แอปเปิล เปิดตัว Phone 14 และ iPhone 14 Plus ใหม่ มาในขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว อัปเกรดกล้องคู่ถ่ายภาพและวิดีโอดีขึ้น เพิ่มคุณสมบัติการตรวจจับการชนกัน เป็นบริการด้านความปลอดภัยบริการแรกในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนพร้อม SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม และยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ดีที่สุดใน iPhone อีกด้วย
ดีไซน์ที่สวยงามและทนทาน
สำหรับปีนี้ทางแอปเปิลปรับให้ไอโฟนรุ่นพื้นฐานให้มี 2 ขนาดหน้าจอ โดย เปิดตัว Phone 14 มาในขนาด 6.1 นิ้ว และ iPhone 14 Plus ขนาดจอ 6.7 นิ้ว โดยที่รุ่น mini ในปีนี้จะไม่มีแล้ว สำหรับรุ่น iPhone 14 Plus นั้น น่าจะถูกใจสำหรับคนที่อยากได้ไอโฟนจอใหญ่ แต่ไม่ได้อยากได้สเปคระดับ Pro Max
จอภาพเป็นแบบ Super Retina XDR ที่สวยสะดุดตาพร้อมเทคโนโลยี OLED ที่รองรับความสว่างสำหรับคอนเทนต์แบบ HDR สูงสุดถึง 1,200 นิต, อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 และ Dolby Vision เหมาะสำหรับการรับชมสตรีมมิ่ง ดูคอนเทนต์บันเทิง รมไปถึงการเล่นเกมได้อย่างเต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น
ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 พร้อมทั้งระบบภายในยังมีการออกแบบใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมความร้อนระหว่างใช้งานได้ดียิ่งขึ้น
รูปร่างหน้าตา รวมถึงดีไซน์นั้น แทบจะไม่ต่างจาก iPhone 13 มากนัก ด้วยตัวเครื่องดีไซน์ขอบสันเหลี่ยม วัสดุเป็นอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับอุตสาหกรรมยานอวกาศ ฝาหลังเป็นกระจกแบบเงา ที่มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 5 สีคือ สีมิดไนท์, สีฟ้า, สีสตาร์ไลท์, สีม่วง และรุ่น (PRODUCT)RED โดยที่กระจกหน้าจอจะเป็นแบบ Ceramic Shield ที่มีความทนทานต่อการขูดขีด เกิดรอยได้ยาก
อัปเกรดกล้องคู่ทรงพลัง
กล้องของ Phone 14 และ iPhone 14 Plus มีระบบ Photonic Engine ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในสภาวะแสงปานกลางถึงน้อยในภาพถ่ายจากกล้องทุกตัวโดยอาศัยการผสานการทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างใกล้ชิด ทำให้ตัวกล้องหน้า TrueDepth ใหม่ความละเอียด 12MP แบบ Autofocus ประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 2 เท่า ช่วยให้ถ่ายภาพเซลฟี่ได้คมชัดแม่นยำมากขึ้น
ส่วนระบบกล้องหลังคู่ใหม่ กล้องหลัก 12MP ที่ใช้เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ขึ้นและพิกเซลที่ใหญ่ขึ้น มีประสิทธิภาพดีขึ้น 2.5 เท่า และกล้องมุมกว้างพิเศษ Ultra-wide ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า
นอกจากนี้ Photonic Engine ยังช่วยเพิ่มคุณภาพให้กับภาพถ่ายด้วยการประมวลผล Deep Fusion ตั้งแต่ช่วงต้นของกระบวนการประมวลผลภาพ เพื่อแสดงรายละเอียดได้อย่างครบครัน พร้อมทั้งพื้นผิวที่มีความละเอียด ตลอดจนการแสดงสีสันที่ดียิ่งขึ้น และเก็บข้อมูลในภาพถ่ายได้มากขึ้นด้วย
ฟีเจอร์และคุณสมบัติใหม่ที่ได้รับการอัปเกรดของ iPhone 14 และ iPhone 14 Plus
- กล้องหลักใหม่มาพร้อมรูรับแสงขนาด ƒ/1.5 ที่ใหญ่ขึ้น และพิกเซลขนาด 1.9 µm ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมสำหรับทั้งภาพถ่ายและวิดีโอในทุกสถานการณ์แสง เพื่อรายละเอียดที่ดีขึ้นและการหยุดการเคลื่อนไหวให้นิ่งสนิท นอยซ์ที่น้อยลง การเปิดรับแสงที่ไวขึ้น และยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์ด้วย
