Apple

สำรวจแทร็คและเทรนด์ยอดฮิตรอบครึ่งปีบน Apple Music กับ 2022 So Far: Top Tracks and Trends

สำรวจแทร็คและเทรนด์ยอดฮิตรอบครึ่งปีบน Apple Music กับ “2022 So Far: Top Tracks and Trends” จากทีมผู้เชี่ยวชาญของ Apple Music ที่ไฮไลต์ 5 เทรนด์ที่จะทรงอิทธิพลต่อวงการเพลงในอนาคตอันใกล้นี้

5 เทรนด์ปัจจุบันที่กำลังถูกสตรีมบน Apple Music:

วงการป๊อป Gen-Z กับเพลงบัลลาดสุดคลาสสิกที่เน้นการสำรวจตัวเองสิ่งหนึ่งที่เราสังเกตเห็นคือการเติบโตขึ้นตามวัยของเพลงป๊อปจากศิลปินวัยรุ่นจากเพลงอย่าง “feel like shit” ของ Tate McRae, “In the Stars” ของ Benson Boone หรือ “Flowers” ของ Lauren Spencer-Smith ซึ่งล้วนเป็นเพลงบัลลาดที่จริงใจซึ่งอาจจะถูกเขียนขึ้นเมื่อ 30 ปีที่แล้วก็เป็นได้ แต่ถูกเขียนมาสำหรับคนฟังที่อายุต่ำกว่า 30 ปี (และอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ Holly Humberstone ปล่อยเพลง “I Would Die 4 U” ที่นำเพลงดังของ Prince กลับมาทำใหม่อย่างสวยงามในตอนต้นปีที่ผ่านมา) นี่อาจจะเป็นอิทธิพลและมรดกของ Taylor Swift ที่คอยสร้างดนตรีที่มีกลิ่นความเป็นผู้ใหญ่อยู่ในทุกชิ้น หรือศิลปินเหล่านี้อาจจะไม่อยากเขียนเพลงแนวเสียดสีอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามศิลปินยุคใหม่ได้ย้อนกลับมาสำรวจความรู้สึกข้างในจิตใจตนเอง ถ่ายทอดมันออกมาได้อย่างทรงพลัง และเราทุกคนก็พร้อมที่จะรับฟัง

การหวนคืนของการแซมปลิ้งแบบ Bad Boy

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ซาวด์ของ Bad Boy Records แตกต่าง ไม่เหมือนใคร และเข้าถึงทุกคนได้อย่างกว้างขวางในช่วงปลายยุค 90 คือการนำเพลงที่คุ้นหูมาบิดให้กลายเป็นเพลงใหม่อย่าง  “Every Breath You Take” ของ The Police ใน “I’ll Be Missing You” ของ Diddy และ Faith Evans หรือ “I’m Coming Out” ของ Diana Ross ใน “Mo Money Mo Problems” และอื่นๆ อีกมากมาย คุณอาจจะเริ่มได้ยินเทรนด์นี้ค่อยๆ คลืบคลานกลับมาในกระแสหลักในเพลง “About Damn Time” ของ Lizzo (ที่แซมเปิ้ลเพลง “Hey! D.J.” ของ World’s Famous Supreme Team), “First Class” ของ Jack Harlow (“Glamorous” ของ Fergie และ Ludacris) และ “Big Energy” ของ Latto (ที่นำ “Fantasy” เพลงสุดคลาสสิกของ Mariah Carey จากปี 1995 ที่นำเสียงริฟฟ์มาจากเพลง “Genius of Love” ของ Tom Club ในปี 1981 มาอีกที) บางทีอาจจะเป็นการได้รำลึกความหลังโดยการนำสิ่งที่คนฟังคุ้นเคยอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะเป็นปฏิกิริยาตรงกันข้ามของการก้าวกระโดดในวงการแร็ปในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาจากความโด่งดังของเพลงแร็ปแนวอีโม แทร็ปจาก Atlanta อย่าง Drake, Tyler, Young Thug และ Kendrick Lamar เพราะการมีอาหารที่คุ้นชินก็เป็นเรื่องที่ดีได้เหมือนกัน

