รีวิว ASUS Vivobook Pro 15 OLED โน้ตบุ๊คที่เราแนะนำสำหรับนักเรียน นักศึกษา และกลุ่มสายงานครีเอเตอร์ ที่ต้องการเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการทำงานสร้างสรรค์และความบันเทิงได้อย่างครบถ้วน โดดเด่นด้วยหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว 2.8K OLED Display 120Hz อัตราส่วน 16:9 WUXGA (2880 x 1620) โปรเซสเซอร์ 12th Gen Intel® Core™ H-series ที่มีให้เลือกเป็น Core i5 และ Core i7 ส่วนกราฟิกการ์ดจัดมาเป็น NVIDIA® GeForce RTX™ 3050 Ti, RAM 16GB LPDDR5 on board พร้อมหน่วยเก็บข้อมูลขนาด 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD ที่สำคัญ มี Windows 11 Home และ Office Home and Student 2021 ติดตั้งพร้อมใช้งานตลอดอายุเครื่อง ใน ราคา เริ่มต้น 38,990 บาท
ต้องยอมรับว่า ตอนนี้ ASUS เป็นผู้นำตลาดด้านโน้ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอแบบ OLED ที่มีคุณสมบัติที่ให้ภาพสีที่คมชัดสวยงามและแม่นยำ จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับคนที่ต้องการเอาไว้สำหรับการทำงานที่ต้องการความเที่ยงตรงของสี อย่างงานครีเอเตอร์ กราฟิกดีไซน์ งานตัดต่อวิดีโอ รวมไปถึงด้านความบันเทิงก็ยังให้อรรถรสในการรับชมภาพยนตร์หรือเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยม
UnBox แกะกล่อง
ตัวแพ็กเกจของ ASUS Vivobook Pro 15 OLED มาในขนาดพอดีกับตัวเครื่อง ใช้วัสดุเป็นกระดาษน้ำตาลทั้งหมดที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% เมื่อเปิดกล่องมาจะเห็นตัวเครื่องวางอยู่
ที่ด้านล่างใต้เครื่องจะมีเอกสารในส่วนการรับประกันและคู่มือการใช้งานเบื้องต้น และข้อมูลส่วน MyASUS และมีกิมมิคน่ารักๆ เป็นสติกเกอร์สำหรับเอามาแปะเพื่อตกแต่งเครื่อง
ในกล่องจะมีอะแดปเตอร์ชาร์จแบบ 150W มาให้พร้อมสำหรับใช้งาน
ASUS Vivobook Pro 15 OLED ที่เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จะมีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน โดยรุ่นที่ทางทีมงานล้ำหน้าได้มาทดสอบ จะเป็นรหัส K6500ZE-MA721WS ตัวโปรเซสเซอร์จะเป็น Intel®Core™ i7-12650H และการ์ดจอเป็น NVIDIA® GeForce RTX™ 3050 Ti ราคา อยู่ที่ 43,990 บาท
ส่วนอีกรุ่นจะเป็น K6500ZC-MA582WS สเปคจะต่างกันตรงโปรเซสเซอร์ใช้เป็น Intel®Core™ i5-12450H การ์ดจอเป็น NVIDIA® GeForce RTX™ 3050 ราคา จะอยู่ที่ 38,990 บาท
สเปค ASUS Vivobook Pro 15 OLED (K6500ZE-MA721WS)
- ขนาด 35.98 x 23.43 x 1.89 ~ 1.99 เซนติเมตร
- น้ำหนัก 1.80 กิโลกรัม
- สี Quiet Blue
- ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home
- CPU: Intel®Core™ i7-12650H Processor
- GPU: NVIDIA® GeForce RTX™ 3050 Ti
- RAM: 16GB LPDDR5 on board
- Storage: 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD
- หน้าจอ: 15.6 นิ้ว 2.8K (2880 x 1620) OLED 16:9, 120Hz Refresh rate, 100% DCI-P3
- พอร์ตเชื่อมต่อ :
- 1x USB 3.2 Gen 1 Type-A
- 2 x USB 2.0 Type-A
- 1x Thunderbolt™ 4 supports display / power delivery
- 1 x HDMI 2.1
- 1x 3.5mm Combo Audio Jack
- 1x DC-in
- Micro SD card reader
- Wireless: Wi-Fi 6 + Bluetooth 5.0
- กล้อง 1080p FHD
- แบตเตอรี่ 70WHrs, 3S1P, 3-cell Li-ion
- Office: Office Home and Student 2021 included
Design ส่องดูรอบเครื่อง
ตัวบอดี้ของ ASUS Vivobook Pro 15 OLED รุ่นที่นำเข้ามาจำหน่ายในไทยจะปเป็นสี Quiet Blue ที่จะเป็นสีน้ำเงินเข้มโทนดำ ที่มีความสุขุม เรียบง่าย
ตัวฝาด้านนอกเครื่องวัสดุเป็นอะลูมิเนียม ดีไซน์มีในส่วนที่นูนขึ้นมาเป็นกรอบพร้อมโลโก้ของ ASUS และชื่อรุ่น Vivobook อย่างลงตัว
ตัวเครื่องมีความหนา 18.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.8 กิโลกรัม ถือว่าไม่หนักมากสำหรับโน้ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว นอกจากนี้ยังได้รับมาตรฐาน US MIL-STD 810H military-grade ในด้านความแข็งแรงทนทานในการใช้งานไม่ว่าจะเป็นการกระแทก สั่นสะเทือน หรือการใช้งานในอุณหภูมิที่สูงหรือต่ำมากๆ ได้
ตัวฝาพับหน้าจอ ออกแบบมาให้สามารถกางได้กว้างสุดถึง 180 องศา เพื่อช่วยให้สะดวกในการทำงานที่ต้องทำงานร่วมกับกับหลายๆ คน สามารถกางจอออกเพื่อให้มองเห็นกันได้โดยรอบ เป็นการออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับการประชุมและงานสร้างสรรค์โดยเฉพาะ
พอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ถือว่ามีมาให้ครบครัน ทางฝั่งซ้ายของเครื่อง จะมีพอร์ต USB-A 2.0 มาให้ 2 ช่อง และมีไฟแจ้งสถานะการทำงานของเครื่องและการชาร์จแบตมาให้ด้วย
ส่วนทางขวา จะมีช่องหูฟังแบบ Combo, ช่องอ่านการ์ด microSD, พอร์ต Thunderbolt 4 แบบ USB-C, ช่อง HDMI 2.1 รองรับ 4K 120Hz, พอร์ต USB 3.2 Gen 1 Type-A และช่องสำหรับเสียบอะแดปเตอร์ชาร์จ 150W
ด้านล่างตัวเครื่อง มีแถบช่องสำหรับรับอากาศจากภายนอกเข้าไปเพื่อระบายความร้อนในเครื่อง และมีช่องของลำโพงคู่สเตอริโออยู่ด้านล่างเครื่อง ใช้วิธียิงเสียงให้สะท้อนกับพื้นเพื่อให้ได้ความดังมากขึ้น
แป้นพิมพ์ ASUS ErgoSense เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด พร้อมกับทัชแพด ErgoSense ที่มีผิวสัมผัสนุ่มนวล มีแรงเสียดทานต่ำและเป็นรอยนิ้วมือยาก ทั้งสองถูกออกแบบมาเพื่อให้ได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ตัวแป้นพิมพ์จะมีค่า Dished key caps โค้งเว้าลงไป 0.2 มิลลิเมตร เพื่อรับกับการกดสัมผัสนิ้ว
ระยะความสูงของแป้นที่ 1.4 มิลลิเมตร ที่ตอบสนองทางสัมผัสได้โดยไม่ต้องออกแรงกดมาก กลไกด้านในเป็นแบบโดมยางที่เด้งรับการพิมพ์ พร้อมทั้งยังมีปุ่ม Number มาให้สำหรับใช้งานป้อนค่าตัวเลขได้ง่ายและสะดวก
ปุ่ม Enter จะมีดีไซน์แถบคาดเหมือนกับที่แถบที่ฝาด้านนอกของเครื่อง