- กล้องหน้า TrueDepth ใหม่ที่มีรูรับแสงขนาด ƒ/1.9 ช่วยให้ถ่ายภาพและวิดีโอในสภาวะแสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น และยังเป็นครั้งแรกที่มีออโต้โฟกัส จึงสามารถโฟกัสได้เร็วยิ่งขึ้นในสภาวะแสงน้อยและถ่ายรูปหมู่ได้ในระยะที่ไกลออกไปกว่าเดิม
- โหมดแอ็คชั่นใหม่เพื่อวิดีโอที่ดูลื่นไหลเหลือเชื่อ ซึ่งจะปรับภาพให้สอดคล้องกับการส่ายไปมา การเคลื่อนไหว และการสั่นในระดับมากๆ แม้จะเป็นการถ่ายวิดีโอในจังหวะแอ็คชั่นก็ตาม
- กล้องอัลตร้าไวด์ นำเสนอมุมมองที่ไม่เหมือนใครสำหรับมุมองภาพที่กว้างขึ้น และการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยที่ดียิ่งขึ้นด้วย Photonic Engine
- แฟลช True Tone ที่ปรับปรุงใหม่สว่างขึ้น 10% และให้แสงแฟลชที่สม่ำเสมอขึ้น
- โหมดภาพยนตร์ที่ตอนนี้มีให้ใช้งานในระดับ 4K ที่ 30 fps และระดับ 4K ที่ 24 fps
- HDR แบบ Dolby Vision ตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งมีเฉพาะบน iPhone
ความปลอดภัยสุดล้ำ ตรวจจับการชนกันและ SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม
เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่น่าตื่นเต้น ที่ทาง Apple ได้เพิ่มเข้ามาใน iPhone 14 ทุกรุ่น กับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยสำหรับการช่วยเหลือยามฉุกเฉิน ด้วยอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบ Dual-core ใหม่ที่สามารถตรวจวัดแรง g ได้สูงสุดถึง 256 พร้อมด้วยไจโรสโคปที่มีช่วงไดนามิกสูง ทำให้ตอนนี้คุณสมบัติการตรวจจับการชนกันที่อยู่ใน iPhone สามารถตรวจจับเหตุรถชนรุนแรงและโทรติดต่อบริการฉุกเฉินได้โดยอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้หมดสติหรือไม่สามารถหยิบ iPhone ได้ นอกจากนี้เมื่อใช้งานร่วมกับ Apple Watch คุณสมบัติการตรวจจับการชนกันก็สามารถเลือกใช้ประโยชน์จากจุดเด่นเฉพาะตัวของอุปกรณ์ทั้งสองได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
และอีกคุณสมบัติใหม่ SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม ให้ผู้ใช้งาน iPhone 14 สามารถเชื่อมต่อกับดาวเทียมได้โดยตรง และรองรับการรับส่งข้อความผ่านบริการฉุกเฉินเมื่ออยู่นอกพื้นที่ให้บริการเซลลูลาร์หรือ Wi-Fi ยามที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุในพื้นที่ๆ ไม่มีสัญญาณ เราสามารถส่งข้อความหรือสัญญาณขอความช่วยเหลือ โดยต่อโดยตรงกับดาวเทียมเพื่อแจ้งขอความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้คุณสมบัติ SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียมจะพร้อมให้บริการแก่ผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาในเดือนพฤศจิกายน และให้บริการฟรีเป็นเวลา 2 ปี
A15 Bionic ขุมพลังที่มาพร้อม GPU แบบ 5-Core
เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับชิป A15 Bionic ให้เป็น GPU แบบ 5-Core ที่ประมวลผลด้านกราฟิกได้เร็วแรง ทั้งในแอปวิดีโอและการเล่นเกมประสิทธิภาพสูงได้อย่างราบรื่น และยังทำงานประมวลผลกล้อง ในระบบ Photonic Engine และโหมดภาพยนตร์ รวมถึงการประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้เป็นอย่างดี ตลอดจนปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้ด้วย Secure Enclave ไปพร้อมๆ กัน CPU แบบ 6-core รับมือกับงานหนักๆ ได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ขณะที่ Neural Engine แบบ 16-core ก็สามารถดำเนินการได้ถึง 15.8 ล้านล้านรายการต่อวินาที จึงช่วยให้การประมวลผลด้านการเรียนรู้ของระบบรวดเร็วยิ่งขึ้นสำหรับคุณสมบัติใน iOS 16 และการใช้งานต่างๆ ในแอปของบริษัทอื่น
