TAG Heuer เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้กับนาฬิกา TAG Heuer Connected Calibre E4 สามารถโชว์งานอาร์ต NFT (not-fungible token) บนหน้าปัด และเชื่อมต่อกับ Wallet เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของหรือกรรมสิทธิ์
NFT (not-fungible token) คือคำที่ใช้เรียกสินทรัพย์ดิจิตอลซึ่งสามารถแทร็กการถือครองกรรมสิทธิ์ได้ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน เช่น Ethereum สินทรัพย์ที่สามารถอยู่ในรูปของ NFT มีตั้งแต่ของสะสมและงานศิลป์ในรูปแบบดิจิตอล ไอเท็มที่มีอยู่ในโลกเสมือนจริง ไปจนถึงในการอ้างสิทธิ์ในทรัพย์สินทางกายภาพ เช่น เสื้อผ้าหรืออสังหาริมทรัพย์ โดยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า NFT จะถูกนำมาใช้เพื่อปลดล็อกการใช้งานใหม่ๆ ซึ่งทำได้โดยบล็อกเชนและคริปโตเท่านั้น
วันนี้ TAG Heuer นำเสนอแนวใหม่ในการนำผลงานศิลปะซึ่งเป็นของสะสมและมีมูลค่าสูงเหล่านี้มาสู่โลกจริง นับเป็นครั้งแรกที่ผลงาน NFT เหล่านี้สามารถสวมใส่ได้บนแขน ทั้งยังสามารถบ่งชี้กรรมสิทธิ์ในการครองครองผ่านฟีเจอร์หน้าปัดที่ชื่อว่า Lens ด้วย ในการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่นี้ TAG Heuer ได้ร่วมงานกับผู้เล่นหลักๆ ในคอมมิวนิตี้ NFT อย่าง BAYC, Cryptopunk, CLONE-X และ World of Women เพื่อให้ฟีเจอร์ Lens สามารถรองรับการใช้งานและมอบประสบการณ์ใหม่ได้จริง
TAG Heuer Connected ความลงตัวกับ NFT
TAG Heuer Connected ได้สร้างชื่อจนกลายเป็นผู้นำในตลาดสมาร์ทวอทช์ระดับหรู และการสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ยังตอกย้ำชื่อเสียงของแบรนด์นาฬิกาสวิสรายนี้ในด้านการเป็นผู้นำนวัตกรรม ด้วยการโชว์ NFTs บนนาฬิกานอกเหนือไปจากหน้าปัดนาฬิกาทั้งแบบดิจิตอลและอนาล็อกที่มีให้เลือกมากมายของ TAG Heuer
ผู้ใช้สามารถทรานสเฟอร์ NFT ไปยังฟีเจอร์หน้าปัด Lens โดยผ่านสามาร์ทโฟนที่จับคู่กับนาฬิกา ฟีเจอร์หน้าปัดนี้สามารถแสดงเวลาได้สามแบบพร้อมกับแสดงภาพอาร์ตเวิร์ก NFT ไปด้วย ซึ่งรวมถึงดีไซน์แบบคอนเซปชวลที่มาพร้อมรูปสามเหลี่ยมและวงกลมสำหรับแทนชั่วโมงและนาที
TAG Heuer ได้ร่วมมือกับ Ledger บริษัทกระเป๋าเงินดิจิตอลเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงและดิสเพลย์ NFTบนนาฬิกา TAG Heuer Connected ได้อย่างปลอดภัย และฟังก์ชั่นนี้ ยังรองรับบริษัทกระเป๋าเงินดิจิตอล Metamask ด้วย ผู้ใช้งานยังสามารถปรับขนาดภาพเพื่อให้พอดีกับหน้าจอที่เป็นวงกลมได้
TAG Heuer Connected E4 รุ่นใหม่ถือเป็นแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์แบบในการโชว์อาร์ตเวิร์กซึ่งแสดงกรรมสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ด้วยจอประสิทธิภาพสูง ซึ่งแสดงได้ผลได้อย่างชัดเจนแม้จะอยู่กลางแดดจัดเนื่องจากระดับความคอนทราสต์ อีกทั้งการจำลองสีแบบสมจริงยังทำให้งานอาร์ตNFT โดดเด่นบนจอในแบบที่ควรจะมองเห็น
การแสดงอัตลักษณ์ทางดิจิตอลรูปแบบใหม่
TAG Heuer นำเสนอการพิสูจน์กรรมสิทธิ์ภาพผ่านฟีเจอร์หน้าปัด โดย NFT จะถูกแสดงในช่องรูปทรงแปดเหลี่ยมพร้อมก้อนเมฆเล็กๆ ลอยอยู่โดยรอบ
ไม่ว่า NFT นั้นจะเป็นภาพนิ่งหรือไฟล์ GIFs ฟีเจอร์หน้าปัดสุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้ก็สามารถรองรับฟอร์แมตต์เหล่านี้ด้วยรายละเอียดที่คมชัด พร้อมภาพเคลื่อนไหววนซ้ำไม่รู้จบ ในโลกที่อัตลักษณ์ดิจิตอลมีความสำคัญพอ ๆ กับตัวตนจริง กล่าวได้ว่า TAG Heuer ได้สร้างสะพานเชื่อมและความเชื่อมโยงระหว่างตัวตนเวอร์ชันต่าง ๆ เหล่านี้
นาฬิกา TAG Heuer Connected Calibre E4 ยังคงมาพร้อมฟีเจอร์หน้าปัดของ TAG Heuer ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมรดกการสร้างสรรค์นาฬิกาอันยืนยาวกว่า 160 ปีเช่นเดียวกับนาฬิกาในตระกูล Connected ทุกรุ่น ส่วน Lens ซึ่งเป็นฟีเจอร์หน้าปัดใหม่จะทำงานได้ดีทั้งกับนาฬิกา TAG Heuer Connected Calibre E4 ขนาด 42 มม. และ 45 มม. และออกแบบมาเพื่อโชว์สมบัติสุดโปรดของผู้ใช้ ภาพเหล่านี้อาจมาจากคลังรูปภาพส่วนตัว คอลเลกชั่นNFT หรือรูปภาพที่ TAG Heuer คัดเลือกมาก็ได้ทั้งนั้น
ประสบการณ์ใหม่นี้จะเปิดให้อัพเดทฟรีสำหรับเจ้าของนาฬิกา Calibre E4 ผ่านทาง App Store ของ Apple และ Play Store ของ Google
ฟีเจอร์การแสดงผล NFT ใหม่ของ TAG Heuer เปิดตัวขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังจากที่แบรนด์สุดล้ำได้เปิดตัวการชำระเงินด้วยสกุลเงินคริปโตบนเว็บไซต์ในสหรัฐอเมริกาผ่าน BitPay บริษัทให้บริการชำระเงินด้วยเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่ ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อนาฬิกาและอุปกรณ์เสริมของ TAG Heuer ด้วยสกุลเงินดิจิตอลต่าง ๆ เช่น Bitcoin หรือ Ethereum เห็นได้ชัดว่าแบรนด์ซึ่งขึ้นยึดมั่นในเทคโนโลยีกำลังก้าวเข้าสู่สนาม Web3 แล้ว