สวัสดีครับ วันนี้ทีมงานล้ำหน้าโชว์ จะพาทุกคน มาเจาะลึกกับ OPPO Reno7 Pro 5G ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี กล้อง ระดับแฟลกชิป ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ให้คุณถ่ายภาพและวิดีโอพอร์ตเทรต ได้คมชัดแม้ว่าสภาพแสงน้อย และปรับค่า F ได้ 25 ระดับเสมือนกล้อง DSLR ให้เก็บทุกช็อตได้สวยเหมือนมืออาชีพ
OPPO Reno7 Pro 5G ถือว่าเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนของทางแบรนด์ OPPO ด้วยเซ็นเซอร์ภาพระดับเรือธง IMX709 ในกล้องหน้าและ IMX766 ในกล้องหลัง ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษที่ OPPO ร่วมพัฒนากับ Sony เป็นการผสานรวมกันระหว่างตัวฮาร์ดแวร์และอัลกอริธึมในการประมวลผลภาพได้อย่างลงตัว ยกระดับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตบนสมาร์ทโฟนให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น
OPPO Reno7 Pro 5G “The Portrait Expert” กล้อง ระดับแฟล็กชิป เพื่อการถ่ายพอร์ตเทรตระดับมืออาชีพ
สำหรับสมาร์ทโฟนในซีรีย์ Reno ของทาง OPPO นั้น เมื่อมองย้อนไปในรุ่นที่ผ่านๆ มา จะเห็นได้ว่ามีการพัฒนาในส่วนของกล้องมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้ใช้งาน ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่สามารถถ่ายได้ง่าย พร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ แม้จะอยู่ในที่ที่แสงไม่เอื้ออำนวยต่อการถ่ายภาพ ก็ยังคงสามารถเก็บบันทึกช่วงเวลาดีๆ ของคุณได้ครบทุกรายละเอียด
เรามาเริ่มกันตั้งแต่ตัวสเปคของกล้องใน OPPO Reno7 Pro 5G กันก่อนเลยดีกว่า
สเปคกล้องของ OPPO Reno7 Pro 5G
เริ่มด้วยกล้องหน้า จะใช้เป็น Sony IMX709 RGBW ความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล สามารถจับแสงได้มากขึ้นถึง 60% มอบภาพที่สว่างมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะถ่ายภาพหรือวิดีโอพอร์ตเทรตที่ไหนหรือเวลาใดก็ตาม นอกจากนี้ เซ็นเซอร์ยังช่วยมอบภาพที่คมชัดมากขึ้น โดยเพิ่มอัตราส่วนระหว่างสัญญาณต่อนอยส์ (signal to noise ratio) ได้มากถึง 35% มอบภาพถ่ายที่สว่างมากขึ้น พร้อมคงรายละเอียดของภาพได้ แม้ถ่ายในเวลากลางคืน
ตัวกล้องจะมีมุมมองระยะเทียบเท่าเลนส์ 22mm ค่ารูรับแสง f2.4 รองรับการถ่ายภาพและวิดีโอแบบ HDR เก็บภาพวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุด 1080p และมีระบบช่วยลดการสั่นไหวของภาพแบบ EIS
ในส่วนของกล้องหลังจะเป็นแบบ 3 เลนส์ ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิเซล ใช้เป็นเซ็นเซอร์ Sony IMX766 ขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่ 1/1.56 นิ้ว พิกเซลใหญ่ 1.0µm รูรับแสงกว้าง f/1.8 มุมมองระยะเทียบเท่าเลนส์ 24mm ทำงานร่วมกับ กล้องมุมกว้าง Ultra-Wide 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/2.2 เก็บภาพได้มุมกว้างถึง 119 องศา และ กล้องมาโคร 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 รวมถึงยังมี Color Temperature Sensor มาช่วยในการควบคุมความแม่นยำของอุณหภูมิสีในภาพอีกด้วย