เชื่อมต่อได้เร็วแรง
iPhone 14 สามารถเชื่อมต่อเรียลไทม์ด้วย 5G เพื่อให้ผู้ใช้ติดต่อ แชร์ และสนุกกับคอนเทนต์ได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีการรองรับ 5G บน iPhone ครอบคลุมพันธมิตรผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์กว่า 250 ราย ที่อยู่ในตลาดมากกว่า 70 แห่งทั่วโลก
นอกจากนี้ ทางแอปเปิลได้มีการยกเลิกใช้ถาดซิมใน iPhone 14 และ iPhone 14 Plus ที่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ผู้ใช้งานใช้บริการเซลลูลาร์ผ่าน eSIM ที่มีความสะดวกรวดเร็ว และปลอดภัยกว่าซิมการ์ดปกติทั่วไป
มาพร้อม iOS 16
iPhone 14 และ iPhone 14 Plus มาพร้อม iOS 16 ซึ่งมีหน้าจอล็อคที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ และยังมีคุณสมบัติด้านการติดต่อสื่อสาร การแชร์ และคุณสมบัติอันชาญฉลาดแบบใหม่ ซึ่งร่วมกันเปลี่ยนวิธีที่ผู้ใช้สัมผัสประสบการณ์กับ iPhone โดยหน้าจอล็อคจะมีความเฉพาะตัว สวยงาม และให้ประโยชน์ได้มากขึ้นกว่าที่เคย พร้อมด้วยเอฟเฟ็กต์แบบหลายระดับชั้นที่ทำให้ตัวแบบโดดเด่นอย่างสวยงามอยู่ด้านหน้าเวลาที่แสดงบนหน้าจอ และยังมีวิดเจ็ตที่ออกแบบใหม่ซึ่งให้ข้อมูลภาพรวมโดยคร่าว นอกจากนี้ยังมีแกลเลอรี่ภาพพื้นหลังที่มอบแรงบันดาลใจผ่านหน้าจอล็อค โดยมีตัวเลือกมากมายซึ่งรวมถึงคอลเลกชั่นของ Apple ภาพพื้นหลังสภาพอากาศซึ่งสามารถเห็นสภาวะอากาศแบบสดที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน และภาพพื้นหลังดาราศาสตร์เพื่อดูโลก ดวงจันทร์ และระบบสุริยจักรวาล ตลอดจนภาพพื้นหลังแบบอื่นๆ อีกมากมาย
ตอนนี้ผู้ใช้ยังสามารถแก้ไขหรือเรียกคืนข้อความที่เพิ่งส่งออกไปได้ในแอปข้อความ และทำเครื่องหมายการสนทนาให้เป็นสถานะยังไม่ได้อ่าน เพื่อจะได้ย้อนกลับมาอ่านในภายหลัง ส่วนคลังรูปภาพ iCloud ที่แชร์ก็ทำให้การแชร์คอลเลกชั่นรูปภาพกับครอบครัวกลายเป็นเรื่องที่สุดง่ายดายกว่าที่เคย
ด้านคุณสมบัติข้อความในภาพก็มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยความสามารถในการตรวจจับข้อความในวิดีโอ และสามารถแปลงสกุลเงิน แปลข้อความ ทั้งยังทำสิ่งอื่นได้อีกมากมายอย่างรวดเร็ว และคุณสมบัติค้นดูจากภาพก็มีความสามารถใหม่ที่อนุญาตให้ผู้ใช้แตะตัวแบบในภาพค้างไว้ แล้วยกออกจากพื้นหลังเพื่อนำไปวางในแอปอื่นๆ เช่น แอปข้อความ
ราคา และ การวางจำหน่าย iPhone 14 และ iPhone 14 Plus
ตัวเครื่องจะมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 ความจุ คือ 128GB, 256GB และ 512GB ลูกค้าสามารถซื้อ iPhone 14 ในราคา 32,900 บาท และ iPhone 14 Plus ในราคา 37,900 บาท ที่ apple.com/th/store, ในแอป Apple Store® และที่ร้าน Apple Store นอกจากนี้ iPhone 14 และ iPhone 14 Plus ยังวางจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Apple และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์
สำหรับประเทศไทย สามารสั่งซื้อล่วงหน้าได้ตั้งแต่เวลา 19:00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ของวันศุกร์ที่ 9 กันยายน และจะวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 16 กันยายน โดยที่ iPhone 14 จะวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 16 กันยายน ส่วน iPhone 14 Plus จะวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม