Instagram กำลังมีการเปลี่ยนแปลงแพลตฟอร์มเล็กน้อยที่เน้นไปที่ครีเอเตอร์เป็นหลัก โดย Adam Mosseri เฮดของ Instagram บอกว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้นเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครดิตนั้นเป็นของผู้ที่สมควรจะได้รับจริงๆ
การเปลี่ยนแปลงใหม่ 3 อย่างประกอบไปด้วย
- การแท็กสินค้า/ผลิตภัณฑ์สามารถทำได้แล้วทุกคน ผู้ใช้สามารถแท็กสินค้าในโพสต์ได้
- ปรับปรุงการแท็ก โดยผู้ใช้สามารถกำหนดตัวเองในหมวดหมู่อาชีพได้ เช่น ช่างภาพ แร็ปเปอร์ และให้หมวดหมู่นั้นปรากฏทุกครั้งที่คุณถูกแท็กในโพสต์
- Instagram จะเริ่มโปรโมต original content บนแพลตฟอร์มมากขึ้น โดยจะเพิ่มอันดับและให้การมองเห็นคอนเทนต์ที่เป็นต้นฉบับมากขึ้น
Mosseri มองว่าครีเอเตอร์ควรได้รับเครดิตจาก original content มากกว่าการนำคอนเทนต์ของคนอื่นๆ มาแชร์/โพสต์ซ้ำบน Instagram หรือถ้าพูดตรงๆ แบบให้เข้าใจง่ายก็คือ หยุดเถอะ ขอร้องล่ะ อย่าเอาคอนเทนต์จากที่อื่นที่คุณชื่นชอบ เช่น บน TikTok มาแชร์ซ้ำบน Reels ของ Instagram เลย
Meta กำลังแสดงให้เห็นว่า Facebook และ Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่มุ่งเน้นไปที่ครีเอเตอร์เป็นหลัก มากกว่าจะเป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ใช้เชื่อมต่อกับเพื่อนๆ ไว้ด้วยกัน ดังนั้น ทั้ง 2 แพลตฟอร์มจึงลงทุนในเครื่องมือช็อปปิ้ง , เปิดให้ครีเอเตอร์สร้างฐานผู้ชม/ผู้ติดตาม และอื่นๆ อีกมากมายที่หวังว่าจะดึงดูดให้ครีเอเตอร์ทั้งหลายเลิกเป็น TikToker และ YouTuber และหันมาเล่น Facebook และ Instagram เป็นหลัก
โดยเฉพาะ Reels ฟีเจอร์แชร์วิดีโอสั้นๆ ที่พบเห็นบ่อยๆ ว่ามันมีความคล้ายกับ TikTok มากๆ ไปจนถึงขั้นการนำคลิปวิดีโอจาก TikTok มาโพสต์ซ้ำ (โพสต์ทั้งๆ ที่มีโลโก้และชื่อ user บน TikTok ติดอยู่ก็ยังมี)
Adam Mosseri จึงมองหาทางจัดการกับการโพสต์คอนเทนต์จากแพลตฟอร์มอื่นซ้ำบน Reels เช่น การลดการมองเห็น / ลด ranking ของโพสต์นั้นๆ
การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้ใช้ที่ใช้บัญชีร่วม ซึ่งคอนเทนต์จากหลายแหล่งนั้นเป็นแหล่งที่มาของมีมและเทรนด์ แต่มักถูกกล่าวหาว่าไปขโมยคอนเทนต์หรือเครดิตมาจากครีเอเตอร์อื่นๆ และอาจส่งผลเสียต่อ Instagram ได้ในระยะยาว
จริงอยู่ที่แพลตฟอร์มของ Meta อย่าง Facebook และ Instagram มีผู้ใช้จำนวนมหาศาล แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า TikTok , Twitter และอื่นๆ มักเป็นแหล่งสร้างมีมหรือเทรนด์ออนไลน์ต่างๆ หาก Facebook และ Instagram ต้องการแพลตฟอร์มสำหรับผลิต original content สำหรับครีเอเตอร์ บริษัทอาจต้องมีการปรับเปลี่ยน เช่น อัลกอริธึมการจัดอันดับ ที่จะตัดสินว่าผู้คนหลายพันล้านคนจะมองเห็นโพสต์ไหนในแต่ละวัน นี่อาจเป็นก้าวแรกที่ต้องคิดอย่างจริงจัง หรือการเพิ่มผลตอบแทนให้กับเหล่าครีเอเตอร์เพิ่มมากขึ้นเพื่อดึงดูดให้ผู้สร้างป้อน original content บนแพลตฟอร์มของบริษัท เป็นต้น
ที่มา : The Verge