ย้อนรอย The Portrait Expert จาก “F11 Pro” สู่ “OPPO Reno7 Series 5G” มือถือ 5G ที่ถ่าย Portrait ได้ดีที่สุด

การพัฒนานวัตกรรมในสมาร์ทโฟนของ OPPO นั้น โดดเด่นในเรื่องของการถ่ายพอร์ตเทรตมาอย่างยาวนาน ก่อนที่ OPPO Reno7 Z 5G จะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้ ทีมงานล้ำหน้าฯ จะพามาดูย้อนกันว่า กว่าจะมาเป็น The Portrait Expert ใน OPPO Reno7 Series 5G ตำนานนี้มีพัฒนาการที่น่าสนใจอะไรบ้าง

เมื่อเอ่ยชื่อของ OPPO แล้ว เชื่อเลยว่าหลายคนจะนึกถึงแบรนด์สมาร์ทโฟน ที่มีการพัฒนาเรื่องกล้องเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้มาอย่างต่อเนื่อง มีนวัตกรรมล้ำๆ สร้างความตื่นเต้นให้กับคนรักการถ่ายรูปตลอดเวลา ที่ตอนนี้เรียกได้ว่า สมาร์ทโฟนของ OPPO ถ่ายสวยจนแซงหน้ากล้องคอมแพ็คแบบพกพาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยเฉพาะเรื่องของการถ่ายภาพบุคคล หรือการถ่ายแบบ Portrait ทาง OPPO ได้พัฒนาจนสมาร์ทโฟนสามารถถ่ายพอร์ตเทรตได้สวยสมจริง เก็บภาพบุคคลด้านหน้าสวยคมชัดเป็นธรรมชาติ และฉากด้านหลังที่ปรับเบลอพร้อมมีดวงไฟโบเก้ เหมือนกับใช้กล้อง DSLR ที่ใช้เลนส์รูรับแสงกว้างๆ ได้อย่างสวยงาม

เราจะพาแฟนๆ กลับไปย้อนอดีตดูเทคโนโลยี และนวัตกรรมการถ่ายภาพ Portrait บนสมาร์ทโฟนของ OPPO ตั้งแต่ในรุ่น F11 Pro จนมาถึงรุ่นล่าสุดที่กำลังจะวางขายเร็วๆ นี้อย่าง OPPO Reno7 Z 5G

OPPO F11 Pro : “Portrait สวย แม้แสงน้อย

OPPO F11 Pro เปิดตัวเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2019 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของทาง OPPO ที่ชูจุดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพพอร์ตเทรต แถมยังเด่นเรื่องของการถ่ายในที่มืดหรือแสงน้อยอีกด้วย

ด้วยกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล Rising Camera ถ่ายเซลฟี่ได้อย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ ส่วนกล้องหลังเป็นแบบกล้องคู่ กล้องหลักความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล ทำงานคู่กับกล้อง Depth Sensor 5 ล้านพิกเซล ผสานกับระบบ AI มาช่วยประมวลผลให้การถ่ายภาพ Portrait ในสภาพแสงน้อยออกมาได้สวยคมชัด

ตัวกล้องหลักนั้นประกอบด้วยชุดเลนส์ 6 ชิ้น และมีขนาดรูรับแสงที่กว้างถึง f/1.79 ขนาดพิกเซล 1.6 ไมครอน จึงทำให้สามารถตอบสนองกับความไวแสงได้เร็วขึ้น ถ่ายภาพในเวลากลางคืนจึงเก็บรายละเอียดคมชัดสวยงามมากยิ่งขึ้น

อ่านรีวิว OPPO F11 Pro ได้ที่นี่

OPPO Reno4 Series 5G : “Cleary the best you”

กล้องสมาร์ทโฟนของ OPPO ยังคงเดินหน้าพัฒนาให้การถ่ายพอร์ตเทรตที่นอกจากจะถ่ายได้สวย คมชัดในที่แสงน้อย ยังมีการใส่ลูกเล่นสนุกๆ ให้ผู้ใช้ได้เก็บภาพประทับใจที่แม้แต่กล้องระดับมืออาชีพก็ทำไม่ได้ ด้วยฟิลเตอร์อย่าง AI Color Portrait ช่วยถ่ายภาพและวิดีโอให้ตัวบุคคลมีสีสัน แต่ฉากหลังจะกลายเป็นสีขาว-ดำ ทำให้ตัวบุคคลโดดเด่นยิ่งขึ้น

ตัวกล้องของ OPPO Reno4 Series 5G นอกจากจะพัฒนาเรื่องของสเปค โดยเลือกเซ็นเซอร์ของ Sony ที่มีประสิทธิภาพดีมากขึ้น แถมยังล้ำหน้าด้วยการใช้ AI อัจฉริยะ เพื่อประมวลผลภาพให้เกิดฟิลเตอร์ที่สวยแปลกตา ซึ่งใช้ฟีเจอร์นี้ได้ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและการถ่ายวิดีโออีกด้วย

OPPO Reno5 Series 5G : “Picture life Together”

เทคโนโลยีการถ่ายภาพ Portrait ใน OPPO Reno5 Series 5G มีการเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆ ที่ให้ผู้ใช้สามารถแบ่งปันเรื่องราวร่วมกับคนรอบข้างได้ ด้วยฟีเจอร์ Dual-view Video ถ่ายวิดีโอพอร์ตเทรตได้พร้อมกันทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังในเวลาเดียวกัน

และครั้งแรกของสมาร์ทโฟน กับฟีเจอร์ใหม่ AI Mixed Portrait Video ที่สามารถถ่ายวิดีโอพอร์ตเทรตซ้อนกับวิดีโออื่น ช่วยให้สร้างคลิปวิดีโอเล่าเรื่องราวได้แปลกใหม่น่าสนใจ

