Infinix ZERO 5G สมาร์ตโฟน 5G ที่โดดเด่นด้วยคุณภาพ มาพร้อมคะแนน AnTuTu กว่า 486,136 คะแนน ในช่วงเรทราคาเพียง 7,000 บาท
Infinix แบรนด์สมาร์ตโฟนที่ได้รับความนิยมทั่วโลก โดยได้รับการพัฒนาและเพิ่่มการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมา ด้วยการเปิดตัวสมาร์ตโฟน ZERO X Pro ที่มาพร้อมกล้องถ่ายภาพระดับไฮเอนด์และสเป็กชั้นนำในเรทราคาสุดคุ้มค่า ทำให้ได้รับความสนใจจากสื่อที่มีชื่อเสียงทั่วโลก และล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 ทาง Infinix ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟน 5G ตัวแรกของค่ายออกมา พร้อมชูจุดเด่นการเป็นสมาร์ตโฟนที่รวมเทคโนโลยี 5G ทันสมัยผสานกับประสิทธิภาพยอดเยี่ยม เพื่อมอบประสบการณ์การใช้ สมาร์ตโฟน 5G อันน่าทึ่งให้กับลูกค้าในตลาดใหม่ ๆ ที่กำลังเติบโต
รายละเอียดและสเป็กของ Infinix ZERO 5G
- หน้าจอแสดงผลขนาด 6.78 นิ้ว, อัตรารีเฟรชเรท 120Hz, ความละเอียด 1080×2460 พิกเซล, อัตราส่วนภาพ 20.5:9 และตัวอย่างอัตราการสุ่มแบบสัมผัส 240Hz
- ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 900, Octa-core 2×2.4 GHz Cortex-A78 & 6×2.0 GHz Cortex-A55, Mali-G68 MC4
- หน่วยความจำ 8GB LPDDR5, 128GB UFS 3.1 และช่องเสียบอะแดปเตอร์การ์ด microSDXC
- ระบบปฏิบัติการ Android 11, XOS 10
- 48MP AF + 13M(2X) AF+2M FF และเทคโนโลยีการซูม 30 เท่า
- กล้องหน้า 16MP FF และแฟลชคู่ด้านหน้า
- วิดีโอ 4K – 1080P/30FPS, 1080P/60FPS, 720P/30FPS
- แบตเตอรีความจุขนาด 5000mAh และชาร์จไว 33W ตามมาตรฐาน TÜV Rheinland
- คุณสมบัติที่สำคัญอื่น ๆ อาทิ ตัวอ่านลายนิ้วมือ, วิทยุ FM และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
- ราคาเปิดตัว 7,999 บาท
การทดสอบชิปเซ็ต พร้อมฮาร์ดแวร์ระดับพรีเมียมและประสิทธิภาพที่ล้ำกว่า
สำหรับคุณสมบัติเด่นที่สำคัญของInfinix ZERO 5G คือชิป SoC รุ่น Dimensity 900 ที่รองรับ 5G และอัตรารีเฟรชเรทสูง 120Hz และแม้ว่าชิป Dimensity 900 จะเป็นชิป 5G SoC ตัวแรกจาก MediaTek ที่รองรับหน่วยความจำ LPDDR5 แต่สมาร์ตโฟนหลายแบรนด์จะติดตั้งมาพร้อมกับหน่วยความจำ LPDDR4X เท่านั้น แต่ Infinix ได้มีการติดตั้งหน่วยความจำ LPDDR5+UFS3.1 เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า และยิ่งไปกว่านั้น ZERO 5G ยังให้หน่วยความจำ RAM สูงถึง 8GB ด้วยเทคโนโลยี Extended RAM ช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างในการแคชหน่วยความจำของแอปอีก 5GB ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้ด้วยหน่วยความจำทั้งหมดประมาณ 13GB ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานเพิ่มประสิทธิภาพของ RAM ได้ตามความต้องการจึงช่วยให้การใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ หรือการเล่นเกม ทำงานได้อย่างราบรื่น
