SCG และ Microsoft ประเทศไทย ประกาศผนึกกำลังเพื่อยกระดับศักยภาพของเอสซีจีสู่องค์กรดิจิทัลครบวงจร มุ่งมอบประสบการณ์ที่ “ตรงใจ-ฉับไว-ล้ำเทรนด์” ยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าด้วยนวัตกรรมดิจิทัลระดับโลก ที่เสริมความรวดเร็วในการบริการ เพิ่มความเข้าใจในความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า พร้อมขยายขีดความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันใหม่ๆ ที่ตอบสนองต่อเทรนด์ในยุคหน้า ภายใต้แนวคิด “สร้างสรรค์นวัตกรรมสู่อนาคต” (Building New Frontiers of Innovation) ในความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ตลอดระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า “ความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของเอสซีจีในการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน เพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจ ให้สามารถยกระดับความเป็นอยู่ของผู้คนสอดรับกับยุคดิจิทัลที่มีทางเลือกหลากหลายและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ผ่านมา เอสซีจีได้นำเทคโนโลยีมาผสานกับการดำเนินงานรอบด้าน ประกอบด้วย 1.) พัฒนานวัตกรรมและโซลูชันเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี อาทิ “SCG Bi-ion” เทคโนโลยีไอออนกำจัดเชื้อโรคในอากาศ และ “SCG IoT Sensing Thermostat” ระบบควบคุมเครื่องปรับอากาศไร้สายอัจฉริยะ เพื่อการประหยัดพลังงาน 2.) บริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่า เช่น แพลตฟอร์ม “TRUCK GO” ระบบจัดการบริหารงานขนส่ง (Transportation Management System) สำหรับผู้ประกอบการและบริษัทขนส่งขนาดกลาง-เล็ก ช่วยประหยัดต้นทุนจากการลดเวลาทำงานได้ 60% และแพลตฟอร์มสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ “Prompt Plus” ช่วยบริหารจัดการต้นทุนและสต๊อกสินค้าให้แก่ร้านค้ารายย่อยที่มีทั่วประเทศกว่า 10,000 ราย รวมถึง 3.) พัฒนากระบวนการผลิต เช่น เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี (SCGC) นำปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) ในโปรเจกต์ บอนไซ (Bonsai) ของไมโครซอฟท์ มาพัฒนาเทคโนโลยี “Digital Twin” หรือตัวแทนเสมือน ที่ช่วยประเมินผลเพื่อปรับรูปแบบการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น การเปลี่ยนเกรดเม็ดพลาสติก การปรับสายการผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้แม่นยำมากขึ้น แต่ใช้เวลาน้อยลง”
นายรุ่งโรจน์กล่าวเสริมอีกว่า “เอสซีจีมีความยินดีอย่างยิ่งในการผสานศักยภาพของทั้ง 2 องค์กร เพื่อพัฒนานวัตกรรม สินค้า บริการและโซลูชันที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าครบวงจรของไมโครซอฟท์ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence), การเรียนรู้ของระบบคอมพิวเตอร์ (Machine Learning), เมตาเวิร์ส (Metaverse) และควอนตัม คอมพิวเตอร์ (Quantum Computer) ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับโลก พร้อมศักยภาพของเอสซีจีที่สามารถเข้าใจปัญหาและประสบการณ์ของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง ทั้งความเชี่ยวชาญด้านการวิจัย พัฒนานวัตกรรมที่สอดรับกับวิถีชีวิตของผู้คนและเทรนด์โลก ซึ่งจะทำให้ความร่วมมือครั้งนี้สามารถช่วยส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้ลูกค้าได้อย่างทันท่วงที”
นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไมโครซอฟท์เชื่อว่าเทคโนโลยีจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตและสังคมได้ดีที่สุด เมื่อถูกนำไปใช้โดยผู้ที่มีความเข้าใจในความต้องการ โอกาส ความท้าทายของผู้คนได้ลึกซึ้งที่สุด ด้วยเหตุนี้ เราจึงพร้อมเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับเอสซีจีด้วยนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ใน 3 ด้านใหญ่ๆ ได้แก่
- เพิ่มความ “ตรงใจ” (Building for Intelligence) ท่ามกลางสภาพตลาดและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง เช่น การนำเสนอผลิตภัณฑ์และข้อมูลสินค้าที่ตรงกับความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้าแต่ละคน ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมด้วย ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เพื่อเป็นตัวช่วยลูกค้าในการพิจารณา เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ในร้านค้า เอสซีจี โฮม และช่องทางออนไลน์
อีกหนึ่งตัวอย่างของโครงการในด้านนี้ ได้แก่การวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าเชิงลึกบน Digital Commerce Platform ที่ช่วยให้เข้าใจความสนใจของลูกค้าและตลาดแม่นยำมากขึ้น และสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้สอดรับกับความต้องการทันท่วงที สามารถที่จะลดเวลารอคอยการยืนยันส่งมอบสินค้าได้ถึง 70%
- เสริมความ “ฉับไว” (Building for Agility) ในทุกก้าวของการดำเนินงาน เช่น โครงการ “Smart Manufacturing Campus Solution-CPAC Green Solution” ในธุรกิจ Cement and Green Solution เอสซีจี ได้นำเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และเมตาเวิร์ส (Metaverse) มาผสานเครื่องจักร คน และกระบวนการทำงานเข้าด้วยกัน ทำให้บริหารจัดการกระบวนการผลิตได้รวดเร็ว ปลอดภัย รู้ทันความเสี่ยงในการผลิตล่วงหน้าเพื่อรับมือได้ทัน รวมทั้งช่วยให้ใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยในอนาคต จะขยายองค์ความรู้และโซลูชันดังกล่าว ไปสู่เครือข่ายเพื่อร่วมขยายขีดความสามารถการแข่งขันให้กับวงการอุตสาหกรรม
- และ ต่อยอดความ “ล้ำเทรนด์” (Building for the Beyond) เพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ในอนาคต ด้วยการยกระดับกระบวนการพัฒนานวัตกรรมให้รวดเร็ว และสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ดียิ่งขึ้น เช่น การคิดค้นนวัตกรรมผ่านโลกเสมือนในเมตาเวิร์ส (Metaverse) เพื่อเปิดให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการออกแบบพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญจากเอสซีจี และการย่นระยะเวลาในการวิเคราะห์-วิจัยนวัตกรรมให้สั้นลง ด้วยเทคโนโลยีควอนตัม คอมพิวเตอร์ (Quantum Computer)
ภายใต้ความร่วมมือนี้ Microsoft ยังพร้อมให้การสนับสนุนแบบครบวงจรเพื่อรองรับการปรับใช้นวัตกรรมดิจิทัลในทุกภาคส่วนของ SCG ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือของไมโครซอฟท์ที่เป็นรากฐานสำคัญในการปฏิบัติงาน ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มคลาวด์ Azure หรือโซลูชันอย่าง Dynamics และ Microsoft 365 ที่รองรับการทำงานของบุคลากรทั่วทั้งองค์กร ไปจนถึงบริการคลาวด์เพื่อความยั่งยืนอย่าง Microsoft Cloud for Sustainability ที่จะทำงานสอดประสานไปกับแนวทาง ESG 4 Plus (มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ ภายใต้ความเป็นธรรม โปร่งใส) ของเอสซีจีเพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนโลก ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ โซลูชันใหม่ๆ ด้วยนวัตกรรมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ”