TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นได้รับความนิยมและมีการเติบโตที่รวดเร็วมาก แม้เพิ่งเปิดตัวมาเกือบจะ 6 ปี (เปิดตัวไปเมื่อ 29 กันยายน 2016) แต่สามารถต่อกรกับคู่แข่งเจ้าใหญ่ๆ ที่อยู่ในตลาดมาก่อนอย่าง YouTube และ Instagram ได้
ข้อมูลใหม่ที่อ้างอิงการใช้งาน TikTok และ YouTube ของเด็กและวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 4-18 ปีที่รวบรวมให้กับทาง TechCrunch โดย Qustodio ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ที่ให้ผู้ปกครองควบคุมการใช้ของบุตรหลาน ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลจาก 400,000 ครอบครัวที่มีบัญชีพร้อมบริการสำหรับการตรวจสอบโดยผู้ปกครอง พบว่า เด็กและวัยรุ่นใช้เวลาบนแพลตฟอร์ม TikTok มากกว่า YouTube แล้ว !
จากการเก็บข้อมูลดังกล่าวในปี 2019 พบว่า เด็กและวัยรุ่นยังคงใช้เวลาบนแพลตฟอร์ม YouTube โดย YouTube มีการใช้งานเฉลี่ยที่ 48 นาทีต่อวัน ซึ่งมากกว่า TikTok ที่ใช้งานเฉลี่ยที่ 38 นาทีต่อวัน
จุดเปลี่ยนจริงๆ น่าจะเกิดขึ้นช่วงเดือนมิถุนายน 2020 ที่เกิดการระบาดของ COVID-19 อย่างหนักและผู้คนต้องล็อคดาวน์อยู่บ้าน ข้อมูลระบุว่าเด็กและวัยรุ่นใช้เวลาบนแพลตฟอร์ม TikTok เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 75 นาทีต่อวัน แซงหน้าการใช้งาน YouTube ที่เฉลี่ย 64 นาทีต่อวัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา TikTok ก็ขึ้นนำ YouTube ลากยาวมาถึงปัจจุบัน
ข้อมูลของปี 2021 พบว่า เด็กและวัยรุ่นใช้งาน TikTok เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 91 นาทีต่อวัน ในทางกลับกัน YouTube กลับมีเวลาการใช้งานเฉลี่ยลดลงเหลือเพียง 56 นาทีต่อวัน
เมื่อเจาะจงดูข้อมูลเฉพาะประเทศ อย่างเช่น สหราชอาณาจักร หรือ สเปน ก็ให้แนวโน้มแบบเดียวกัน คือ เด็กและวัยรุ่นจะใช้งาน TikTok น้อยกว่า YouTube ในปี 2019 แต่จะแซงหน้าในปี 2020 และเพิ่มขึ้นอีกในปี 2021
โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรที่เด็กและวัยรุ่นใช้เวลากับ TikTok มากถึงวันละ 102 นาทีต่อวัน ซึ่งเกินกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งโลกที่ 91 นาทีต่อวัน ส่วนเวลาใช้งาน YouTube เฉลี่ยนั้นอยู่ที่ 53 นาทีต่อวัน ทำให้ระยะเวลาการใช้งานเฉลี่ยต่อวันต่างกันมากเกือบ 2 เท่า
จากข้อมูลข้างต้นทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่ YouTube เท่านั้นที่ต้องปรับตัว แต่แพลตฟอร์มอื่นๆ อย่าง Instagram , Facebook และ Snapchat เองก็ต้องปรับตัวเช่นกัน เพื่อให้สอดคล้องและเข้าถึงพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่เปลี่ยนไป
YouTube เองก็เริ่มปรับตัวแล้วด้วยการเปิดตัว YouTube Shorts ซึ่งเป็นรูปแบบวิดีโอสั้น ซึ่งมีการประกาศจากบริษัทเมื่อไม่นานมานี้ว่า YouTube Shorts มีผู้ใช้งานสูงสุดถึง 1.5 พันล้านคนต่อเดือน คาดว่าการปรับตัวนี้จะทำให้ผู้คนหันมาใช้งานแพลตฟอร์มดังกล่าวมากขึ้นในอนาคต
ที่มา : TechCrunch