ด้วยชิป 5G รุ่น Dimensity 900 และรูปแบบฮาร์ดแวร์ที่หลากหลาย ทำให้Infinix ZERO 5G ได้คะแนน AnTuTu รวมอยู่ที่ 486136 โดยอิงตามผลลัพธ์จากการทดสอบ ด้วยการดึงเอาประสิทธิภาพของ Dimensity 900 มาใช้อย่างเต็มที่ และยังมีคะแนนสมรรถนะด้านอื่นๆ ที่สูงกว่าโทรศัพท์ที่ใช้ LPDDR4X ถึงประมาณ 20% ทำให้ ZERO 5G เป็นอุปกรณ์ที่เหนือกว่าแบรนด์คู่แข่งอื่นๆ ในช่วงราคาเท่ากัน นอกจากนี้ ที่เก็บข้อมูลแบบแฟลช UFS3.1 ช่วยให้ ZERO 5G มีการจัดเก็บข้อมูลที่เร็วกว่าอุปกรณ์ระดับเดียวกัน ซึ่งช่วยลดเวลาในการดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันต่าง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลที่รวดเร็วยังช่วยปลดปล่อยศักยภาพของเครือข่าย 5G ได้อย่างสูงสุด ทำให้สมาร์ตโฟนทำงานต่างๆ ได้เร็วขึ้นและผู้ใช้งานได้รับประสิทธิภาพสูงสุด
การทดสอบความเสถียรและการชาร์จ
จากการทดสอบพบว่า ZERO 5G มีการควบคุมอุณหภูมิ และการใช้พลังงานที่น่าสนใจตามมาตรฐานการทดสอบความเสถียรเชิงเปรียบเทียบของ AnTuTu ในด้านความเย็น ความรวดเร็ว และความปลอดภัยโดยหลังการทดสอบ 45 นาที แกนประมวลผลของ CPU ไม่มีการลดลงของประสิทธิภาพ และมีการใช้พลังงานน้อยลง 20% อีกทั้ง อุณหภูมิภายในและภายนอกก็ต่ำมาก ถือได้ว่า ZERO 5G คือหนึ่งในโทรศัพท์ที่ให้การประหยัดพลังงานสูงสุดเท่าที่เราได้ทดสอบ และเป็นตัวแทนบ่งบอกถึงการยกระดับเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมและดีไซน์ไปอีกขั้นจากกลุ่มวิศวกรของ Infinix
นอกจากประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงานที่ดีเยี่ยมแล้ว ZERO 5G ยังมาพร้อมอะแดปเตอร์ที่รองรับกำลังไฟได้สูงสุด 33W อ้างอิงจากผลการทดสอบจริงที่อุณหภูมิห้อง (ประมาณ 20 องศาเซลเซียส) โดยอะแดปเตอร์สามารถชาร์จโทรศัพท์จาก 1% ถึง 10% ในเวลาเพียง 5 นาที และถึง 88% ในเวลาเพียง 55 นาที และชาร์จเต็มด้วยเวลาเพียง 1 ชั่วโมง 15 นาที นับเป็นความเร็วในการชาร์จที่เร็วมากสำหรับแบตเตอรีขนาด 5000mAh และนอกเหนือจากประสิทธิภาพการชาร์จที่ยอดเยี่ยมแล้ว โทรศัพท์รุ่นนี้ยังได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland ซึ่งมีข้อกำหนดการทดสอบด้านความปลอดภัยที่เหนือกว่าด้วยเช่นกัน
การดีไซน์ ที่ผสานรวมเทคโนโลยียุคใหม่ด้วยความล้ำหน้า
ได้ออกแบบสมาร์ตโฟนรุ่น ZERO 5G ให้เป็นอุปกรณ์ที่มีรูปลักษณ์ที่มีสไตล์และสวยงามระดับพรีมียม ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว พร้อมอัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz และตัวอย่างอัตราการสุ่มแบบสัมผัส 240Hz ซึ่งทำให้หน้าจอสามารถตอบสนองได้อย่างราบรื่น อีกทั้ง ดีไซน์ยังมีความบางโค้งมนแบบ Uni-Curve ที่ทำให้จับได้อย่างถนัดมือ
นอกจากนี้ ดีไซน์ Uni-Curve ของInfinix Zero 5G ยังได้มีการผสานกล้องหลังเข้ากับฝาด้านหลังของโทรศัพท์ได้อย่างลงตัว โดดเด่นสะดุดตา และแสดงถึงความตั้งใจในการออกแบบที่ยอดเยี่ยม เพื่อตอบโจทย์ทุกลฟ์สไตล์ในทุกการใช้งาน
