,100 ล้าน พร้อม ชูกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง สนับสนุน FIFA World Cup 2022
ไฮเซ่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ผู้นำด้านเทคโนโลยีสมาร์ตทีวีและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านระดับโลก จัดงานแถลงข่าว ทิศทางการตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเซ่นส์ ประจำปี 2565 เพื่อประกาศแผนธุรกิจปี 2565 เร่งเครื่องดันยอดขายปีนี้โต 3,100 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 72% ไม่หวั่นโควิด-19 เดินหน้าขยายส่วนแบ่งการตลาดกลุ่มทีวี ตู้เย็น และเครื่องปรับอากาศ เจาะ 3 ช่องทางหลัก โมเดิร์นเทรด ออนไลน์ และตัวแทนจำหน่าย พร้อม ชูกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล FIFA World Cup 2022 อย่างเป็นทางการ เพื่อให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
มร.ยี่ เสี่ยวผิง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเซ่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงภาพรวมของแบรนด์ไฮเซ่นส์ว่า “ในช่วงกลางปี 2564 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายลดลง โดยสินค้าทีวีและตู้เย็นลดลงประมาณ 15-20% ขณะที่ยอดขายจากเครื่องปรับอากาศได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
ทั้งนี้ในปี 2564 มียอดขายอยู่ที่ 1,800 ล้านบาท คิดเป็นยอดการเติบโตที่ 24% จากปีก่อนหน้า โดยแบ่งสัดส่วนเป็น ทีวี 49% เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 51% ประกอบด้วยเครื่องปรับอากาศ 20% ตู้เย็น 22% และ อื่นๆ อีก 9% และหากเปรียบเทียบอัตราการเติบโตในครั้งนี้พบว่า ยอดขายจากสินค้ากลุ่มทีวี เติบโต 9% ขณะที่สินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านโตขึ้น 40% อาทิ เครื่องปรับอากาศโต 74% และ ตู้เย็นโต 27%”
“สำหรับในปี 2565 ไฮเซ่นส์ ประเทศไทย พร้อมเดินหน้าลุยตลาดอย่างเต็มสูบ โดยตั้งเป้าการขายไว้ที่ 3,100 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากปี 2564 คิดเป็น 72% โดยมีสัดส่วนของสินค้ากลุ่มทีวี 44%, กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 54% และสินค้าอื่น ๆ 2% กรรมการผู้จัดการกล่าว
นายฉันท์ชาย พันธุฟัก ผู้อำนวยการฝ่ายการขายและการตลาด บริษัท ไฮเซ่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์ใหม่ในปี 2565 ไฮเซ่นส์มีแผนเปิดตัว ULED TV ใน 3 เซ็กเมนต์ ได้แก่ 1) รุ่นเรือธง, ULED Mini-LED, U8H Series 2) ULED ระดับพรีเมียม U7H Series และ 3) Quantum Dot ULED U6H Series นอกจากนี้ยังมี VIDAA Smart OS ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระบบปฏิบัติการสมาร์ททีวี ที่เน้นการทำงานที่รวดเร็วและให้ประสบการณ์ใช้งานที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ โดยทำงานร่วมกับ VIDAA Voice การค้นหาด้วยเสียงภาษาไทย
ในปีนี้ ไฮเซ่นส์ เปิดตัวเครื่องปรับอากาศในกลุ่มสุขภาพ TG Series รุ่นใหม่ประหยัดไฟ เบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีไอออน HI-NANO สามารถปล่อยกลุ่มไอออนขั้วคู่ (zwitterionic) ความเข้มข้นสูงพิเศษออกสู่อากาศได้สูงถึง 1 ล้านต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ด้วยเทคโนโลยีการจ่ายอากาศที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนการไหลของอากาศได้อย่างรวดเร็ว และส่งไอออนที่ผ่านการฆ่าเชื้อไปยังทุกมุมห้อง และกำจัดแบคทีเรียและจุลินทรีย์ต่างๆ รวมถึงสามารถกำจัด H1N1 ได้มากกว่า 92.6%
นอกจากนี้ ยังมีสินค้าในกลุ่มตู้เย็นและตู้แช่ เน้นทำตลาดในเซ็กเม้นท์ตู้เย็นระดับพรีเมียมแบบ 2 ประตูข้าง (Side By Side) และ 4 ประตู (Multi Door) มาพร้อมการออกแบบที่เรียบง่ายหรูหรา ตลอดจนการทำงานของคอมเพรสเซอร์ที่มีเสียงรบกวนต่ำ ทนทาน ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้า ไฮเซ่นส์ ทำตลาดเครื่องซักผ้าฝาหน้า Pure Jet Series 2 รุ่น ขนาดถังซัก 10 กก. อบแห้ง 6 กก. และขนาดถังซัก 8 กก. ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นการซักด้วยไอน้ำ หรือ Pure Steam Technology และ เครื่องซักผ้าฝาบน Bubble Clean Series ขนาดถังซัก 13 กก. และ 8 กก. นอกจากนี้ยังได้มีการเปิดตัวเครื่องซักผ้า 2 ถัง ภายในปีนี้ เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการ การใช้งานของผู้บริโภคให้มากที่สุด” ผู้อำนวยการกล่าว
“ในส่วนของกลยุทธ์ทางการตลาดและประชาสัมพันธ์ ไฮเซ่นส์ มุ่งเน้นเพิ่มการรับรู้แบรนด์และภาพลักษณ์ผ่านการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเน้นการทำ Content ผ่านทาง Social Media และถ่ายทอดประสบการณ์การใช้งานสินค้าของไฮเซ่นส์ พร้อมทั้งมุ่งเน้นชูกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง ด้วยการเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล FIFA World Cup ปี 2565 ที่กำหนดจัดขึ้นที่ กาตาร์ ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน – 18 ธันวาคมนี้ เพื่อขยายตลาดสู่กลุ่มผู้บริโภคให้รวดเร็ว ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน และเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำในฐานะผู้นำด้านผลิคภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย
ปัจจุบันยอดขายทีวี ไฮเซ่นส์ ในประเทศจีนครองตลาดอันดับ 1 เป็นระยะเวลากว่า 17 ปี แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ในแง่ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ส่วนตลาดในประเทศไทย เชื่อมั่นว่ายังมีโอกาสขยายตลาดได้อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าว่าให้มีส่วนแบ่งการตลาดเครื่องปรับอากาศ 3% และตู้เย็น 8% นายฉันท์ชาย กล่าวเสริมถ
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.hisense.co.th หรือเพจเฟซบุ๊ก www.facebook.com/HisenseThai