เปิดเทรนด์โลกกับรายงาน Accenture Technology Vision 2022 เมื่อ “Metaverse Continuum” ส่งผลต่อการทำงาน ทำธุรกิจ และการสื่อสารในโลกยุคใหม่ เอคเซนเชอร์ เปิดตัวหน่วยธุรกิจ Metaverse Continuum การผสานกันของโลกจริงและโลกเสมือน สร้างสรรค์โลกแห่งประสบการณ์แนวใหม่
รายงานฉบับล่าสุดจาก Accenture เผยให้เห็นว่า “Metaverse Continuum” จักรวาลของโลกดิจิทัลที่แผ่กระจายครอบคลุมโลกแห่งความจริงและโมเดลธุรกิจต่างๆ ทำให้เกิดแนวทางใหม่ต่อวิธีการทำงาน การดำเนินธุรกิจ และการมีปฏิสัมพันธ์กันของผู้คน โดยรายงานทิศทางเทคโนโลยีโลก Accenture Technology Vision ปี 2022 ในชื่อ “Meet Me in the Metaverse: The Continuum of Technology and Experience Reshaping Business” ได้แสดงให้เห็นว่า ธุรกิจต่างแข่งขันกันเพื่อมุ่งสู่อนาคตที่แตกต่างไปจากเดิม สิ่งที่เคยออกแบบมาสำหรับธุรกิจ เช่น เทคโนโลยี extended reality บล็อกเชน ดิจิทัลทวิน และเอดจ์คอมพิวติ้ง ต่างกำลังปรับตัวเข้ามาประสานกันหมด และจะพลิกประสบการณ์ของมนุษย์ในรูปแบบใหม่
ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจใช้ประโยชน์จากโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้อย่างเต็มที่ เอคเซนเชอร์จึงเปิดตัวกลุ่มธุรกิจ Accenture Metaverse Continuum ขึ้น นำโดยพอล โดเฮอร์ตี้ หัวหน้าฝ่ายบริหาร กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีของเอคเซนเชอร์ และเดวิด โดรกา กรรมการบริหารของเอคเซนเชอร์ อินเทอร์แอคทีฟ
นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “เรากำลังจะได้เห็นอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ ซึ่งจะผลักดันให้เกิดคลื่นลูกใหม่แห่งการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัล (digital transformation) ที่ไปได้ไกลกว่าในปัจจุบัน ตลอดจนเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานของพวกเราไปโดยสิ้นเชิง มุมมองที่เรามีต่อเมตาเวิร์สท้าทายกับแนวคิดเดิมๆ และเป็นสิ่งที่ชี้ชัดว่าเหตุใดองค์กรจึงต้องลงมือทำในวันนี้ หรือต้องปรับตัวให้ทำงานได้ในโลกที่ออกแบบใหม่นี้”
“เรากำลังจะได้เห็นอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ ซึ่งจะผลักดันให้เกิดคลื่นลูกใหม่แห่งการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัล (digital transformation) ที่ไปได้ไกลกว่าในปัจจุบัน ตลอดจนเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานของพวกเราไปโดยสิ้นเชิง มุมมองที่เรามีต่อเมตาเวิร์สท้าทายกับแนวคิดเดิมๆ และเป็นสิ่งที่ชี้ชัดว่าเหตุใดองค์กรจึงต้องลงมือทำในวันนี้ หรือต้องปรับตัวให้ทำงานได้ในโลกที่ออกแบบใหม่นี้”
รายงานเอคเซนเชอร์ฉบับนี้ ส่วนหนึ่งได้ข้อมูลมาจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารด้านธุรกิจและเทคโนโลยีกว่า 4,600 คนจาก 23 อุตสาหกรรม ใน 35 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทย โดยผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารทั่วโลก 71% มองว่าเมตาเวิร์สจะส่งผลในเชิงบวกต่อองค์กร และ 42% เชื่อว่า เมตาเวิร์สจะมีบทบาทต่อความความก้าวหน้าหรือการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่