การถ่ายวิดีโอของกล้องหลัง จะถ่ายความละเอียดได้สูงสุดถึง 4K 30fps และ 1080p 30/60/120fps พร้อมมีระบบช่วยลดการสั่นไหวของภาพแบบ EIS
รู้จักกับ RGBW เทคโนโลยีเซ็นเซอร์กล้อง ที่ช่วยให้เก็บภาพยามค่ำคืนได้สวยคมชัดที่สุด
ความพิเศษของเซ็นเซอร์ Sony IMX709 และ IMX766 ที่ใช้ในกล้องหน้าและกล้องหลังของ OPPO Reno7 Pro 5G ก็คือ เป็นเซ็นเซอร์รับภาพแบบ RGBW (Red/Green/Blue/White) ที่แตกต่างจากสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ในท้องตลาดที่จะใช้เป็นแบบ RGGB
ย้อนหลังไปในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนพยายามพัฒนาให้กล้องสามารถถ่ายภาพได้คมชัดมากขึ้น โดยจะมี 2 เทคนิคด้วยกันคือ
- เพิ่มขนาดของเซ็นเซอร์ภาพและรูรับแสงให้กว้างมากขึ้น เป็นหลักการแบบที่ใช้ในกล้องถ่ายภาพ แต่ก็มีปัญหาเมื่อนำมาใช้กับสมาร์ทโฟนที่มีขนาดเล็กและมีพื้นที่ภายในจำกัด จึงทำให้ค่อนข้างลำบากในการพัฒนาและทำให้ภาพรวมของการออกแบบตัวเครื่องนั้นออกมาไม่สวยงาม
- ใช้วิธีปรับการวางพิกเซล CMOS ในเซ็นเซอร์ใหม่ ให้มีความไวต่อแสงมากขึ้น โดยเป็นการจัดเรียงพิกเซลสีแบบ RGGB แต่ทว่าด้วยเทคนิคนี้ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน เพราะยังมีปัญหาการเกิด Noise ขึ้นในภาพเมื่อถ่ายในสภาพที่มืดหรือแสงน้อย และยังเกิดเอฟเฟ็กต์มัวเร (Moiré Effect) เกิดเป็นเงาของแสงในภาพ ส่งผลให้ภาพที่ได้มีความคมชัดลดลง
รูปแบบการจัดเรียงพิกเซลของเซ็นเซอร์ RGBW ในยุคแรก (ภาพจาก Sony)
ต่อมาจึงมีการพัฒนาต่อยอดจากเซ็นเซอร์ภาพแบบ RGGB มาเป็นแบบ RGBW ที่เป็นการจัดเรียงพิกเซล 4 สี แดง, เขียว, น้ำเงิน และขาว รวมอยู่ในพิกเซล โดยเปลี่ยนพิกเซลสีเขียวเป็นสีขาว โดยทาง OPPO ได้เริ่มใช้เซ็นเซอร์แบบ RGBW เป็นครั้งแรกในรุ่น OPPO R7 Plus ในปี 2558 ผลที่ได้คือในการถ่ายภาพในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อย จะมีการเกิด Noise สัญญาณรบกวนในภาพลดลงถึง 78% และไวต่อแสงมากขึ้น 32%
แต่ทว่าเทคโนโลยี RGBW ในยุคแรกนั้น ก็ยังมีข้อจำกัดหลายอย่างด้วยเช่นกัน ตั้งแต่กระบวนการผลิตที่ยังทำได้ยาก, ชิปประมวลผลมีกำลังไม่พอในการคำนวน และปัญหา Cross-talk การรับส่งข้อมูลไปกลับเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนและสีที่ผิดเพี้ยน
แต่ว่าทีมวิจัยและพัฒนาของ OPPO ก็ไม่หยุดยั้งในการปรับปรุงเซ็นเซอร์ RGBW ให้ดียิ่งขึ้น และในปี 2562 ทีมก็ค้นพบเทคนิค Quadra Binning Algorithm ที่ปรับการเรียงพิกเซลสีแต่สีใหม่
รูปแบบการจัดเรียงพิกเซลแบบใหม่ ในเซ็นเซอร์ RGBW ที่ทาง OPPO ได้คิดค้นและพัฒนา เพื่อแก้ไขขีดจำกัดของเทคโนโลยี
จากเดิมที่ 1 พิกเซลจะประกอบด้วย 4 พิกเซลสี ทีมวิจัยของ OPPO เปลี่ยนมาใช้วิธีเพิ่มพิกเซล W สีขาว 2 พิกเซล ให้กับแต่ละพิกเซล R, G และ B เพื่อให้แต่ละพิกเซลสามารถตรวจจับสัญญาณสีแดง, เขียว, น้ำเงิน และขาวได้ รวมถึงยังใช้เทคโนโลยี DTI (Deep Trench Isolation) ให้แต่ละพิกเซลทำงานแยกจากกันอิสระ จึงทำให้ปัญหา Cross-talk ของสัญญาณลดน้อยลง
ด้วยเทคนิคการปรับแต่ง RGBW แบบใหม่นี้ ทำให้ภาพที่ถ่ายได้ มีความแม่นยำของสีดียิ่งขึ้นและสัญญาณรบกวนในภาพก็เกิดน้อยมาก
ก้าวสำคัญของ OPPO กับครั้งแรกของอุตสาหกรรม ที่พัฒนาอัลกอริธึมของตัวเองรวมกับตัวฮาร์ดแวร์ของเซ็นเซอร์
จากความสำเร็จของเทคนิค Quadra Binning Algorithm ในปี 2562 ทาง OPPO ได้ประกาศความร่วมมือกับทาง Sony ที่จะเดินหน้าพัฒนาการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนบนเซ็นเซอร์ RGBW แบบใหม่ร่วมกัน เพื่อให้ได้เซ็นเซอร์ภาพที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด
เซ็นเซอร์ Sony IMX709 ในกล้องหน้าของ OPPO Reno7 Pro 5G คือความสำเร็จจากการร่วมกันพัฒนาของ OPPO และ Sony ที่เมื่อเทียบกับเซ็นเซอร์รุ่น IMX615 ตัวเซ็นเซอร์รุ่น IMX709 จะมีความไวต่อแสงมากกว่าถึง 60% และเกิดสัญญาณรบกวนในภาพลดลงถึง 35%
ฟีเจอร์กล้องที่โดดเด่น ใน OPPO Reno7 Pro 5G
จากที่เราได้เล่าถึงเรื่องราวการพัฒนาเซ็นเซอร์ภาพของ OPPO Reno7 Pro 5G ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีความโดดเด่นมากๆ ในการถ่ายพอร์ตเทรตได้ดีทั้งภาพและวิดีโอ และถ่ายได้สวยทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
และนี่คือฟีเจอร์เด่นที่น่าสนใจ ที่ทำให้ OPPO Reno7 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G กล้องพอร์ตเทรตระดับแฟล็กชิพ ที่ถ่ายวิดีโอพอร์ตเทรตได้โปรที่สุด
DOL-HDR
OPPO Reno7 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรก ที่ตัวกล้องหน้าจะมีระบบ DOL-HDR เทคโนโลยีที่สามารถจับการรับแสงที่มากเกินไปในบริเวณที่มีแสงจ้า ช่วยให้คุณหมดกังวลว่าใบหน้านั้นจะมีแสงสว่างจ้าจนขาวโพลน มองไม่เห็นรายละเอียด โดยภาพและวิดีโอที่ได้ จะได้ภาพที่สว่างชัดเจนทั้งใบหน้าและสภาพแวดล้อมอย่างเหมาะสมลงตัว
รวมไปถึงในการถ่ายภาพในสภาพย้อนแสง ที่มีพระอาทิตย์หรือแดดส่องมาจากด้านหลัง ภาพที่ได้ตัวบุคคลด้านหน้าจะยังคงสว่างชัดเจน ส่วนฉากด้านหลังก็ไม่สว่างขาว ยังเก็บรายละเอียดและสีสันได้อย่างครบถ้วน
All Pixel Omni-Directional PDAF
เทคโนโลยีในเซ็นเซอร์ IMX766 ที่อยู่ในกล้องหลัง ที่ออกแบบมาให้จับโฟกัสในการถ่ายภาพและวิดีโอในสภาพแสงน้อยได้ดี ทำให้ภาพมีความคมชัด ไม่หลุดโฟกัส
Portrait Mode
แม้ว่าคุณจะเป็นมือสมัครเล่น แต่ก็สามารถถ่ายพอร์ตเทรตอย่างมือโปรได้สบายๆ ด้วย Portrait Mode ใน OPPO Reno7 Pro 5G สามารถเลือกปรับค่าความกว้างของรูรับแสงได้มากถึง 25 ระดับ เลือกได้ตั้งแต่ f/0.95 ไปจนถึง f/16 ให้ได้ภาพพอร์ตเทรตที่ฉากหลังละลายอย่างที่ต้องการ เหมือนปรับในกล้อง DSLR โดยที่คุณไม่ต้องปรับอะไรให้ยุ่งยาก
Bokeh Flare Portrait
ให้ภาพถ่ายและวิดีโอพอร์ตเทรตดูสวยสะดุดตายิ่งขึ้น ที่จะเปลี่ยนฉากหลังในเวลากลางคืนที่มีดวงไฟด้านหลัง หรือในเวลากลางวันที่มีแสงแดดเป็นดวงลอดจากต้นให้ ให้เกิดเอฟเฟ็กต์โบเก้ (Bokeh) เป็นดวงๆ ระยิบระยับได้อย่างสวยงามชวนฝัน จนไม่น่าเชื่อว่าสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวจะทำได้ขนาดนี้
ดีไซน์สวยสะดุดตา
OPPO Reno7 Pro 5G ยังคงเอกลักษณ์ตามสไตล์ของ OPPO ที่ออกแบบสมาร์ทโฟนให้มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ยากที่ใครจะเลียนแบบ ผสานความเป็นแฟชั่นที่ดูสวยงามทุกมุมมอง
สวยงามโดดเด่นเหมือนฝนดาวตก