ที่ปุ่ม Power บริเวณขวาบนสุดของแป้นพิมพ์ จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือรวมอยู่ด้วยภายในปุ่มเดียว ทำให้สะดวกรวดเร็วในการเปิดเครื่องและปลดล็อคหน้าจอเพื่อเข้าใช้งานได้ทันทีที่กดเปิด
นอกจากนี้เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน พื้นผิวของตัวโน้ตบุ๊คบริเวณด้านในตรงแป้นพิมพ์และผิวสัมผัส จะได้รับการปกป้องโดย ASUS Antibacterial Guard เป็นการเคลือบ Silver Ions เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้มากกกว่า 99% ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อให้มั่นใจว่าการพิมพ์หรือใช้งานจะสะอาดและถูกสุขอนามัยมากข้น
หน้าจอ OLED ใหญ่เต็มตา
ความโดดเด่นและเป็นสิ่งที่คุณจะต้องหลงไหลกับโน้ตบุ๊ครุ่นนี้ ก็คือตัวหน้าจอ OLED ที่ยกระดับในทุกด้านขึ้นมาเหนือกว่าจอ LCD ทั่วไปที่คุณเคยใช้มา และนี่ยังเป็นโน้ตบุ๊ครุ่นแรกที่ใช้หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว แบบ OLED 2.8K 120Hz
ด้วยการแสดงผลในขอบเขตสีที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ให้ค่าสีที่แม่นยำเที่ยงตรงในระดับที่ทำงานระดับมืออาชีพ พร้อมทั้งยังลดแสงสีฟ้าได้มากถึง 70% ผ่านมาตรฐานจาก TÜV Rheinland-certified ช่วยถนอมสายตาและลดความเสี่ยงต่อความเสียหายต่อจอประสาทตา
ขอบเขตในการแสดงสีของ ASUS Vivobook Pro 15 OLED ได้มาตรฐาน 100% DCI-P3 color gamut มีค่าความเที่ยงตรงของสี Delta-E < 2 พร้อมการรับรองความเที่ยงตรงของสีจาก Pantone แสดงสีได้ 1 พันล้านสี (10-bits) ค่าคอนทราสต์ 1,000,000:1 โดยค่าความสว่างสูงสุดถึง 600nits ที่ให้ทำงานในสภาพแสงสว่างมากๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา และได้การรับรอง VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500 ที่แสดงผลสีดำได้อย่างดำสนิทจริงๆ
ตัวจอขนาด 15.6 นิ้ว สัดส่วนภาพ 16:9 ความละเอียด 2880 x 1620 ด้วยการออกแบบให้ขอบเครื่องด้านข้างให้เหลือขอบน้อยมากๆ ทำให้มีพื้นที่หน้าจอต่อตัวเครื่องถึง 84% ทำให้ภาพที่ได้ใหญ่เต็มตามากยิ่งขึ้น
ตัวจอมีค่ารีเฟรชเรตสูงถึง 120Hz และ 0.2ms response time ทำให้นอกจากจะใช้สำหรับการทำงานแล้ว ในด้านความบันเทิงอย่างการเล่นเกมหรือดูภาพยนตร์ก็ให้อรรถรสที่ดีมากด้วยเช่นกัน หรือเวลาที่เลื่อนหน้าจอเว็บไซต์ ตัวหนังสือต่างๆ ก็จะมีความคมชัดไม่เกิดเงาเบลอ
Windows 11 Home และ Office Home and Student 2021 มาพร้อมใช้งาน
เมื่อคุณซื้อ ASUS Vivobook Pro 15 OLED เปิดเครื่องมาก็คือพร้อมใช้ทำงานได้ทันที เพราะว่ามีติดตั้งมาให้เรียบร้อยกับ Windows 11 Home ที่ไม่ต้องซื้อเพิ่ม ลิขสิทธิ์แท้ พร้อมอัปเดตเวอร์ชั่นใหม่ และความปลอดภัยที่หายห่วง
และยังมาพร้อมด้วย Office Home and Student 2021 สำหรับงานเอกสารต่างๆ ที่ครบถ้วนไม่ต้องไปสมัครซื้อเพิ่ม และรองรับให้อัปเดตได้ตลอดอายุการใช้งานเครื่อง
