อินเทลได้ประกาศเปิดตัว แพลตฟอร์ม Intel vPro รุ่นล่าสุด ขับเคลื่อนโดย Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 12 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ที่ดีที่สุดในโลกเพื่อประสิทธิภาพการทำงานทางธุรกิจ
แพลตฟอร์ม Intel vPro พร้อมโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 นี้ ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับธุรกิจ ซึ่งมีประสิทธิภาพการทำงานสูงระดับแนวหน้า และมีการรักษาความปลอดภัยแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมที่สุดสำหรับธุรกิจในทุกระดับ
“แพลตฟอร์ม Intel vPro เจนเนอเรชั่นใหม่นี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความสามารถในการจัดการที่ดียิ่งขึ้นสำหรับธุรกิจในทุกระดับ โดยการเปิดตัวโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 นี้ เป็นเหมือนการพลิกโฉมวิธีการใช้งานระหว่างผู้ใช้ กับสถาปัตยกรรมไฮบริดที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจ นอกจากนี้ เรายังออกแบบแพลตฟอร์มนี้ให้มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง และช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันได้อีกด้วย”
สเตฟานี่ ฮอลฟอร์ด รองประธานบริษัท Intel และผู้จัดการทั่วไปสำหรับแพลตฟอร์มธุรกิจ
ประสิทธิภาพการทำงาน
ด้วยวิวัฒนาการกว่า 15 ปี ทำให้ Intel vPro มาพร้อมพอร์ตโฟลิโอแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์แบบ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานด้านเทคโนโลยี และตัวเลือกด้านคอมพิวติ้ง ซึ่งช่วยเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจในทุกระดับ
- Intel vPro® Enterprise for Windows เป็นแพลตฟอร์มเชิงพาณิชย์ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ซึ่งมุ่งเน้นไปที่องค์กรขนาดใหญ่และธุรกิจที่ต้องการการจัดการ โดยมีชุดเทคโนโลยีที่ครอบคลุม เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการคุกคามด้านความปลอดภัย
- Intel vPro® Essentials ขยายขีดความสามารถด้านความปลอดภัยและการจัดการอุปกรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้มุ่งเป้าไปที่องค์กรขนาดใหญ่ ไปยังกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง โดย Intel vPro Essentials ยังรวม Intel® Hardware Shield เพื่อช่วยปกป้องแพลตฟอร์มที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows อีกด้วย
- Intel vPro® Enterprise for Chrome สร้าง Chromebook รุ่นใหม่สำหรับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจด้วยประสิทธิภาพ ความเสถียร และเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ธุรกิจต้องการ โดยแพลตฟอร์มใหม่นี้ ช่วยให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจสามารถจับคู่อุปกรณ์ที่เหมาะสม กับผู้ใช้ที่เหมาะสมได้
- Intel vPro®, An Evo™ ออกแบบอุปกรณ์ให้ตอบโจทย์ทั้งเกณฑ์การออกแบบ Intel vPro และ Intel Evo ซึ่งรวมถึงโน้ตบุ๊กที่นำประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ที่น่าสนใจมาสู่สภาพแวดล้อมทางธุรกิจแบบโมบายล์
Intel vPro ก้าวล้ำไปอีกขั้นในประสิทธิภาพทางบริบทของธุรกิจในโลกแห่งความเป็นจริงด้วยโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 โดยแพลตฟอร์ม Intel vPro ใหม่พร้อมโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 ซึ่งใช้กระบวนการของ Intel 7 มาพร้องประสิทธิภาพดังต่อไปนี้
- การออกแบบอัจฉริยะที่จับคู่ Efficient-cores (E-cores) และ Performance-cores (P-cores) ทำให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันและทำงานร่วมกันได้อย่างอิสระ และไว้วางใจว่าเครื่องพีซีของพวกเขาจะจัดการแอปพลิเคชันทั้งสำหรับด้านผู้ใช้งานและสำหรับด้านไอทีได้
- โมบายล์โปรเซสเซอร์ Intel เจนเนอเรชั่น 12 มอบประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุดสำหรับคุณภาพการดำเนินงานของธุรกิจ ด้วยประสิทธิภาพแอปพลิเคชันเมนสตรีมที่เร็วขึ้นสูงสุด 27% เมื่อเทียบกับเจนเนอเรชั่นก่อนหน้า และมอบประสิทธิภาพแอปพลิเคชันเมนสตรีมที่เร็วขึ้นสูงสุด 41% เมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยอ้างอิงจากคะแนน CrossMark
- เดสก์ท็อปโปรเซสเซอร์ Intel เจนเนอเรชั่น 12 มอบประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุดสำหรับคุณภาพการดำเนินงานของธุรกิจ ด้วยประสิทธิภาพแอปพลิเคชันเมนสตรีมที่เร็วขึ้นสูงสุด 21% เมื่อเทียบกับเจนเนอเรชั่นก่อนหน้า และมอบประสิทธิภาพแอปพลิเคชันเมนสตรีมที่เร็วขึ้นสูงสุด 44% เมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยอ้างอิงจากคะแนน CrossMark
- โปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป Intel Core i9-12900 เจนเนอเรชั่น 12 ให้ประสิทธิภาพแอปพลิเคชันที่เร็วขึ้นสูงสุด 23% เมื่อเทียบกับคู่แข่งในการใช้โปรแกรม Microsoft Excel ระหว่างการประชุมทางวิดีโอผ่านแพลตฟอร์ม Zoom และเร็วขึ้นสูงสุด 46% ด้วย Power BI ขณะสนทนาผ่าน Zoom