ซาวด์ของ Afrobeats, Alté, and Amapiano ที่โด่งดังไปทั่วโลก

แอฟริกันป๊อปเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกตั้งแต่ปลายยุค 60 เมื่อเพลง “Pata Pata” ของ Miriam Makeba กลายเป็นเพลงฮิตแนว R&B ของชาวอเมริกัน แต่การเติบโตข้ามทวีปของฮิปฮอปและการผสมผสานของโลกแห่งป๊อปผ่านเพลง “One Dance” ของ Drake และ Wizkid ได้ส่องแสงให้ศิลปินแอฟริกันเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการร่วมงานกับศิลปินตะวันตก (อย่าง Adekunle Gold & Ty Dolla $ign ใน “One Woman” และ “Peru” ของ Fireboy DML และ Ed Sheeran) หรือโด่งดังด้วยตัวเอง (“Free Mind” ของ Tems และ “Kwaku the Traveller” ของ Black Sheriff) และจากการตั้งชาร์ตสำหรับเพลงแนว Afrobeats โดยเฉพาะของ Billboard ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เชื่อได้เลยว่าเราจะต้องได้ฟังเพลงแนวนี้กันไปอีกนานแน่นอน
เพลงแนวดรัมแอนด์เบสกลับมาอีกครั้งหลังจากที่เพลงป๊อปเริ่มกลับไปคลุกเคล้ากับดนตรีแนว 90 อีกครั้ง การกลับมาของเพลงแนวดรัมแอนด์เบสถือเป็นหนึ่งในเรื่องน่ายินดีที่เราทุกคนรอคอย หลายๆ คนอาจจะได้ยินผ่านหูในเพลงจากศิลปินจาก TikTok อย่าง PinkPantheress (“Break It Off”), piri & Tommy Villiers (“soft spot”) และ Yaz (“Mr Valentine”) ที่เพลงป๊อปจากห้องนอนผสานเข้ากับเบรกบีตกลายเป็นซาวด์ของความสนุก นอกจากนี้เทรนด์นี้ยังเป็นหัวใจหลักของโปรดิวเซอร์อย่าง Chase & Status และ Nia Archives ที่บูชาความล้ำและความเข้มข้นของดนตรีดรัมแอนด์เบสแบบคลาสสิก ให้ได้นำดนตรีแนวนี้กลับมาสู่แฟนเพลงแนวแดนซ์ใต้ดินอีกครั้ง และเพลงแนวนี้น่าจะกลับเข้าสู่กระแสหลักได้ไม่ยากถ้าดูจากผลงานสุดฮิตอย่าง “Shivers” ของ Ed Sheeran หรือ “Down Under” ที่ Luude นำผลงานของ Men At Work กลับมาตีความอีกครั้ง (และฟีเจอร์ Colin Hay ด้วย)

การเดินทางของ K-Pop จากเกาะเกาหลีสู่ทุกทวีปทั่วโลก

BTS ไม่ได้เป็นแค่วงที่โด่งดังที่สุดในวงการ K-Pop แต่พวกเขายังเป็นวงที่ดังที่สุดในวงการเพลงป๊อปด้วย ความสำเร็จของพวกเขาได้ทำให้ผู้คนหันมาสนใจดนตรีแนวนี้มากยิ่งขึ้น และทำให้ศิลปินคนอื่นๆ เป็นที่รู้จักและช่วยกันผลักดันวงการนี้ให้ไปได้ไกลกว่าเดิม อย่างวงที่เป็นที่รู้จักกว้างขวางอย่าง BLACKPINK (ที่กลายเป็นวง K-Pop หญิงวงแรกที่ได้ขึ้นแสดงบน Coachella ในปี 2019) และ NCT DREAM (วงซับยูนิตวัยใสของ NCT ที่พลิกโฉมตัวเองในปี 2020 เมื่อกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว)​ ไปจนถึงวงน้องใหม่อย่าง LE SSERAFIM (วงหลากเชื้อชาติที่เปิดตัวอย่างมั่นใจด้วยซิงเกิ้ล “FEARLESS”) และ aespa ศิลปิน Apple Music Up Next (“Illusion”) ที่มาพร้อมกับตัวตนจริงและตัวตนแบบเวอร์ชวลของแต่ละคน เราไม่ได้มองว่าเป็นการส่งต่อคบเพลิงให้ใครถือต่อ แต่นี่คือการขยายวงการให้แผ่กว้างออกไปยิ่งขึ้น มากเสียจนวันหนึ่งเราอาจจะละทิ้งคำว่า K ได้และเรียกแนวเพลงนี้ว่า “ป๊อป” ซึ่งเป็นตัวตนของแนวนี้จริงๆ ได้

เพลงที่ดังที่สุดของปี 2022 ณ วันนี้:Future, “WAIT FOR U (feat. Drake and Tems)”

I NEVER LIKED YOU สตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 9 ของ Future ประสบความสำเร็จอย่างมากบน Apple Music ด้วยการทำลายสถิติจำนวนสตรีมในวันแรกทั่วโลกที่มากที่สุดสำหรับอัลบั้มที่ปล่อยในปี 2022 นอกจากนี้ยังมีเพลงฮิตที่ดังที่สุดของ Future บนชาร์ต Global Daily Top 100 อย่าง “WAIT FOR U” ที่ได้ Drake และ Tems มาร่วมฟีเจอร์อีกด้วย และเป็นเพลงของ Future ที่อยู่อันดับหนึ่งนานที่สุด โดยตกจากอันดับหนึ่งเพียงแค่สี่ครั้งนับตั้งแต่เปิดตัวเท่านั้น