ประสิทธิภาพเปี่ยมพลัง สำหรับทุกงานสร้างสรรค์
สเปคของ ASUS Vivobook Pro 15 OLED สำหรับรุ่นที่ทางเรา รีวิว จะเป็นรุ่นโปรเซสเซอร์ Intel®Core™ i7-12650H ตัวการ์ดจอเป็น NVIDIA® GeForce® RTX™ 3050 Ti ทำงานร่วมกับหน่วยความจำ 512 GB PCIe® SSD และ RAM LPDDR5 ขนาด 16 GB
ถือว่าเป็นสเปคระดับสูงสำหรับโน้ตบุ๊คเพื่อการทำงานได้อย่างหายห่วง อย่างการทำงานกราฟิกขั้นสูงบนโปรแกรมตระกูล Adobe ไม่ว่าจะเป็นการแต่งภาพ Photoshop, Lightroom หรือตัดต่อวิดีโอบน Premier, After Effect แค่เสียบอะแดปเตอร์เพื่อเปิดใช้ Performance Mode เพิ่มพลังของ CPU เป็น TDP ที่ 55W ก็พร้อมสำหรับใช้งานเป็น Work Station ที่ทรงพลัง
ตัวการ์ดจอ NVIDIA® GeForce® RTX™ 3050 Ti ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการทำงานกราฟิค ด้วยสถาปัตยกรรม NVIDIA® Ampere ล่าสุด ให้ประสบการณ์ภาพที่ดีที่สุดแก่คุณ ไม่ว่าคุณจะทำงาน 3D ระดับเริ่มต้น วิดีโอความละเอียดสูง หรือสตรีมมิ่งแบบสด รวมถึงคุณสมบัติขั้นสูงใน GPU ซึ่งรวมถึง ray tracing การเร่งความเร็ว AI และหน่วยความจำ GDDR6 ที่รวดเร็ว ไดรเวอร์ NVIDIA Studio ที่ให้มาช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพและความเสถียรของกราฟิกสูงสุด
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ ASUS Vivobook Pro 15 OLED
ผลทดสอบโปรเซสเซอร์ ด้วย CPU-Z
ผลทดสอบกราฟิกการ์ดด้วย GPU-Z
ผลทดสอบประสิทธิภาพผ่าน PCmark10
ผลทดสอบความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลของ SSD
ผลทดสอบประสิทธิภาพด้วย Cinebench R23
ASUS IceCool Plus จัดการเรื่องความร้อนได้ดี
เมื่อเครื่องประสิทธิภาพแรง ก็ต้องมาพร้อมกับระบบระบายความร้อนที่ดี ด้วย ASUS IceCool Plus ใน Vivobook Pro 15 OLED จะใช้ท่อความร้อนแบบคู่ที่ได้รับการอัพเกรดขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 8 มม. และ 6 มม. พร้อมพัดลมคู่ที่ช่วยเร่งการถ่ายเทความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวพัดลมแบบ 86 ใบและใบพัดทำจากพอลิเมอร์คริสตัลเหลวแบบสายโซ่ด้านข้าง (LCP) ที่ออกแบบใบมีดโค้ง 3 มิติ ให้เวลาทำงานเงียบ ต่ำกว่า 40 เดซิเบล และประหยัดพลังงานช่วยเพิ่มกระแสลมได้ถึง 16% ด้วยการสั่นสะเทือนที่น้อยลง
แบตเตอรี่ใช้ได้ยาวนานต่อเนื่อง
ภายใน ASUS Vivobook Pro 15 OLED ให้แบตเตอรี่มาขนาดความจุ 70Wh ถือว่าค่อนข้างใหญ่สำหรับโน้ตบุ๊คไซส์นี้ ช่่วยให้การใช้งานนอกสถานที่ไม่ต้องมีความกังวลเรื่องแบตเตอรี่จะหมดระหว่างวัน สำหรับการใช้งานทั่วไปนั้นสามารถอยู่แบบเช้ายันเย็นได้หายห่วง แต่ถ้าต้องการใช้งานแบบเต็มประสิทธิภาพ ก็ต้องเสียบตัวอะแดปเตอร์เพื่อใช้กำลังไฟในการทำงานด้านกราฟฟิคและประมวลผลได้อย่างเต็มที่
ข้อดีอีกอย่างของ ASUS Vivobook Pro 15 OLED ในการชาร์จแบตเตอรี่ ถ้าคุณรู้สึกว่าไม่อยากพกอะแดปเตอร์ 150W ไปไหนมาไหนด้วย คุณสามารถหาอะแดปเตอร์ 65W ที่เป็นแบบ PD (Power Delivery) แล้วเอาไว้เสียบชาร์จผ่านพอร์ต USB-C ก็ได้ โดยความเร็วในการชาร์จก็อยู่ในระดับที่รวดเร็ว