สำหรับผลสำรวจจากผู้บริหารไทยในรายงานฉบับเดียวกัน 72% มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าเมตาเวิร์สจะส่งผลในเชิงบวกต่อองค์กร แต่มีเพียง 26% เท่านั้นที่เชื่อว่าเมตาเวิร์สจะมีบทบาทต่อความก้าวหน้าหรือ
การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่
นางสาวปฐมากล่าวว่า “เมื่อเส้นแบ่งระหว่างชีวิตทางกายภาพและดิจิทัลของคนเราเลือนรางมากขึ้น องค์กรก็มีทั้งโอกาสและหน้าที่ในการสร้างเมตาเวิร์สอย่างรับผิดชอบไปพร้อมๆ กัน ซึ่งรวมถึงประเด็นความเชื่อมั่น
ความยั่งยืน ความปลอดภัยส่วนบุคคล ความเป็นส่วนตัว การเข้าถึงและใช้งานอย่างรับผิดชอบ และ
ความหลากหลาย ซึ่งการลงมือทำและการเลือกขององค์กรในวันนี้ จะเป็นการปูทางไปสู่อนาคต”
“เมื่อมองถึงผลสำรวจของผู้บริหารในประเทศไทย เป็นที่น่าสังเกตว่า ส่วนใหญ่มีความเห็นสอดคล้องไปกับ
ผลสำรวจจากผู้บริหารทั่วโลก” นางสาวปฐมา กล่าวเสริม “แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีความแตกต่างอยู่บ้างใน
ผลสำรวจที่ชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารในไทยยังคงมีความไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งอาจมีผลต่อ
การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้กับธุรกิจขององค์กร”
รายงาน Technology Vision 2022 ระบุถึง 4 แนวโน้มสำคัญที่องค์กรธุรกิจควรตระหนัก ได้แก่
โลกเมตาเวิร์ส (WebMe: Putting the Me in Metaverse) กลยุทธ์การขับเคลื่อนองค์กรที่พัฒนาขึ้นมาบนพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นโลกดิจิทัลที่แพลตฟอร์มต่างๆ อาจจะไม่สามารถทำงานร่วมกันหรือโอนย้ายข้อมูลระหว่างกันได้สะดวก แต่เมตาเวิร์สและ Web3 มีความพร้อมในการกำหนดทิศทางของอินเทอร์เน็ตใหม่ โดยแทนที่จะเป็นคลังเพื่อรวมเว็บไซต์และแอปหลากหลายประเภท แต่จะมองไกลไปข้างหน้าด้วยการเป็นเมตาเวิร์สที่นำไปสู่การสร้างสภาพแวดล้อม 3 มิติต่อเนื่อง ทำให้การย้ายจาก “ที่หนึ่ง” ไปยังอีก“ที่หนึ่ง” ทำได้ง่ายเหมือนเดินออกจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่ง และ 95% ของผู้บริหารก็เชื่อว่า แพลตฟอร์มดิจิทัลในอนาคตควรนำเสนอประสบการณ์ที่เป็นเอกภาพที่สามารถทำให้ข้อมูลของลูกค้าในแพลตฟอร์มและพื้นที่ต่างๆ ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ
โลกที่กำหนดและปรับแต่งได้ (Programmable World: Our Planet, Personalized) เมื่อเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง 5G, ambient computing, AR (augmented reality) และอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ มีความสามารถที่
ล้ำหน้ามากขึ้น สภาพแวดล้อมทางดิจิทัลจะเชื่อมโยงกันเป็นโครงสร้างของโลกทางกายภาพ สิ่งแวดล้อมเหล่านี้
ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อรูปแบบการติดต่อสื่อสารและการมีส่วนร่วมของคนกับโลกในมุมต่างๆ แต่ยังกำหนดนิยามของทุกอย่างในโครงสร้างนั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการที่ผู้คนรับรู้สัมผัส โต้ตอบ และออกแบบชีวิตในนั้น ซึ่ง 92% ของผู้บริหารก็เห็นด้วยว่า องค์กรชั้นนำจะมีบทบาทขับเคลื่อนให้ขอบเขตของโลกเสมือนเข้ามาใกล้ความจริงมากขึ้น โดยต้องทำให้การเดินทางระหว่างโลกดิจิทัลและโลกทางกายภาพเป็นไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่น
