OPPO

OPPO 5G CPE T2 ออกแบบใหม่ ใช้วัสดุรีไซเคิล ตอบโจทย์ประสบการณ์แห่งโลกอินเตอร์เน็ต

เตรียมพบกับ OPPO 5G CPE T2 5G Hub รุ่นใหม่ ได้มีการออกแบบใหม่ทั้งหมดและใช้วัสดุรีไซเคิล ตอบโจทย์ประสบการณ์แห่งโลกอินเตอร์เน็ต

OPPO ได้เปิดตัวอุปกรณ์ OPPO 5G CPE T2 ที่ งาน MWC 2022 ตามรอย OPPO 5G CPE T1 series โดย Omni OPPO 5G CPE T2 เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดของผลิตภัณฑ์ 5G CPE ของ OPPO โดย T2 ได้มีการออกแบบใหม่ทั้งหมดและใช้วัสดุรีไซเคิล เช่นเดียวกับเทคโนโลยีเสาอากาศอัจฉริยะ O-Reserve 2.0 ล่าสุดของ OPPO และการเพิ่มประสิทธิภาพที่มีการร่วมมือกับ Qualcomm OPPO 5G CPE T2 มอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและเสถียรยิ่งขึ้น ทำให้เป็นฮับที่ดีที่สุดสำหรับบ้านและออฟฟิศ ให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับความเร็วและความสะดวกสบายของเครือข่าย 5G

OPPO 5G CPE T2

อุปกรณ์ 5G CPE สามารถแปลงสัญญาณ 5G เป็นการเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi หรือ LAN ทำให้อุปกรณ์หลายเครื่องสามารถเชื่อมต่อกับบริการ 5G ได้ในสภาพแวดล้อมอย่าง บ้าน สำนักงาน และสถานที่อื่นๆ ได้ ในพื้นที่ที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์ อุปกรณ์สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต 5G ได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ 5G CPE ที่ติดตั้ง 5G SIM card เท่านั้น

การสร้างระบบเชื่อมต่อขั้นสุดยอดจากการวิจัยและความร่วมมือ

มาพร้อมระบบ Qualcomm SnapdragonTM X62 5G Modem-RF ซึ่ง OPPO ได้ร่วมมือกับ Qualcomm เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น โดยมีความเร็วการถ่ายโอนข้อมูลเพิ่มขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับพื้นฐานของแพลตฟอร์ม ในแง่ของความสามารถในการทำงานร่วมกัน(compatibility) 

สถาปัตยกรรมฮาร์ดแวร์ของ T2 ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนโมเด็ม Snapdragon X62 5G กับโมเด็ม Snapdragon X65 ทำให้ OPPO สามารถอัปเกรด T2 หากจำเป็น ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ให้บริการในตลาดที่แตกต่างกันได้

สำหรับเสาอากาศของ T2 OPPO ได้มีการเปิดตัว O-Reserve 2.0 เทคโนโลยีเสาอากาศอัจฉริยะล่าสุด ซึ่งจะตรวจสอบสัญญาณที่ได้รับจากเสาอากาศ 8 เสาแบบเรียลไทม์และจะเลือกมา 4 เสาตามความแรงและคุณภาพของสัญญาณเพื่อสร้างเส้นทางดาวน์ลิงก์ ซึ่งจะช่วยรักษาค่าความแรงของเสาอากาศให้สูงในทุกทิศทาง 

และเมื่อเปรียบเทียบความเร็วดาวน์ลิงก์กับการเปิดปิดของ O-reserve 2.0 แล้ว มีการปรับปรุงอย่างน้อย 10% ในแง่ของความเร็วในการดาวน์โหลดบน T2 (อิงจากข้อมูลในห้องปฏิบัติการ)

เทคโนโลยี Wi-Fi Channel Selection ของ OPPO ช่วยพัฒนาการเชื่อมต่อผ่านการตรวจสอบช่องสัญญาณเครือข่ายแบบเรียลไทม์ ด้วยการทดสอบและวิเคราะห์ช่องสัญญาณต่างๆ แบบเรียลไทม์ เทคโนโลยีนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้จะสามารถเชื่อมต่อกับช่องสัญญาณที่เหมาะสมที่สุดและสามารถเพลิดเพลินไปกับการเชื่อมต่อที่รวดเร็วที่สุดได้เสมอ

นวัตกรรมการออกแบบและโครงสร้างที่ยั่งยืนทำให้ T2 มีความเสถียร ใช้ง่าย และเหมาะเป็นศิลปะชิ้นเอกในทุกสภาพแวดล้อม

T2 สานต่อปรัชญาการออกแบบที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยศิลปะของ OPPO ด้วยตัวเรือนทรงกระบอกสีขาวบริสุทธิ์ ครอบด้วยแถบโมเบียส ซึ่งแสดงถึงความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดและการเชื่อมต่อที่นำโดยเทคโนโลยี CPE อีกทั้งพื้นผิวไม่เพียงแต่มีการเพิ่มสัมผัสทางพื้นผิวและความสง่างามให้กับอุปกรณ์เท่านั้น แต่ยังสามารถกันฝุ่นและกันรอยเปื้อนได้มากขึ้น ด้วยการออกแบบที่เรียบง่าย T2 จึงเข้ากับสภาพแวดล้อมภายในได้อย่างง่ายดาย ทำให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินไปกับการเชื่อมต่อ 5G ที่รวดเร็วและการออกแบบที่โดดเด่นของ OPPO

OPPO 5G CPE T2

ด้านในของอุปกรณ์ สถาปัตยกรรมภายในที่เป็นเอกลักษณ์ของ T2 และเลย์เอาต์ของส่วนประกอบนั้นมอบประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่เหนือกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก นอกเหนือจากการใช้ส่วนประกอบที่กระจายความร้อนพื้นฐานได้แล้ว T2 ยังใช้ประโยชน์จากกฎธรรมชาติในเรื่องของการพาความร้อนผ่านเครื่องช่วยหายใจแบบวงแหวนกลางเพื่อเพิ่มการกระจายความร้อนในขณะที่ลดขนาดของแผงระบายความร้อนได้ นอกจากนี้ การออกแบบแผงระบายความร้อนและแผ่นสะท้อนเสาอากาศของ T2 ยังช่วยพัฒนาทั้งประสิทธิภาพของเสาอากาศและการกระจายความร้อน ขณะเดียวกันก็ช่วยลดขนาดและน้ำหนักของอุปกรณ์โดยลดพื้นที่ภายในที่ต้องการให้เหลือน้อยที่สุด

นอกจากนี้ T2 ยังทำมาจาก PCR (Post-Consumer Recycled Plastics) ที่มาจากสินค้าสำหรับอุปโภคบริโภค ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และสนับสนุนความริเริ่มด้านความยั่งยืน

การร่วมมือกับผู้ให้บริการมือถือทั่วโลก ตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภคสำหรับบริการ 5G

ด้วยผลิตภัณฑ์ 5G CPE รุ่นก่อนหน้า OPPO ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำของโลกหลายราย ซึ่งช่วยขยายการใช้งาน 5G ไปทั่วโลก และได้ฐานผู้ใช้งานที่กว้างขึ้นเพื่อรับประโยชน์จากบริการ 5G ที่ได้รับการพัฒนาแล้ว โดย OPPO CPE T2จะวางจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดย OPPO ได้บรรลุข้อตกลงกับผู้ให้บริการทั่วตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชียแปซิฟิก และยุโรป เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้คนมากยิ่งขึ้นด้วยพลังการเชื่อมต่อของ 5G CPE