รีวิว OPPO Band 2 สมาร์ตแบนด์ที่มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ 1.57 นิ้ว หน้าปัดสีสันสดใส น้ำหนักเบา มีโหมดการออกกำลังกายมากกว่า 100 โหมด ติดตามการนอนหลับและวิเคราะห์ข้อมูลให้อย่างมืออาชีพ มีฟีเจอร์ช่วยดูแลสุขภาพรอบด้าน ใช้งานเชื่อมต่อร่วมกับสมาร์ตโฟน ที่สำคัญแบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุดถึง 14 วัน เปิดตัวด้วย ราคา 2,999 บาท
ข้อมูล สเปค OPPO Band 2
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.57 นิ้ว ความละเอียด 256 x 402 พิกเซล (302 PPI)
- ขนาด 45.3 x 29.1 มิลลิเมตร
- หนา 10.6 มิลลิเมตร (11.4 มิลลิเมตร เมื่อวัดรวมเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ)
- น้ำหนัก 20 กรัม (33 กรัม เมื่อรวมกับสายนาฬิกา)
- ตัวเรือนวัสดุ พลาสติก มีให้เลือก 2 สี สีฟ้า Baby Blue และ สีดำ Midnight Black
- ชิปประมวลผล Apollo 3.5
- RAM 8MB ROM 128MB
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, gyroscope, optical heart rate sensor, optical pulse oximetry sensor
- รองรับโหมดออกกำลังกายมากกว่า 100 โหมด, ตรวจจับอัตโนมัติ 4 โหมด
- แบตเตอรี่ : ประมาณ 200 mAh
- ใช้งานโหมดมาตรฐาน นานสุงสุด 14 วัน, โหมดทั่วไป 10 วัน, โหมด Intensive 5 วัน
- ชาร์จ 0-100% ภายใน 60 นาที ชาร์จ 5 นาที ใช้งานได้ 24 ชั่วโมง
- กันน้ำ มาตรฐาน 5 ATM
ในแพ็กเกจจะมีตัว OPPO Band 2, สายชาร์จ, คู่มือการใช้งานเบื้องต้น และเอกสารความปลอดภัย
สายชาร์จจะเป็นหัวแบบ USB-A โดยที่การชาร์จจะเป็นแม่เหล็กแปะติดด้านหลังเพื่อชาร์จ
การเริ่มใช้งานครั้งแรก ให้ทำการดาวน์โหลดแอป HeyTab Health ติดตั้งในสมาร์ตโฟน แล้วทำการเชื่อมต่อ หลังจากนั้นให้เช็คดูว่ามีเฟิร์มแวร์ใหม่ให้อัปเดตหรือไม่ ให้ทำการอัปเดตให้เรียบร้อย เพื่อให้ได้การใช้งานที่เสถียรที่สุด
ดีไซน์ การออกแบบ
สิ่งที่สะดุดตากับ OPPO Band 2 ก็คือหน้าจอที่มีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ตแบนด์ทั่วๆ ไป ด้วยหน้าจอ 1.57 นิ้ว ทำให้สามารถมองเห็นข้อมูลที่แสดงผลบนหน้าปัดได้ชัดเจนมากขึ้น ตัวหน้าจอมีความละเอียด 256 x 402 พิกเซล (302 PPI) อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 47% รวมถึงพื้นที่แสดงผลก็ใหญ่ขึ้นกว่า 74%
โดยตัวพาเนลเป็นแบบ AMOLED ที่มีจุดเด่นเรื่องของการให้สีสันที่สดใส และด้วยความสว่างหน้าจอที่ 500 nits ช่วยให้เวลาที่ใช้งานกลางแจ้งก็มองเห็นได้ชัดเจน
ดีไซน์ของ OPPO Band 2 จะมีให้เลือกด้วยกัน 2 สีคือ สีดำ Midnight Black ที่ตัวเรือนและสายจะเป็นสีดำแบบเรียบๆ และอีกสีที่ทางล้ำหน้าโชว์ได้มา รีวิว ก็คือ สีฟ้า Baby Blue ที่มีความเก๋ตรงสายรัดจะเป็นแบบ 2 สี คือ สีขาวกับสีฟ้า ให้ความรู้สึกสดใสและดูเก๋ไม่เหมือนใคร
ตัวสายรัดวัสดุเป็นซิลิโคน ที่มีความนุ่มสวมใส่ได้กระชับ เลือกปรับคล้องล็อคแบบสายนาฬิกาช่วยให้สวมใส่ได้สบายพอดีกับข้อมือ ไม่รู้สึกอึดอัด โดยน้ำหนักของ OPPO Band 2 รวมกับสายรัดแล้วอยู่ที่ 33 กรัม เบาในระดับที่ใส่นอนก็ไม่รู้สึกเกะกะหรือรำคาญ
การควบคุมคำสั่งต่างๆ จะใช้เป็นแบบทัชสกรีนที่หน้าจอทั้งหมด ไม่มีปุ่มใดๆ ที่ด้านข้าง ส่วนที่ด้านหลังจะมีเซ็นเซอร์แบบแสง สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (HR) และวัดค่าออกซิเจนในเลือด (SpO2)
การใช้งานด้านการออกกำลังกาย
