ขณะที่ฝั่งประเทศไทยกำลังรอคอยการมาถึงของรถยนต์ไฟฟ้า Toyota bZ4X ในช่วงปลายปีนี้ ทางฝั่งสหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยราคาจำหน่ายพร้อมสเปคคร่าวๆ ของ Subaru Solterra รถ EV ที่เป็นเหมือนกับฝาแฝดของ Toyota bZ4X ออกมาแล้ว
หากดูเผินๆ อาจจะมองว่ารถ 2 รุ่นนี้คล้ายกันมากอย่างกับฝาแฝด แต่อันที่จริงแล้ว มันก็มีส่วนที่แตกต่างกันแบบสังเกตเห็นได้ชัดอยู่ที่ส่วนหน้าและเรื่องของการปรับแสง ทางฝั่ง Subaru จะใช้พลาสติกสีดำด้านในการห่อหุ้ม ต่างจาก Toyota ที่เลือกใช้พลาสติกสีดำเงา รวมถึงมีอุปกรณ์มาตรฐานพิเศษอีก 2-3 ชิ้นที่ Solterra เลือกใช้
อีกจุดที่ต่างคือตำแหน่งป้ายและระยะห่างจากพื้นดิน โดย Subaru ให้ข้อมูลว่าอยู่ที่ 8.3 นิ้ว ส่วน Toyota นั้นเพียง 8.1 นิ้ว
Garrick Goh ผู้จัดการฝ่ายวางแผน Solterra ของ Subaru กล่าวถึงรถทั้ง 2 รุ่นนี้ว่ามีชิ้นส่วนกลไกที่เหมือนกันทั้งคู่ การตกแต่งภายในเกือบแทบจะเป็นเหมือนกัน แม้แต่หน้าจอ Infotainment ขนาด 8 นิ้วหรือ 12.3 นิ้วก็ด้วย
ภายในดูกว้าง พื้นที่วางขาและศีรษะกว้างขวางในที่นั่งทั้ง 2 แถว แต่ที่วางขาด้านหลังอาจจะน้อยกว่าของ Toyota เล็กน้อย มีพื้นที่เก็บของหลังเบาะหลังสูงสุด 29 ลูกบาศก์ฟุตเหมือนกับใน Subaru Forester แต่ก็มีหลายจุดที่ Solterra นั้นต่างจาก Forester อย่างเช่น ขนาดที่ยาวขึ้น 2 นิ้ว กว้างขึ้น 1 นิ้ว มีหลังคาที่ใกล้พื้นถึง 4 นิ้วทำให้มันดูโฉบเฉี่ยวมากกว่า อีกทั้งฐานล้อที่เพิ่มขึ้น 7.3 นิ้วทำให้ภายในรถนั้นกว้างขวางกว่า Forester
นอกจาก Toyota bZ4X แล้ว รถที่เป็นคู่แข่งกับ Subaru Solterra ได้แก่ Ford Mustang Mach-E , Hyundai Ioniq 5, Kia EV6 และ Volkswagen ID.4
รุ่นพื้นฐานสามารถวิ่งได้ระยะทาง 222 – 228 ไมล์ ความเร็วในการชาร์จ ด้วยความจุสูงสุด 100 กิโลวัตต์ที่สถานีชาร์จเร็ว DC นั้น 1 ชั่วโมงสามารถชาร์จได้ 80% ความแรงของรถที่ 215 แรงม้า มีแรงบิด 249 ปอนด์/ฟุต
Subaru Solterra เป็นรถครอสโอเวอร์ SUV ที่ผลิตขึ้นบนแพลตฟอร์ม e-Subaru Global Platform หรือ e-SGP ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อรถ EV ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่โดยเฉพาะ (ส่วนของ Toyota จะใช้ชื่อแพลตฟอร์มว่า e-TNGA)
ถึงแม้รถ EV รุ่นนี้จะไม่มีเพลาขับแบบกลไกเชื่อมต่อเพลาหน้าและเพลาหลัง แต่ Solterra ที่เป็นแบบไฟฟ้าทั้งหมดทำงานเหมือนกับรถออฟโร้ดของ Subaru ตัวอื่นๆ ที่ให้คุณภาพการขับขี่ที่ดีบนถนนทางหลัก ด้วยการออกแบบแพลตฟอร์มที่คล้ายสเก๊ตบอร์ดที่วางแบตเตอรี่หนักไว้ใต้พื้นห้องโดยสาร ช่วยลดจุดศูนย์ถ่วง เพิ่มการยึดเกาะถนน และลดการหมุนของตัวรถ
ข้อสังเกตหนึ่งอย่างที่พบ คือ Subaru Solterra ไม่มียางอะไหล่มากับตัวรถ เพราะยางอะไหล่อาจทำให้น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง EPA
ระบบ AWD หรือ All-Wheel Drive ที่ Subaru แชร์กับผู้ผลิตรายอื่นเป็นครั้งแรก เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ของ Symmetrical AWD ที่เรียกว่า StarDrive สำหรับรถ EV ที่มีทั้งโหมด X-Mode , Grip Control , Downhill และ Hill-Start Assist จึงไม่เป็นปัญหากับทางที่ต้องปีนขึ้นเขาสูงชัน มีร่องลึก เต็มไปด้วยหิน และเส้นทางที่ไม่ได้จดบนแผนที่ และแน่นอนว่า Solterra ทั้งหมดจะกับระบบ AWD โดย Subaru ตั้งใจที่จะเปิดตัวช่วงกลางปีใน 50 รัฐในสหรัฐฯ โดยมีเพียง 6,500 คันเท่านั้นที่จะขายที่สหรัฐฯในปี 2022 ที่สำคัญ Garrick Goh กล่าวว่าทั้งหมด 6,500 คันถูกจองไว้ตั้งแต่เปิดให้สั่งออนไลน์ในเดือนกุมภาพันธ์แล้ว ส่วนอีก 13,000 คันจะได้รับการจัดสรรในตลาดสหรัฐฯในปี 2023
Solterra ใช้ระบบ Infotainment ของ Toyota ประกอบไปด้วยการสตรีมเพลงผ่าน Wi-Fi , Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto , การจับคู่สมาร์ทโฟน , การอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ OTA และการนำทางบนระบบคลาวด์พร้อมข้อมูลจราจรแบบเรียลไทม์
Subaru Solterra ที่จะขายในปี 2023 นั้นมีด้วยกัน 3 ระดับราคา
- Solterra รุ่นพื้นฐาน ราคาเริ่มต้น 46,220 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.59 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาก่อน incentive และค่าธรรมเนียมปลายทาง 1,225 ดอลลาร์
- Solterra Limited 49,720 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.71 ล้านบาท และ
- Solterra Touring ที่เป็นรุ่นท็อปสุด ราคา 53,220 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.83 ล้านบาท
แบรนด์ Subaru นั้นตั้งเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงสู่ยุค EV เอาไว้แบบค่อนข้างถ่อมตัว โดยจะขายรถยนต์ไฮบริดไฟฟ้าและแก๊ส-ไฟฟ้าเพียง 40% ทั่วโลกภายในปี 2030 โดยต้องการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดจากรถให้ได้ 90% ภายในปี 2050 บริษัทยังไม่ได้ประกาศเจตนาที่จะยกเลิกการใช้งานรถยนต์แบบเก่าที่ใช้การสันดาบของเครื่องยนต์ภายในเร็วๆ นี้เพราะนั่นเป็นเป้าหมายที่มีค่าใช้จ่ายสูงสำหรับผู้ผลิตรถยนต์อย่าง Subaru
ที่มา : Forbes