เจิดจรัสยิ่งกว่า กับครั้งแรกในอุตสาหกรรมมือถือ ที่นำเอากระบวนการออกแบบฝาหลังของเครื่องด้วย LDI (Laser Direct Imaging) โดยการสลักเส้นไมโครมากกว่า 1.2 ล้านเส้น ผสานกันเทคนิคสีแบบ OPPO Glow ทะแยงเฉียงกับตัวเครื่อง ที่เพียงเห็นก็ชวนให้นึกถึงกลุ่มดาวตกที่สวยงาม
Orbit Breathing Light
ลูกเล่นไฟสีที่ไม่เคยมีมาก่อนบนสมาร์ทโฟน OPPO ที่บริเวณรอบชุดโมดูลกล้องหลังที่นูนขึ้นมา จะมีไฟ LED ส่องสว่างแบบ Breathing ได้ ทำหน้าที่เป็นสัญญาณแจ้งเตือนเวลาที่มีสายโทรเข้า, แจ้งเตือน หรือระหว่างการเสียบชาร์จ ที่มีความสวยงามแปลกตาไม่เหมือนใคร
บางเบาด้วยสัมผัสสุดพรีเมียม
OPPO Reno7 Pro 5G มาพร้อมรูปลักษณ์ที่สวยงาม Ultra Slim Body ดีไซน์ขอบเหลี่ยม ที่บางเพียงแค่ 7.45 มิลลิเมตร น้ำหนักเบาแค่ 180 กรัม ถือได้ถนัดและสบายมือ
หน้าจอสวยงามขนาด 6.5 นิ้วแบบ AMOLED 90Hz สวยคมชัดเต็มพื้นที่แทบไม่เห็นขอบ ด้วยอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องถึง 92.8% ให้คุณรับชมคอนเทนต์บันเทิงให้ใหญ่เต็มตา
ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี คือ Startrails Blue ลวดลายฝาหลังเป็นเส้นสายของดาวตก และ สี Starlight Black สีดำที่สวยงามน่าค้นหาเหมือนกาแลกซี่ ที่มีเกล็ดละอองดาวกระจายอยู่อย่างสวยงาม
ประสิทธิภาพทรงพลัง พร้อมเปิดประสบการณ์ 5G สุดล้ำ
ขุมพลังภายในทรงประสิทธิภาพด้วย MediaTek Dimensity 1200-MAX ชิปเซ็ตระดับแฟล็กชิพรุ่นล่าสุด มาพร้อมกับ 5G ที่พร้อมใช้งานได้กับทุกเครือข่าย ให้คุณได้ประสบการณ์ 5G ได้อย่างเต็มที่ และตัวชิปยังมีการปรับแต่งด้านอื่นๆ จาก OPPO เพื่อช่วยในการถ่ายภาพ อาทิ AI Deblur ลดความเบลอในการเซลฟี่ด้วยกล้องหน้า และ AI-PQ ช่วยเพิ่มสีและค่าคอนทราสต์ เมื่อรับชมวิดีโอแบบ HDR
พื้นที่หน่วยความจำภายในให้มาถึง 256GB แบบ UFS 3.1 และ RAM 12GB ที่เลือกปรับขยายเพิ่มได้อีกถึง 7GB แบตเตอรี่ความจุ 4500mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SUPERVOOC ชาร์จเต็มจาก 0 – 100% ได้ภายในเวลาเพียงแค่ 31 นาที
เป็นเจ้าของ OPPO Reno7 Series 5G ได้แล้ววันนี้ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno7 5G ในราคา 16,990 บาท และ OPPO Reno7 Pro 5G ในราคา 22,990 บาท
พร้อมรับฟรีของสมนาคุณ มูลค่ารวมสูงสุด 4,698 บาท เมื่อซื้อ OPPO Reno7 Pro 5G รับฟรี OPPO Sports bag มูลค่า 2,499 บาท และ OPPO Bluetooth Speaker มูลค่า 2,199 บาท
และเมื่อซื้อ OPPO Reno7 5G รับฟรี OPPO Sports Bag มูลค่า 2,499 บาท สามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ณ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
หรือสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายมากขึ้นเมื่อซื้อ OPPO Reno7 5G และ Reno7 Pro 5G ผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย ในราคาเริ่มต้นเพียง 7,490 บาท ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 2 มีนาคม 2565
*โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://bit.ly/358s8ft
#OPPOReno7Series5G
#ThePortraitExpert
#เป็นตัวเองได้ไม่จำกัดด้วยพอร์ตเทรต