OPPO Band 2 มีการพัฒนาเพิ่มฟีเจอร์ในเรื่องของการออกกำลังกายมากขึ้นกว่าเดิม โดยที่เราสามารถเลือกบันทึกกิจกรรมการเล่นกีฬารวมถึงการออกกำลังกายได้ถึง 100 โหมดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง, เดิน, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, เล่นฟิตเนส ฯลฯ
และฉลาดยิ่งกว่าด้วยการตรวจจับการเคลื่อนไหวและทำการเริ่มบันทึกกิจกรรมให้อัตโนมัติ ใน 4 โหมดด้วยกันคือ การเดิน, วิ่ง, ออกกำลังกายด้วยเครื่อง Elliptical machine และ Rowing machine เราได้ทดสอบลองใช้คือ เดินต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณ 10-15 นาที ก็จะมีการแจ้งเตือนมาที่ข้อมือของเราเลยว่า คุณกำลังเดินอยู่ใช่มั้ย จะทำการบันทึกข้อมูลกิจกรรมหรือเปล่า เราแค่กดตอบรับ ก็จะบันทึกการเดินให้เราทันที
สำหรับโหมดกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องมีการบันทึกเส้นทาง อย่างการเดิน, วิ่ง, ปั่นจักรยาน ด้วยความที่ตัว OPPO Band 2 นั้นไม่มี GPS ในตัว เราจะต้องพกสมาร์ตโฟนเอาไว้ด้วย เพื่อใช้ GPS ของตัวโทรศัพท์ในการเก็บข้อมูลพิกัดแทน
ในส่วนของการวิ่ง มีการเพิ่มฟีเจอร์และการวิเคราะห์ขั้นสูงมาให้ด้วย
- มีการตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างวิ่ง โดยเราตั้งค่าให้เตือนได้ว่าวิ่งหนักจนหัวใจทำงานหนักจนมีอัตราการเต้นสูงเกินไปได้ เพื่อเซฟร่างกายไม่ให้ออกกำลังกายจนเกินรับได้
- ให้การประเมิน CRF เพื่อพัฒนาการวิ่งของเราได้ โดยจะเก็บข้อมูลจากการวิ่งต่อเนื่องหลายๆ ครั้ง มาคำนวนเป็นค่า VO2 max
- คำนวนความเข้มข้นของการออกกำลังกาย โดยเราจะวัดค่าอัตราการฟื้นฟู (Recovery) ในช่วง 3 นาทีหลังจบการวิ่ง เพื่อประเมินได้ว่าร่างกายของเราเหนื่อยล้ามากแค่ไหน และต้องใช้เวลาในการพักเพื่อฟื้นฟูก่อนจะเริ่มการออกกำลังกายครั้งต่อไปเมื่อไร
- มีคอร์สการวิ่งที่ออกแบบโดยนักวิ่งอาชีพให้เลือกถึง 13 คอร์ส ที่จะจัดตารางและรูปแบบการวิ่งตามอัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อให้เราสามารถพัฒนาประสิทธิภาพการวิ่งได้อย่างที่ต้องการ
นอกจากนี้ OPPO Band 2 ยังมีโหมดใหม่สำหรับกีฬาเทนนิส ที่จะมีการบันทึกข้อมูลที่ละเอียดมากขึ้น ตั้งแต่ Stroke, การแกว่งแร็กเกต, ระยะเวลาในการเล่น, อัตราการเต้นของหัวใจ และการเผาผลาญแคลอรี่ ทำให้คุณรู้และเข้าใจทักษะการเล่นเทนนิสของตัวเองมากขึ้น
ติดตามสุขภาพตลอดทั้งวัน
OPPO Band 2 มีฟีเจอร์ในการเก็บข้อมูลแพร้อมกับอัลกอริธึมในการวิเคราะห์ด้านสุขภาพในหลากหลายมิติ เพื่อนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับร่างกายของผู้สวมใส่ เพื่อให้รู้วิธีในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนำไปสู่การสร้างสุขภาพที่ดีขึ้นได้
การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ รองรับการตรวจวัดแบบตลอดทั้งวัน 24 ชั่วโมง, วัดอัตราการเต้นของหัวใจขณะพัก (RHR – Rest Heart Rate) และติดตามการเต้นของหัวใจระหว่างการออกกำลังกาย ซึ่งเราเลือกปรับตั้งค่าได้ว่าจะตรวจวัดทุก 6 นาที, 2 นาที หรือตลอดเวลา ระหว่างนอน ก็มีการวัดค่าออกซิเจนในเลือด (SpO2) อย่างต่อเนื่อง ทุก 1 วินาทีขณะที่คุณหลับ รวมถึงการวัดตลอดทั้งวันด้วยเช่นกัน
มีการตรวจวัดความเครียดแบบเรียลไทม์ พร้อมคำแนะนำสำหรับการฝึกหายใจที่เหมาะสม เหมือนเป็นการให้คุณได้ฝึกทำสมาธิ กำหนดลมหายใจเข้าออก เพื่อลดควาเครียดสะสมในแต่ละวัน เป็นการช่วยผ่อนคลาย
อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในการดูแลสุขภาพ ก็คือการดื่มน้ำ OPPO Band 2 มีการแจ้งเตือนให้ดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งวัน ตามเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้ รวมถึงยังมีการแจ้งเตือนให้เราลุกขึ้นยืนเพื่อผ่อนคลายเมื่อพบว่าเรามีการนั่งนิ่งๆ เป็นเวลานาน เพื่อช่วยป้องกันการเกิดอาการปวดหลัง คอ บ่า ไหล่ อันเป็นสาเหตุของออฟฟิศซินโดรม
ปรับพฤติกรรมการนอนให้พักผ่อนได้เต็มที่
OPPO Band 2 มีฟีเจอร์ที่เข้ามาช่วยดูแลการนอนหลับขั้นสูงแบบครบวงจร ด้วยระบบ OSleep ที่จะเริ่มตั้งแต่การสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการนอนหลับที่สบายก่อนจะเข้านอน โดยจะมีการแจ้งเตือนว่าถึงเวลาที่เราต้องเข้านอนแล้ว (ตามที่เราตั้งค่าไว้) จากนั้นตัว OPPO Band 2 จะปรับการทำงานเข้าสู่ Sleep Mode รวมถึงสมาร์ทโฟนเครื่องที่เชื่อมต่อก็จะเปิดเป็นโหมดห้ามรบกวนและโหมดป้องกันดวงตาให้ทันที
สำหรับคนที่ชอบเปิดเพลงฟังเพื่อสร้างบรรยากาศก่อนนอน OPPO Band 2 จะทำการหยุดเพลงให้อัตโนมัติหลังจากที่คุณหลับเรียบร้อย เพื่อสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบ
และเมื่อคุณหลับอยู่ OPPO Band 2 จะตรวจสอบการนอนหลับของคุณ ที่เลือกความละเอียดของการนอนได้ถึง 4 ระดับ คือ การตื่นนอน, การนอนหลับลึก, การนอนหลับตื้น และการนอนช่วงหลับฝัน (REM) โดยจะนำมาแสดงผลเป็นระยะเวลาที่เราได้นอนหลับพักผ่อนจริง
โดยการวิเคราะห์จะมีวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) ระหว่างการนอนแบบเรียลไทม์ เพื่อนำมาวิเคราะห์และวัดค่าให้คะแนนการนอนของเราได้อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ OPPO Band 2 ยังมีเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ คือ การประเมินความเสี่ยงจากการนอนกรน โดยจะต้องวางสมาร์ทโฟนของคุณไว้ใกล้ๆ หมอน เพื่อตรวจจับว่าระหว่างที่นอนหลับคุณมีการนอนกรนหรือไม่ โดยจะบันทึกเสียงการกรนเอาไว้ และนำมาวิเคราะห์ในด้านปัญหาการหายใจระหว่างที่หลับได้
ทั้งหมดนี้ เมื่อคุณตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้า สามารถเข้าไปในแอป HeyTap Health เพื่อดูการรายงานสรุปด้านการนอนของคุณได้ รวมถึงดูย้อนหลังเพื่อประเมินได้ว่าคุณนอนหลับพักผ่อนได้ดีแค่ไหน
ฟีเจอร์ใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟน
OPPO Band 2 ทำงานเชื่อมต่อการสมาร์ทโฟนของคุณ โดยจะมีการซิงค์สถานะการทำงานร่วมกับโทรศัพท์ให้อัตโนมัติ โดยคุณไม่ต้องไปตั้งค่าเอง ในโหมดห้ามรบกวน (DND) พอคุณเลือกแล้วทั้งตัว OPPO Band 2 และสมาร์ทโฟนจะปรับเข้าโหมดนี้ให้พร้อมกันทันที
การใช้งานทั่วไปสามารถกดรับหรือวางสายเข้าจากตัว OPPO Band 2 และมีการแสดงข้อความ SMS รวมถึงการแจ้งเตือนจากแอปต่างๆ ที่เราเลือกไว้ มาแสดงที่หน้าปัดของ OPPO Band 2 เพื่อใ้ห้เราสะดวกไม่ต้องหยิบเปิดสมาร์ทโฟนในช่วงเวลาที่อาจจะไม่สะดวก
มีการแสดงข้อมูลสภาพอากาศปัจจุบัน พร้อมพยากรณ์อากาศล่วงหน้า 6 วันที่สามารถเปิดดูบน OPPO Band 2 ได้ทันที รวมถึงยังมีฟีเจอร์ความสะดวกอีกมากมายให้ใช้งาน ทั้งการควบคุมการเล่นเพลงบนสมาร์ทโฟน, นาฬิกาจับเวลา, ค้นหาสมาร์ทโฟน, นาฬิกาปลุก, ตัวจับเวลา, ไฟฉาย ฯลฯ
ในส่วนของตัวหน้าปัด เราสามารถเลือกปรับเปลี่ยนในแบบและสไตล์ของเราได้มากมาย โดยเข้าไปเลือกตั้งค่าได้ในแอป HeyTap Health
สรุป รีวิว OPPO Band 2 เหมาะสำหรับใคร? น่าใช้แค่ไหน?