โลกที่ไม่แท้จริง (The Unreal: Making Synthetic, Authentic) ธุรกิจและสภาพแวดล้อมต่างๆ จะทำงานด้วยข้อมูลจาก AI มากขึ้น สะท้อนให้เห็นโลกทางกายภาพได้อย่างเสมือนจริง AI จึงมีความสำคัญมากที่สุดต่อธุรกิจยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา เพราะทั้งองค์กรและผู้บริโภคมีมุมมองเปลี่ยนไป จากที่เคยเทียบของจริงกับของปลอม กลายเป็นการมองที่ความแท้ (authentic) ที่ไม่ใช่แค่ความแท้จากเนื้อหาและอัลกอริทึมขององค์กร แต่รวมถึงตัวแบรนด์ทั้งหมดด้วย เมื่อโลกไม่แท้จริงกลายมาเป็นโลกจริง จึงถึงเวลาที่ธุรกิจต่างๆ ต้องเตรียมธุรกิจของตนให้พร้อม ซึ่ง 96% ของผู้บริหารก็ระบุว่า องค์กรของตนมุ่งมั่นในการพิสูจน์ต้นทางข้อมูลและการใช้ AI ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
ประมวลผลได้แม้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ (Computing the Impossible: New Machines, New Possibilities) ความก้าวหน้าของอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ ทำให้องค์กรต่างๆ สามารถขยายขีดจำกัดของสิ่งที่คอมพิวเตอร์เคยแก้ปัญหาได้ เช่น เทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้ง และการประมวลผลจากข้อมูลชีวภาพ (biology-inspired computing) ได้ช่วยให้ธุรกิจสามารถแก้ปัญหาจากเดิมที่หากใช้เทคโนโลยีการประมวลผลแบบเก่า อาจจะมีราคาแพงเกินไป ไม่มีประสิทธิภาพ หรือเป็นไปไม่ได้เลย เมื่อ “ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่” ลดระดับกลายเป็นกระบวนการทำงานที่เล็กลง ทำให้องค์กรต่างๆ เปลี่ยนแปลงวิธีการแข่งขัน การมอบคุณค่าให้ลูกค้า และ
การสร้างความร่วมมือระหว่างกันไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งผู้บริหารเกือบทุกคน (94%) ก็เห็นด้วยว่า ความสำเร็จในระยะยาวจะขึ้นอยู่กับการใช้เทคโนโลยีประมวลผลยุคใหม่ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาที่อาจจะเกินการควบคุมได้
ปัจจุบัน ก็มีองค์กรหลายแห่งที่มีแนวคิดทันสมัยพร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา อาทิ แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) หนึ่งในผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ที่ล่าสุดได้ร่วมมือและให้โอกาสเอคเซนเชอร์ช่วยวางกลยุทธ์และแนวทางเพื่อรุกเข้าสู่โลกของเมตาเวิร์ส โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่และปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้กับผู้ใช้งานแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยในการนี้ ทางบริษัทฯ ได้ใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญและความชำนาญทางธุรกิจของเอคเซนเชอร์เพื่อพัฒนาเมตาเวิร์สที่ใช้งานได้จริง เพิ่มทางเลือกและโอกาสในการทำงาน การใช้ชีวิต การเล่นหรือเรียนรู้ของผู้ใช้ได้อย่างไร้ขีดจำกัดในโลกยุคดิจิทัล
ทั้งนี้ เป็นเวลา 22 ปีมาแล้วที่เอคเซนเชอร์ได้วิเคราะห์สภาพแวดล้อมขององค์กรต่างๆ อย่างเป็นระบบ เพื่อค้นหาแนวโน้มเด่นด้านเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทเปลี่ยนโลกธุรกิจและอุตสาหกรรมในอนาคตได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงาน Technology Vision 2022 ได้ที่ Accenture หรือติดตามประเด็นการสนทนาในเรื่องนี้ทางทวิตเตอร์ที่ #TechVision