Harry Styles, “As It Was” ในระยะเวลาสองปีกว่านับจากอัลบั้ม Fine Line Harry Styles ได้กลายเป็นนักร้องชื่อดังที่ใครๆ ก็ต้องรู้จัก และซิงเกิ้ล “As It Was” ก็ได้ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีกขั้นด้วยการเป็นเพลงอันดับหนึ่งเพลงแรกของ Harry Styles บนชาร์ต Global Daily Top 100 ที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า Harry’s House จะเป็นอัลบั้มที่ดังที่สุดของเขา หลังจากที่ “As It Was” ถูกปล่อยออกมา ซิงเกิ้ลนี้ได้ทำลายสองสถิติอันได้แก่ยอดสตรีมที่สูงที่สุดในวันแรกของเพลงที่ถูกปล่อยในรูปแบบ Spatial Audio และยอดสตรีมในวันแรกที่สูงที่สุดสำหรับเพลงที่ปล่อยในปี 2022 โดยเพลงนี้ครองอันดับหนึ่งของ Global Daily Top 100 หนึ่งสัปดาห์เต็ม และกลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้งเมื่อ Harry’s House ถูกปล่อยอย่างเป็นทางการ และนับจากวันนั้นเป็นต้นมาเพลงนี้ก็ไม่เคยหลุดออกจากสามอันดับแรกอีกเลย

Jack Harlow, “First Class” “First Class” ได้อัปเกรดสถานะของ Jack Harlow ให้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ด้านสตรีมมิ่งในทันที โดยตัวเพลงได้แซมเปิ้ลเพลงฮิตของ Fergie จากปี 2007 อย่าง “Glamorous” และกลายเป็นเพลงอันดับหนึ่งเพลงแรกของ Jack Harlow บนชาร์ต Global Daily Top 100 ที่ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดและคงอยู่ ณ จุดนั้นยาวถึง 21 วันติดกัน ในสองเดือนแรกหลังจากที่ปล่อยเพลง “First Class” ที่อยู่ในอัลบั้ม Come Home the Kids Miss You ยอดสตรีมของ Jack Harlow ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่า นอกจากนี้ “First Class” ยังคงครองสถิติยอดสตรีมทั่วโลกที่สูงที่สุดในวันแรกของเพลงฮิปฮอปที่ปล่อยในปี 2022 อีกด้วย

Glass Animals, “Heat Waves” หนึ่งปีหลังจากพุ่งขึ้นสู่ท็อป 40 ของชาร์ต Daily Top 100 ของ Apple Music “Heat Waves” ยังคงความร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง จนต้นปี 2022 ที่เพลงฮิตชิ้นนี้ของ Glass Animals ได้กลายเป็นเพลงท็อป 10 ของ Global Daily Top 100 และขึ้นสูงสุดถึงอันดับสี่ในเดือนเมษายน และ “Heat Waves” ยังช่วยเพิ่มยอดสตรีมของ Glass Animals มากขึ้นถึง 330% ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับ 18 เดือนก่อนหน้าด้วย

Bad Bunny, “Titi Me Pregunto” หลังจากที่ปล่อย Un Verano Sin Ti สตูดิโออัลบั้มลำดับที่ห้าออกมา Bad Bunny ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับเพลงละตินบน Apple Music โดยทำลายสองสถิติทั่วโลก โดย “Moscow Mule” ทำลายสถิติยอดสตรีมสูงสุดในวันแรกที่ปล่อยของเพลงละติน และ “Titi Me Pregunto” ได้กลายเป็นเพลงที่แฟนๆ ชื่นชอบ และในปลายเดือนพฤษภาคม ระยะเวลาสามสัปดาห์หลังจากที่อัลบั้มถูกปล่อยออกมา เพลงนี้ก็ได้ขึ้นสู่ท็อป 5 ของ Global Daily Top 100 และยังคงอยู่ในจุดนั้นจนถึงทุกวันนี้

Gayle, “abcdefu”“abcdefu” ผลงานชิ้นแรกกับค่ายใหญ่ของ GAYLE นักร้องแนวป๊อปร็อก คือหนึ่งในเรื่องราวที่โด่งดังที่สุดของครึ่งแรกของปี 2022 โดยเพลงนี้ได้เริ่มเป็นที่รู้จักบน Apple Music ในช่วงปลายปี 2021 และในเดือนมกราคม เพลงนี้ก็ได้อยู่ในท็อป 5 บน Global Daily Top 100 และเพลงฮิตเพลงนี้ได้เพิ่มยอดสตรีมให้กับ GAYLE มากขึ้นถึง 500% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าด้วย