หลังจากลองทดสอบใช้งาน OPPO Band 2 แล้ว ถือว่าน่าประทับใจ ตั้งแต่ตัวหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ ทำให้สามารถมองเห็นข้อมูลบนหน้าปัดได้อย่างชัดเจนมากขึ้น รวมถึงการแจ้งเตือนก็สามารถมองเห็นได้หลายบรรทัด และน้ำหนักที่เบาทำให้สวมใส่ทั้งวันได้โดยไม่รู้สึกรำคาญ สวมใส่ขณะที่นอนก็ไม่รู้สึกอึดอัด
การใช้งานแบตเตอรี่ ถือว่าทำได้ดีมาก เราสามารถใช้งานในการชาร์จเต็มครั้งเดียวได้นานสูงสุดถึง 14 วัน ซึ่งมากน้อยจะเปลี่ยนไปตามการตั้งค่าการติดตามของเซ็นเซอร์ต่างๆ อย่างเช่นเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอดทั้งวัน, การวัดค่า SpO2 ระหว่างนอน รวมถึงการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน ถ้าเลือกเปิดหมดทุกอย่าง จากการที่ทดสอบใช้ แบตเตอรี่จะอยู่ได้ที่ประมาณ 5-7 วัน ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ
สำหรับการชาร์จก็ทำได้ดีด้วยเช่นกัน เพราะว่าสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-100% ได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง และถ้าต้องเร่งด่วน สามารถชาร์จเพียงแค่ 5 นาที ก็จะได้แบตเตอรี่สำหรับใช้งานได้ตลอดทั้งวัน
ฟีเจอร์ในการนอนทำได้ละเอียดมากขึ้น เหมาะสำหรับใครที่ต้องการรู้ข้อมูลและอยากปรับพฤติกรรมการนอนอย่างจริงจัง เพราะบางครั้งการนอนจริงๆ แม้ว่าชั่วโมงจะมากแต่อาจจะไม่ได้หลับอย่างมีคุณภาพ ก็ทำให้คุณพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่ายกายอ่อนเพลียสะสม และมีผลกระทบไปยังสุขภาพด้านอื่นได้
การออกกำลังกาย เหมาะสำหรับคนที่ชอบกิจกรรมฟิตเนส เล่นเครื่องออกกำลังกาย และคนที่เริ่มปรับพฤติกรรมให้ออกกำลังกายมากขึ้น โดยการออกกำลังกายกลางแจ้งนั้นจะต้องใช้ GPS ของสมาร์ทโฟนในการระบุพิกัด โดยรวมแล้วสำหรับคนที่ออกกำลังกายระยะเริ่มต้นนั้นถือว่าเพียงพอแล้ว และยังมีการบันทึกกิจกรรมให้อัตโนมัติถือว่าสะดวกดีมาก
OPPO Band 2 เปิดตัวด้วย ราคา 2,999 บาท ถือว่าเป็นราคาที่เข้าถึงได้ง่าย และคุ้มค่าสำหรับสมาร์ตแบนด์ที่มีฟีเจอร์ให้ครบครัน แบตเตอรี่อยู่ได้นานๆ ไม่ต้องห่วงว่าต้องชาร์จกันบ่อยๆ แถมดีไซน์ยังเพรียวบาง สวมใส่สบาย ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับ คนที่สนใจหันมาดูแลสุขภาพของตัวเองครับ
สามารถหาซื้อ OPPO Band 2 ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3TDiRQQ