ประสิทธิภาพกล้อง ด้วยกล้อง AI ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมความคมชัดสูงสุด
ZERO 5G เป็นสมาร์ตโฟน 5G ระดับพรีเมียมรุ่นแรกของ Infinixที่มาพร้อมกล้องหลักสามชุด ประกอบด้วย 48MP AF + 13M AF + 2M FF ซึ่งเมื่อดูค่าตามตัวเลขดังกล่าว จำนวนพิกเซลของ ZERO 5Gไม่ได้สูงมาก แต่สำหรับโทรศัพท์มือถือแล้ว ประสิทธิภาพและอัลกอริทึมของ ISP มักจะมีความสำคัญมากกว่าจำนวนพิกเซล โดยในรุ่นนี้มีโหมด AI ที่มีความไวสูง ซึ่งทำให้การถ่ายภาพมีประสิทธิภาพและได้ภาพคมชัดสวยงามน่าประทับใจ
นอกจากนี้ กล้องมือถือรุ่นนี้ยังมีคุณสมบัติเด่นที่สำคัญ คือ การซูมได้สูงถึง 30 เท่า ที่มีระดับรายละเอียดและความชัดเจนของภาพดีเยี่ยม และด้วยประสิทธิภาพของกล้องความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ของ ZERO 5G ยังให้การควบคุมการเปิดรับแสง ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้อย่างมืออาชีพ
นอกจากนี้ยังมีค่า ISO ต่ำในโหมดกลางคืน ทำให้ได้สีดำที่เข้มขึ้นและลดสัญญาณรบกวนในภาพ จึงทำให้โทรศัพท์รุ่นนี้แตกต่างไปจากโทรศัพท์ในตลาดรุ่นอื่น ๆ และด้วยสเป็กกล้องรวมถึงคุณสมบัติของซอฟต์แวร์ล้ำหน้าเหล่านี้ ผู้ใช้จะสามารถถ่ายภาพได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน
ประสบการณ์การใช้ซอฟต์แวร์ XOS10 ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติล้ำหน้า
ZERO 5G ทำงานด้วยระบบ XOS10 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับการพัฒนาอย่างสูง ผสานรวมเข้ากับการทำงานของ Android แบบดั้งเดิมพร้อมฟังก์ชันเสริมมากมาย ที่ให้ประสบการณ์การใช้งานบนอุปกรณ์มีประสิทธิภาพ สามารถใช้งานง่าย และสร้างความพึงพอใจในการใช้งานในชีวิตประจำวัน
สำหรับคุณสมบัติของ XOS10 เช่น เมื่อลบแอปพลิเคชันที่ไม่ต้องการ ระบบจะแจ้งเตือนผู้ใช้งานให้ล้างไฟล์ที่ค้างอยู่โดยอัตโนมัติ และมีคุณสมบัติที่เอาใจเหล่าเกมเมอร์ด้วย X Arena และเทคโนโลยี Dar-Link Engine 2.0 ที่ช่วยจัดการพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพด้านกราฟิกของเกมให้ดียิ่งขึ้น
Infinix ZERO 5G ถือเป็นอีกก้าวของความสำเร็จและเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Infinix ที่เปิดตัว โดยมุ่งเน้นตลาดเครือข่าย 5G ที่มีราคาไม่สูงแต่ให้ประสิทธิภาพและการดีไซน์ที่เหนือกว่า เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภค ในตลาดใหม่ ๆ ที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนที่ราคาคุ้มค่าและมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม ด้วยประสิทธิภาพของอัตรารีเฟรช 120Hz และกล้องความแม่นยำสูง ทำให้ ZERO 5G เป็นตัวเลือกที่ดีอย่างแท้จริง นอกจากนี้ Infinix ยังได้มีการพัฒนาในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตเราอจะได้เห็นอุปกรณ์รุ่นใหม่จากผู้ผลิตที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีวิสัยทัศน์เช่นนี้ได้ในปีต่อไป