กล้อง 1080p พร้อม webcam shield
ตัวกล้องที่ให้มา เป็นความละเอียด 1080p ที่มีความคมชัด พร้อมใส่ตัว webcam shield ที่เป็นสวิทช์ให้เลื่อนเพื่อปิดบังกล้องเอาไว้ในเวลาที่ไม่ต้องการใช้งานสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
โดยตัวระบบจะมี เทคโนโลยี ASUS 3D Noise Reduction (3DNR) และซอฟต์แวร์ Intelligent Collaboration มาช่วยในการเพิ่มความคมชัดให้กับกล้องเว็บแคม ที่จะปรับคอนทราสต์ภาพ และลด noise สัญญาณรบกวนที่เกิดขึ้นในภาพให้น้อยลง ทำให้ภาพที่ได้เวลาที่สนทนามีความสวยงามชัดเจนมากขึ้น
ระบบเสียงอัจฉริยะทั้งไมโครโฟนและลำโพง
เรื่องของเสียงก็มีเทคโนโลยีมาช่วยทั้งไมโครโฟนและลำโพง โดยตัวไมค์นั้นจะใช้ AI เพื่อช่วยในการตัดเสียงรบกวนต่างๆ โดยแยกแยกจากสภาพแวดล้อมต่างๆ อาทิ เสียงในบ้านที่อาจจะมีเสียงเด็กร้อง, สุนัขเห่า, เสียงในออฟฟิศที่มีเสียงพูดคุยหรือการทำงานรอบข้าง และเสียงในร้านกาแฟคาเฟ่ ที่จะมีเสียงคนอื่นๆ รอบตัวเรา
ระบบ AI จะวิเคราะห์เพื่อลดความดังของเสียงที่อยู่รอบข้างเราให้น้อยลง และปรับให้เสียงพูดของเรามีความชัดเจน ทำให้การประชุมออนไลน์ที่ปลายสายได้ยินเสียงของเราชัดเจนที่สุด
ระบบเสียงลำโพงให้มาอย่างดี ด้วยระบบเสียงแบบสเตอริโอที่ได้ของ Harman Kardon ให้เสียงที่ทรงพลัง สมจริงคมชัด ทั้งในการสื่อสารและความบันเทิง เพิ่มความเร้าใจสมจริงขึ้นไปอีกด้วย Dolby Atmos® เสียงแบบรอบทิศทาง และยังมี Smart Amp แบบดูอัลแชนเนลที่เพิ่มระดับเสียงและลดความผิดเพี้ยนของเสียง ด้วยการทำงานของชิป DSP ที่มีประสิทธิภาพ ให้เสียงที่ได้สามารถดังได้สุดโดยไม่เกิดความเสียหายกับตัวลำโพง ให้เสียงที่ดีที่สุดอย่างที่คุณต้องการ
เชื่อมต่อไร้สาย ASUS WiFi Master Premium
เทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายที่ให้คุณใช้งานออนไลน์ได้อย่างไม่มีสะดุด ที่รองรับมาตรฐานถึง WiFi 6E โดยผสานกับ ASUS WiFi Master Premium ซึ่งรวมถึง ASUS WiFi SmartConnect และรองรับ WiFi Stabilizer WiFi SmartConnect จะเลือกแหล่งสัญญาณ WiFi ที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ ช่วยให้ไม่ว่าคุณจะเดินไปทำงานในจุดไหนในบ้านหรือออฟฟิศ ระบบจะเลือกเชื่อมต่อจุดสัญญาณที่ดีที่สุดให้ และยังมีระบบช่วยกรองสัญญาณรบกวน ทำให้คุณทำงานได้อย่างราบรื่นตลอดเวลา
ProArt Creator Hub
ใน ASUS Vivobook Pro 15 OLED จะมีหน้าแดชบอร์ดสำหรับปรับประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง รวมถึงปรับเทียบการแสดงสีของหน้าจอ เพื่อให้คุณจูนเครื่องให้พร้อมสำหรับการทำงานใน Workflow แบบที่เราต้องการใช้งาน ที่เลือกปรับส่วนความเร็วพัดลมในการระบายความร้อน ถ้าคุณต้องการความเงียบก็อาจจะเลือกเป็นโหมด Whisper ได้ แต่ถ้าอยากอัดเต็มกำลังก็เลือก Full Speed ได้เลย
ด้วยหน้าจอของ ASUS Vivobook Pro 15 OLED มีความคมชัดและค่าสีมีขอบเขตกว้างสมจริง ใน ProArt Creator Hub จะมีให้ปรับ Calibrate ค่าสีให้มีความเที่ยงตรงตามสภาพแสงของห้องที่ทำงานอย่างที่เราต้องการได้อีกด้วย
และในส่วนของ WorkSmart ก็จะให้เราเลือกรวมกลุ่มโปรแกรมสำหรับการทำงานด้านต่างๆ เพื่อความสะดวกในการจัดหมวดหมู่การทำงานในแต่ละด้านได้อย่างเป็นระเบียบและสะดวกยิ่งขึ้น
MyASUS
แดชบอร์ดศูนย์รวมในการปรับแต่งและควบคุมตัวเครื่อง ASUS Vivobook Pro 15 OLED ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกทั้งการบำรุงรักษาระบบ, อัปเดตซอฟต์แวร์, ปรับแต่งประสิทธิภาพการทำงาน รวมไปถึงการติดต่อกับ ASUS เพื่อขอรับบริการและการสนับสนุนการขาย ในนี้จะรวมการตั้งค่าเพื่อปรับแต่งการทำงานด้านต่างๆ รวมถึงเปิดใช้งานฟีเจอร์ที่มีในตัวเครื่อง ให้คุณเข้ามาเลือกได้ในที่เดียว
สรุป รีวิว ASUS Vivobook Pro 15 OLED เหมาะสำหรับใคร
จากการทดสอบลองใช้งานเจ้า ASUS Vivobook Pro 15 OLED มาได้สักพัก โดยรวมแล้วถือว่าทำได้น่าประทับใจมากๆ สำหรับการทำงาน ด้วยขนาดของเครื่องที่หน้าจอใหญ่แต่ยังอยู่ในไซส์ที่สามารถพกพาได้คล่องตัว เหมาะสำหรับการใช้งานเป็น Work Station ต่อออกจอใหญ่หลายจอทำงานที่บ้านที่ออฟฟิศ หรือจะถอดพกใส่กระเป๋าไปนั่งทำงานนอกสถานที่หรือนัดคุยกับลูกค้าได้สบายๆ
หน้าจอ OLED ที่คุณปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันสวยและสีสันสดใส ส่วนที่เป็นสีดำคือดำสนิท ต่างจากหน้าจอ LCD ที่ยังเป็นสีเทาๆ และการให้สีที่เที่ยงตรงแม่นยำตามมาตรฐาน คนทำงานด้านออกแบบกราฟิก หรือตัดต่อวิดีโอต้องถูกใจกับสิ่งนี้อย่างแน่นอน
สเปคเครื่องเร็วแรงแบบไม่ต้องกังขาอะไร เพียงพอสำหรับการทำงานกราฟิคของเหล่าครีเอเตอร์ได้อย่างสบาย ทั้งงานแต่งภาพ ตัดคลิปวิดีโอ มีช่อง Thunderbolt4 สำหรับคนที่อยากจะต่อเสริมอย่างหน่วยความจำภายนอกเอาไว้ตัดงานจาก External SSD ก็ยังไหว รวมถึงมีพอร์ตต่อออกจอได้ทั้ง HDMI หรือจะ USB-C ก็ได้ ถูกใจสายทำงานต่อหลายจอ
ว่าไปแล้วสเปคนี้ นอกจากทำงาน จะเอาไว้เล่นเกมก็ยังเอาอยู่ เพียงพอสำหรับเกมระดับ AAA ภาพสวย เพราะตัวการ์ดจอ NVIDIA® GeForce RTX™ 3050 Ti นี่รับมือได้สบาย ตัวจอก็เป็น 120Hz ภาพไหลลื่นเนียนๆ หรือต่อออกจอ HDMI 2.1 ก็ได้ด้วย เรียกว่าตัวเดียวทั้งทำงานและบันเทิง ครบได้ในตัวเดียว
สำหรับราคานั้น ถือว่าไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ทำได้ ส่วนตัวแนะนำว่าเล่นตัวบนที่เป็น Intel®Core™ i7-12650H ตัวการ์ดจอเป็น NVIDIA® GeForce® RTX™ 3050 Ti ราคา 43,990 บาท ไปเลย ครบจบพร้อมใช้ได้กับทุกงาน แถมยังมี Windows 11 และ Office Home and Student 2021 มาให้เรียบร้อยแกะเครื่องมาพร้อมใช้ได้เลย
สำหรับผู้ที่สนใจ ASUS Vivobook Pro 15 OLED สามารถดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ www.asus.com