- Intel Wi-Fi 6E (Gig+) และ Intel® Connectivity Performance Suite มอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่เหนือชั้น เปรียบเสมือนการมีผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีในตัวที่คอยรับประกันประสบการณ์เชื่อมต่อไร้สายที่ราบรื่นสำหรับผู้ใช้งาน
- โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 ได้รับการพัฒนาผ่านการรองรับหน่วยความจำ DDR5 บนโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป รวมถึงทั้ง DDR5 และ LPDDR5 บนโปรเซสเซอร์โมบายล์ นอกจากนี้ เวิร์กสเตชันระดับเริ่มต้นของ Intel vPro Enterprise ยังสนับสนุนหน่วยความจำ ECC ด้วยชิปเซ็ต Intel ที่สอดคล้องกัน
- Thunderbolt™ 4 มอบโซลูชันการเชื่อมต่อด้วยสายเคเบิลเส้นเดียวอันทรงพลังเพื่อช่วยขยายพื้นที่ทำงานเคลื่อนที่ด้วยจอภาพ 4K หลายจอ พร้อมอุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความสะดวกสบายขณะชาร์จแล็ปท็อปพร้อมกัน
แพลตฟอร์ม vPro ตัวใหม่ที่มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 นำเสนอความปลอดภัยที่ครอบคลุมที่สุดสำหรับธุรกิจ
- Intel® Threat Detection Technology (Intel® TDT) เป็นการตรวจจับแรนซัมแวร์เพียงตัวเดียวที่ใช้ฮาร์ดแวร์ในการเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วในการตรวจการโจมตีล่าสุด
- เครื่องตรวจจับรุ่นใหม่ที่ล้ำสมัยสามารถตรวจจับการโจมตีแบบทั้งการอาศัยโปรแกรมที่ถูกติดตั้งในระบบอยู่แล้วและการโจมตีแบบห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเรียกว่าการตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ โดยตัวตรวจจับนี้ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อสร้างโปรไฟล์ “พฤติกรรมของแอปที่ดี” และส่งสัญญาณเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยปลายทาง – ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการทำงานแบบเรียลไทม์
- ความสามารถใหม่ของการใช้ซิลิกอนคือสามารถรองรับระบบสร้างภาพ (Virtualization) ของระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ๆได้ เช่นเดียวกับการปรับปรุงชิปเซ็ตของอินเทลด้วยระบบตรวจจับการใส่ค่าแปลกปลอมรูปแบบใหม่ เพื่อช่วยป้องกันการบุกรุกโดยใช้โค้ดที่เป็นอันตราย
Intel vPro มอบประสิทธิภาพการทำงานในระดับมืออาชีพด้วยความสามารถที่หลากหลาย ที่จะช่วยป้องกันและจัดการอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 Intel vPro สามารถมอบพอร์ตโฟลิโอแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์แบบ พร้อมด้วยโซลูชันที่เหมาะสมกับเกือบทุกประเภทการทำงาน ในทุกขนาดธุรกิจ ด้วยการเพิ่มขึ้นของการทำงานร่วมกันแบบระยะไกล การทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน รวมถึงการแข่งขันด้านทรัพยากรระหว่างแอปพลิเคชันสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปและแอปพลิเคชันด้านไอที Intel vPro จึงมีความสำคัญมากที่จะทำให้งานของผู้ใช้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรักษาความต่อเนื่องของธุรกิจ
ผลิตภัณฑ์มากกว่า 150 ดีไซน์ ในทุกฟอร์มแฟกเตอร์ (form factor) จากผู้ผลิตชั้นนำจะออกวางจำหน่ายในปีนี้ โดยมาพร้อมกับความปลอดภัยและความสามารถในการจัดการของแพลตฟอร์ม vPro และประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมของผู้ใช้งานจาก Intel Evo ที่ออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์แบบพกพาโดยเฉพาะ
สำหรับนักพัฒนาอุปกรณ์ Internet of Things (IoT) โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 ซึ่งใช้แพลตฟอร์ม Intel vPro จะส่งมอบประสิทธิภาพการทำงานในระดับธุรกิจ การจัดการทางไกล ฯลฯ จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในด้านการค้าปลีก สุขภาพ อุตสาหกรรมการผลิต การเงินและธนาคาร งานบริการ การศึกษา ฯลฯ
แมท แม็คเฟอร์สัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัทซิสโก้ กล่าวว่า“ช่องสัญญาณความเร็วสูงพิเศษแบบใหม่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของเครือข่ายไวไฟ (Wi-Fi network) ไปสู่ Wi-Fi 6E ด้วยความเร็วระดับกิกะบิต ความจุที่มากขึ้นพร้อมรองรับหลายอุปกรณ์ และเพิ่มความน่าเชื่อถือสำหรับแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญต่อการใช้งานในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้พวกเรายังพร้อมที่จะสานต่อความร่วมมือกับอินเทล เพื่อส่งมอบประสบการณ์แบบครบวงจรที่ยอดเยี่ยม ผ่านทางการผสมผสานระหว่าง Cisco Catalyst และจุดรับสัญญาณ Meraki Wi-Fi 6E และแพลตฟอร์มอินเทล vPro เจเนอเรชั่น 12 ที่มาพร้อมกับ Intel Wi-Fi 6E (Gig+) แบบติดตั้งในตัว
เรียนรู้เพิ่มเติมที่ www.Intel.com/PerformanceIndex