HMD Global ซื้อใบอนุญาตแบรนด์ Nokia ในปี 2016 และเคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะมีสมาร์ทโฟนระดับ high-end ออกมาในอนาคตอันใกล้ อย่างในปี 2019 ที่บริษัทได้เปิดตัว Nokia 9 PureView สมาร์ทโฟนระดับ high-end
แต่เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว บริษัทได้กลับคำสัญญาเรื่องการอัปเดตระบบปฏิบัติการ Android 11 โดยมีการออกส่วนลดสำหรับอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อเป็นการชดเชย หลังจากนั้นมา เราก็ยังไม่เห็นสมาร์ทโฟนระดับ high-end ตัวอื่นออกมาอีกเลย และดูเหมือนจะไม่มีอีกแล้ว . . . เพราะดูเหมือนโทรศัพท์ระดับ high-end ของ Nokia จะถูกพับโปรเจคเก็บไปแล้ว
หลังจากที่ Adam Ferguson หัวหน้าฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ของ HMD พูดคุยกับทาง Android Authority เขายอมรับตรงๆ เลยว่าการผลิตโทรศัพท์ระดับพรีเมียมราคา 800 ดอลลาร์ หรือประมาณ 26,500 บาทขึ้นไปนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลสำหรับบริษัทเอาซะเลย เขาเสริมอีกว่าบริษัทของเขานั้นไม่มีความทะเยอทะยานที่พร้อมจะต่อกรเรื่องสเปคสูงๆ กับผู้ผลิตรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรม ในทางกลับกัน บริษัทพร้อมจะยืนหยัดเพื่อสร้างสิ่งที่แตกต่างออกไปจากผู้ผลิตรายอื่นๆ มากกว่า
หากหลายคนสงสัยกับคำว่า “ความแตกต่าง” นั้นหมายถึงอะไร ลองเริ่มดูจากงาน MWC conference ที่เพิ่งจบไปเมื่อ 3 มีนาคม 2022 ที่บริษัทประกาศว่าจะผลิตเพียงโทรศัพท์ 4G ราคาไม่แพงเท่านั้น รวมถึงก่อนหน้านี้ที่งาน CES 2022 เมื่อเดือนมกราคา 2022 ที่ผ่านมา ที่บริษัทได้เปิดตัวโทรศัพท์ที่ราคาต่ำกว่า 250 ดอลลาร์ หรือประมาณ 8,300 บาท ทั้งหมด 5 รุ่น โดยมีเพียงรุ่นเดียวที่รองรับ 5G
ช่วงกลางปี 2018 แบรนด์ Nokia ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 8 ของโลก แต่หลังจากนั้นไม่นานยอดขายก็ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ตอนนี้ Nokia เป็นแบรนด์โทรศัพท์ที่มียอดขายเป็นอันดับที่ 11 ของโลก แต่ดูเหมือนสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น โดยบริษัทรายงานว่ายอดขายสมาร์ทโฟนเติบโตขึ้นถึง 41% เมื่อเทียบรายปีกับปีที่ผ่านมา โดยไตรมาสสุดท้ายของปี 2021 นั้น HMD Global สามารถทำกำไรได้สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือน Nokia จะเชื่อว่าการมุ่งเน้นโฟกัสไปที่ ฟีเจอร์โฟน โทรศัพท์มือถือระดับเริ่มต้นและระดับกลางที่มีอายุการใช้งานยาวๆ ใช้แบตเตอรี่ได้นานหลายวันนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดกับสำนักข่าว PA นั้น Adam Ferguson กล่าวว่าบริษัทต้องการเน้นไปที่โทรศัพท์ที่เป็นรุ่นพื้นฐานจริงๆ โดยการเปิดตัว Nokia C21 Plus และ C2 ซึ่งเริ่มต้นที่ราคา 100 ปอนด์ (ประมาณ 4,400 บาท) และ 75 ปอนด์ (ประมาณ 3,300 บาท) ตามลำดับ
ดูเหมือนนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ HMD Global พูดถึงการไม่เข้าไปมีส่วนร่วมกับการแข่งขันในระดับพรีเมียม เมื่อปลายปีที่แล้ว บริษัทกล่าวว่าโทรศัพท์ระดับพรีเมียมนั้นไกลเกินเอื้อมเกินไป ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่โทรศัพท์ราคา 100 – 200 ยูโร หรือประมาณ 3,700 ถึง 7,300 บาท
ที่มา : PHONEARENA