อ่านรีวิว OPPO Reno5 Series 5 ได้ที่นี่

OPPO Reno6 Series 5G : “อารมณ์ไหน ก็พอร์ตเทรต”

เป็นครั้งแรกที่ทาง OPPO ได้นำเอาฟีเจอร์ใหม่อย่าง Bokeh Flare Portrait มาใช้สำหรับการถ่ายบุคคล ให้มีความสวยงามโดดเด่นยิ่งขึ้น เพราะโหมด Portrait จะไม่ใช่แค่ถ่ายภาพด้านหน้าชัดแล้วฉากหลังเบลอเฉยๆ แต่จะสร้างวงไฟโบเก้ขึ้นมา ให้ได้ภาพที่สวย

OPPO Reno7 Series 5G : “The Portrait Expert”

และมาในปี 2022 นี้ ทาง OPPO ก็ได้เปิดตัว OPPO Reno7 Series 5G แล้วทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน คือ OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G เป็นการตอกย้ำความเป็นตัวจริงด้านการถ่ายพอร์ตเทรตบนสมาร์ทโฟนได้ดีที่สุด โดยฟีเจอร์ Bokeh Flare Portrait สามารถถ่ายได้ทั้งภาพและวิดีโอ ให้ฉากหลังเป็นวงไฟโบเก้ที่สวยงามเสมือนกล้อง DSLR

มีการพัฒนาโหมด Portrait ให้ดีขึ้นกว่าเดิม และมีความแม่นยำในการประมวลผลภาพมากขึ้น โดย OPPO ได้จับมือและพัฒนาเซ็นเซอร์ภาพกับทาง Sony เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับอัลกอริธึมและ AI ในการจัดการภาพให้ได้สีสันที่เที่ยงตรงแม่นยำ และสีสันที่สดใสสวยงาม แม้ว่าจะถ่ายในสภาพแสงน้อยหรือที่มืด

ด้วยกล้องหน้า ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX709 แบบ RGBW ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ที่จับแสงได้มากขึ้นถึง 60% ให้ภาพที่สว่างมากขึ้น ไม่ว่าจะถ่ายภาพหรือวิดีโอพอร์ตเทรต รวมถึงยังได้ภาพที่คมชัดมากขึ้น และมี noise เกิดน้อยลง 35% จึงสามารถถ่ายเซลฟี่ได้ภาพที่สว่างมากขึ้น และได้ภาพที่รายละเอียดชัดเจนแม้ถ่ายในเวลากลางคืน

ในส่วนของกล้องหลังใน OPPO Reno7 Pro 5G เซ็นเซอร์หลักเป็น Sony IMX766 50 ล้านพิกเซล แบบ RGBW ขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่ 1/1.56 นิ้ว พิกเซลใหญ่ 1.0µm รูรับแสงกว้าง f/1.8 งานร่วมกับ กล้องมุมกว้าง Ultra-Wide 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/2.2 เก็บภาพได้มุมกว้างถึง 119 องศา และ กล้องมาโคร 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 รวมถึงยังมี Color Temperature Sensor มาช่วยในการควบคุมความแม่นยำของอุณหภูมิสีในภาพอีกด้วย

OPPO Reno7 Portrait Expert

จุดเด่นของ Portrait Mode ใน OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G คือ เราสามารถปรับค่ารูรับแสงของกล้องได้ถึง 25 ระดับเสมือนกล้อง DSLR ทำให้เลือกความเบลอของฉากหลังมากน้อยตามที่ต้องการ

นอกจากนี้ Portrait Mode ยังได้ยกระดับความสามารถเพิ่มขึ้น ด้วยฟีเจอร์การปรับแต่งภาพเพิ่มเติม ปรับปรุงคุณภาพ สีสัน และความคมชัดของภาพได้ระดับมืออาชีพ ระบบจะตรวจจับองค์ประกอบของภาพให้โทนสีผิวไม่ผิดเพี้ยนดูสวยเป็นธรรมชาติ

เพิ่มด้วยความสามารถ Portrait Retouching เอฟเฟกต์ช่วยปรับแต่งใบหน้า ในการถ่ายภาพและวิดีโอพอร์ตเทรต ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ให้ตัวบุคคลมีความสวยงามลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ

OPPO Reno7 Portrait Expert

เตรียมพบกับ OPPO Reno7 Z 5G”

OPPO Reno7 Portrait Expert

หลังจากที่ OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G เรียกได้ว่ากระแสตอบรับดีมากๆ และเตรียมพบกับการเปิดตัวของน้องเล็กคนสุดท้องอย่าง OPPO Reno7 Z 5G สมาร์ทโฟนดีไซน์สีรุ้งโดดเด่นไม่ซ้ำใคร กับ Ultra Slim Retro Design ขอบเหลี่ยม ผิวด้านไม่ติดรอยนิ้วมือแต่มีประกายระยิบระยับ และ Dual Orbit Lights จะกะพริบส่องแสงเป็นสีน้ำเงิน ที่แน่นอนว่ามาพร้อมกับเทคโนโลยีการถ่ายภาพพอร์ตเทรตแบบจัดเต็ม ให้สมศักดิ์ศรีของสโลแกน “The Portrait Expert” เร็วๆ นี้

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/34TX3ML

#OPPOReno7Z5G #ThePortraitExpert #เป็นตัวเองได้ไม่จำกัดด้วยพอร์ตเทรต

Blogger สาย Multi Function ตามติดเทคโนโลยีมือถือ, แท็บเล็ต, แอพ, เกมคอนโซล, โลกโซเชียล และจักรยาน