ผู้ถือหุ้น Meta ไม่ปลื้มการบริหารของ Mark Zuckerberg ผลักดันให้มีการตรวจสอบ

สื่อ New York Post รายงานว่ามีกลุ่มผู้ถือหุ้น Meta ที่ไม่พอใจการบริหารงาน รวมถึงความเป็นผู้นำที่อ่อนแอของ Mark Zuckerberg ทำให้หุ้นของ Meta นั้นร่วงถึง 34% ในปีนี้ นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นเหล่านั้นวางแผนที่จะผลักดันกลไกการตรวจสอบอำนาจของ CEO ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีผู้ลงทุนที่วิตกกังวลถึงเรื่องดังกล่าวที่กำลังผลักดันมติ 2 ข้อในที่ประชุมผู้ถือหุ้นของโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ที่กำลังจะมีขึ้น โดยพวกเขาต้องการให้มีการกำกับดูแล Facebook , Instagram และการบริหารงานที่ไม่ได้เรื่องซึ่งอาจมีผลกระทบกับโครงการ metaverse ของ Mark Zuckerberg

เพื่อเป็นการสนับสนุนข้อเรียกร้องและมติข้างต้น กลุ่มความรับผิดชอบในองค์กรที่เรียกตัวเองว่า SumOfUs ที่ทำงานร่วมกับนักลงทุนเชิงกิจกรรมกำลังส่งรายงานไปยังนักลงทุนกว่า 4,000 รายตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท รวมถึง Vanguard , Fidelity และ BlackRock

New York Post ยังได้รับรายงานฉบับหนึ่งที่อธิบายวิกฤต 3 ข้อที่กำลังเกิดขึ้นกับบริษัทของ Zuckerberg

  1. การจำกัดความเป็นส่วนตัวโดย Google และ Apple ที่ทำให้ธุรกิจโฆษณาของ Meta ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
  2. คดีเรื่องการต่อต้านการผูกขาดและร่างกฎหมายที่ถาโถมและมุ่งเป้าไปที่ Meta และ
  3. ข้อกล่าวหาที่ Zuckerberg ได้โกหกนักลงทุนและฝ่ายนิติบัญญัติเกี่ยวกับผลกระทบที่เป็นอันตรายของ Instagram ต่อผู้ใช้ที่เป็นวัยรุ่น
Mark Zuckerberg Facebook metaverse

Christina O’Connell ที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมของผู้ถือหุ้นของกลุ่ม SumOfUs บอกกับ New York Post ว่าราคาหุ้นของ Meta ที่ร่วงน่าจะเป็นการปลุกและกระตุ้นให้นักลงทุนคิด/ทำอะไรบางอย่าง เนื่องจากบริษัทสูญเงินกว่า 2.3 แสนล้านดอลลาร์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้ทุกฝ่ายเริ่มตื่นตัวและเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลง

มติข้อแรกที่ SumOfUs ผลักดันร่วมกับผู้ถือหุ้น Harrington Investments และ Park Foundation เป็นการเรียกร้องให้มีการประเมินภายนอกของคณะกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลความเสี่ยงของ Meta โดยคณะกรรมที่บริษัทตั้งขึ้นในปี 2020 คาดว่าจะเป็นอิสระจาก Zuckerberg และทำการตัดสินใจเกี่ยวกับปัญหาการดูแลและควบคุมคอนเทนต์ เช่น การแบน Facebook และ Instagram ของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

มติที่สอง เป็นการส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับ “อันตรายที่อาจเกิดขึ้นทางจิตวิทยา , พลเมือง และสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับการผลักดัน metaverse ของ Zuckerberg

ข้อเสนอที่กล่าวมานี้ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม SumOfUs ควบคู่ไปกับ Arjuna Capital ที่เป็นกองทุนที่รับผิดชอบ รวมถึงกลุ่มที่ปรึกษานักลงทุน SHARE และ Storebrand ผู้จัดการสินทรัพย์สัญชาตินอร์เวย์ที่บริหารจัดการเงินกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ โดยทางกลุ่มต้องการให้ Meta ดำเนินการตรวจสอบภายนอกเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับ metaverse เช่น ศักยภาพและความเป็นไปได้ในการล่วงละเมิด คำพูดที่แสดงถึงความเกลียดชัง ตลอดจนข้อกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว เพราะ O’Connell มองว่า Meta เองยังไม่สามารถจัดการปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นในโลกที่เราทุกคนอาศัยอยู่ได้ ดังนั้น มันจึงเป็นที่น่าวิตกกังวลที่พวกเขาต้องการจะย้ายเข้าไปสู่แพลตฟอร์มที่ซับซ้อนมากขึ้นอย่าง metaverse หลังจากนั้นค่อนขอเสียงจากผู้ถือหุ้นเพื่อวัดว่าพวกเขาสนับสนุนเรื่องนี้หรือไม่

ทางฝั่งบอร์ดบริหารของ Meta ได้เรียกร้องให้ผู้ถือหุ้นลงคะแนนคัดค้านมติทั้ง 2 ข้อ เพราะพวกเขามองว่ามันไม่จำเป็น

Mark Zuckerberg

ด้วยโครงสร้างความเป็นเจ้าของที่ไม่ปกติของ Meta ทำให้ Zuckerberg สามารถยับยั้งผู้ถือหุ้นที่พยายามเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของบริษัทได้ ด้วยสัดส่วนการถือหุ้นของเขาใน Meta ส่วนใหญ่นั้นประกอบด้วยหุ้น supervoting ทำให้ Zuckerberg สามารถควบคุมคะแนนเสียงได้ประมาณ 58% เมื่อบริษัทต้องมีการพิจารณาข้อเสนอของผู้ถือหุ้น

อย่างไรก็ตาม Christina O’Connell มองว่าแอ็คชั่นจากฝั่งผู้ถือหุ้นเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่ช่วยผลักดันให้ Zuckerberg เปลี่ยนแปลงวิธีของเขา และมติทั้งหมดถูกรวมเอาไว้กับคำแถลงมอบฉันทะของ Meta ซึ่งถูกส่งไปยังผู้ถือหุ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา

ทางฝั่งผู้ถือหุ้นจะต้องส่งคะแนนเสียงในมติดังกล่าวก่อนการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของ Meta ที่กำหนดไว้วันที่ 25 พฤษภาคม โดยผู้ถือหุ้นที่สนับสนุนข้อเสนอดังกล่าวจะได้รับอนุญาตให้พูดใน virtual meeting และจะมีการประกาศผลการลงคะแนนในภายหลัง

ที่มา : New York Post

นักเขียนหน้าใหม่ ผู้หลงไหลในเรื่อง แมว หมี เทคโนโลยี และ โลกของไอที :)