BMW Group และ อะโดบี ร่วมมือนำเสนอ “Customer Journey แบบไร้รอยต่อ” ทรานส์ฟอร์มการขาย และการตลาดดิจิทัล สร้างประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์ที่ไร้รอยต่อ
อะโดบี เปิดเผยว่า BMW Group (BMWYY) หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ขยายความร่วมมือกับอะโดบี ในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในส่วนของฝ่ายขายและการตลาด BMW Group ซึ่งเป็นเจ้าของ BMW, Rolls-Royce, MINI และ BMW Motorrad ใช้แพลตฟอร์ม Adobe Experience Cloud เพื่อนำเสนอประสบการณ์ดิจิทัลแบบเฉพาะบุคคล โดยตั้งเป้าที่จะขายรถยนต์หนึ่งในสี่ของยอดขายทั้งหมดผ่านออนไลน์ภายใน 3 ปีข้างหน้า
ด้วยแนวทาง personalization โดยอาศัยข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน BMW Group จะนำเสนอประสบการณ์แบบออนไลน์และออฟไลน์ที่ราบรื่นไร้รอยต่อ รวมถึงปรับแต่งรถยนต์ตามความต้องการของลูกค้า การจัดส่งสินค้าถึงมือผู้รับ และบริการหลังการขายแบบ personalized
เจนส์ ธีเมอร์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายลูกค้าและแบรนด์ BMW ของ BMW Group กล่าวว่า “เป้าหมายของเราคือการนำเสนอบริการที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้าผ่านทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อเราผ่านทางออนไลน์หรือออฟไลน์ เทคโนโลยีของอะโดบีช่วยให้เราได้รับทราบข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ สามารถทำให้เรานำเสนอประสบการณ์เฉพาะบุคคลให้แก่ลูกค้า ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจและการมีส่วนร่วมของลูกค้า สำหรับเราแล้ว นี่คือการเชื่อมโยงที่ดีเยี่ยมระหว่างเทคโนโลยีที่เหนือชั้น และการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า”
อนิล จักรวารธี ประธานฝ่ายธุรกิจด้านประสบการณ์ดิจิทัลของอะโดบี กล่าวว่า “ลูกค้าต้องการประสบการณ์ที่ผ่านการปรับแต่งซึ่งสอดคล้องกับความสนใจและความต้องการของลูกค้า และ BMW Group สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับสูงด้วยการนำเสนอประสบการณ์ระดับพรีเมียมผ่านทุกช่องทางการติดต่อ ด้วยเหตุนี้ลูกค้าจึงเกิดความเชื่อมั่นและภักดีต่อแบรนด์ และเรามีความยินดีที่จะสนับสนุนการดำเนินการของ BMW Group ในฐานะพาร์ทเนอร์สำหรับการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น”
แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เชื่อมโยงตัวแทนจำหน่ายและระบบดิจิทัลเข้าด้วยกัน
ทุกวันนี้ ลูกค้าใช้ช่องทางที่หลากหลายในการติดต่อสื่อสารกับบริษัทรถยนต์ ทั้งในส่วนของช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ของบริษัท หรือโซเชียลมีเดีย และช่องทางออฟไลน์คือ โชว์รูมรถยนต์ ในการผนวกรวมช่องทางทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน BMW Group ใช้ความสามารถแบบครบวงจรของ Adobe Experience Cloud เพื่อเชื่อมโยงหน้าร้านเข้ากับระบบช้อปปิ้งออนไลน์อย่างชาญฉลาด นำเสนอประสบการณ์ที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมาย และมีความเชื่อมต่อกันผ่านทุกช่องทาง โดยมุ่งเน้นการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า และด้วยเหตุนี้ BMW Group จึงใช้เฉพาะข้อมูลที่ได้รับอนุญาตจากลูกค้าเป็นรายบุคคลเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น ลูกค้าอาจสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์และบริการต่างๆ จากเว็บไซต์ของ BMW Group และใช้เครื่องมือ online configurator เพื่อออกแบบรถยนต์ในฝัน โดยอ้างอิงจากข้อมูลความต้องการของลูกค้าในอนาคต จากนั้นลูกค้าสามารถทำการสั่งซื้อบนระบบออนไลน์โดยตรง และบริษัทจะจัดส่งรถยนต์ถึงมือลูกค้า หรือลูกค้าอาจเลือกที่จะไปยังโชว์รูมของตัวแทนจำหน่ายที่ลูกค้าไว้ใจ และตัวแทนจำหน่ายก็จะใช้รายละเอียดจากข้อมูลประวัติทางออนไลน์ของลูกค้า เพื่อปรับแต่งรถยนต์ให้ถูกใจลูกค้า
การใช้ความสามารถในการขับเคลื่อนด้วยข้อมูลของ Adobe Experience Cloud ช่วยให้ BMW Group สามารถแนะนำสินค้าที่โดนใจ และมีการปรับแต่งให้เข้ากับลูกค้าแต่ละราย โดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น ประวัติการซื้อ และข้อมูลสำคัญที่ได้รับจากลูกค้าภายหลังการขาย ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้ BMW Group สามารถแนะนำบริการเสริมหรือออปชั่นด้านเทคนิคที่เหมาะกับความต้องการของลูกค้ารายนั้นๆ เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น
สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าในยุคดิจิทัล
การปรับแต่งประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลโดยใช้ Adobe Experience Cloud ช่วยให้ BMW Group สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้ามากขึ้น นวัตกรรมของอะโดบีนำเสนอโซลูชั่นสำหรับการสร้างคอนเทนต์ การจัดการแอสเซ็ทต่างๆ การเพิ่มความรวดเร็วในการนำเสนอคอนเทนต์ และเวิร์กโฟลว์ที่คล่องตัวมากขึ้น ช่วยให้บริษัทสามารถนำเสนอประสบการณ์และคุณภาพระดับพรีเมียมอย่างที่ลูกค้าต้องการ โดยครอบคลุมขอบเขตที่กว้างขวาง
นอกเหนือจาก Adobe Experience Cloud แล้ว BMW Group ยังใช้ Adobe Creative Cloud for Enterprise รวมไปถึง Adobe Acrobat และ Adobe Acrobat Sign และด้วยแอปพลิเคชั่นด้านครีเอทีฟที่หลากหลายพร้อมใช้งานได้ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส BMW Group จึงสามารถสร้างคอนเทนต์คุณภาพสูงเพื่อดึงดูดลูกค้าในทุกขั้นตอนของ journey ได้