Pomelo เผยเทรนด์ลูกค้านิยมชอป “ออฟไลน์” มุ่งสนับสนุน แบรนด์ไทย ให้เติบโตอย่างยั่งยืน

Pomelo เปิดเผยเทรนด์ของลูกค้าที่ให้ความนิยมในการชอป “ออฟไลน์” มากขึ้น พร้อมสนับสนุน แบรนด์ไทย ให้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนหลังโควิดแพร่ระบาด

Pomelo แพลตฟอร์มแฟชั่น Omnichanel ชั้นนําของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งมอบมากกว่าสไตล์และแฟชั่นล่าสุดแก่ลูกค้าในภูมิภาค ผ่านการตอบรับเทรนด์สำคัญในทุกหน่วยธุรกิจ ตั้งแต่การกลับมาของการชอป ออฟไลน์ ไปจนถึงการสนับสนุน แบรนด์ไทย ในอุตสาหกรรมแฟชั่น โดย Pomelo ได้นำเทรนด์หลังยุคโควิดเหล่านี้มาปรับใช้ในกลยุทธ์ทั้งสำหรับธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้า ธุรกิจแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแหล่งรวมแบรนด์ไลฟ์สไตล์ และ ธุรกิจ Prism แบรนด์โซลูชัน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

ธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้า: มุ่งสู่ความยั่งยืนและยกระดับ Omnichannel

Pomelo มุ่งเน้นทิศทางสินค้าของแบรนด์ให้ตอบรับกับไลฟ์สไตล์หลังโควิด โดยแบรนด์ได้มองเห็นการเติบโตของกลุ่มสินค้าหมวด workwear ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าภายในหนึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการเปิดประเทศบวกกับนโยบายการกลับมาทำงานที่ออฟฟิศทั่วทั้งภูมิภาค เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปนี้ Pomelo จึงมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าหมวด workwear ที่ยังคงไว้ซึ่งสไตล์แบบ #PomeloGirls นอกจากนี้ Pomelo ได้เล็งเห็นว่าโควิด-19 ได้สร้างความตระหนักรู้ในเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนที่เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มลูกค้า โดยสินค้าที่ทำจากวัสดุรักษ์โลกและผ่านกระบวนการเป็นมิตรต่อโลกนั้นคิดเป็นสัดส่วน 5.6% ของสินค้าทั้งหมดที่ลูกค้าเข้าชมผ่านช่องทางออนไลน์ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เปรียบเทียบกับสัดส่วนเพียง 0.8% ในเดือนตุลาคม ปี 2563 ซึ่งเทรนด์นี้ยังสอดคล้องกับเป้าหมายของ Pomelo ที่มุ่งเพิ่มกลุ่มสินค้าที่สนับสนุนความยั่งยืนเป็นสัดส่วน 40% ของสินค้าทั้งหมดของแบรนด์

“ในขณะที่ E-Commerce เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงวิกฤตโรคระบาด ภายหลังโควิดเรากลับเห็นความเปลี่ยนแปลงของลูกค้าในกลุ่ม Gen Z (อายุ 19-24 ปี) ที่กลับมาชอปปิงที่หน้าร้านมากขึ้น”

เดวิด โจว CEO และ Co-Founder จาก Pomelo Fashion

เดวิด โจว CEO และ Co-Founder จาก Pomelo Fashion กล่าว “โดยปัจจุบัน 78% ของลูกค้า Gen Z ของแบรนด์ Pomelo กำลังชอปปิงผ่านช่องทางออฟไลน์ที่ตอบโจทย์ประสบการณ์การสัมผัสและทดลองสวมใส่สินค้า นอกจากนี้เรายังเห็นการเติบโตของรายได้หน้าร้านที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา”

โดย Pomelo เชื่อว่าโมเดลแบบมีหน้าร้าน หรือ brick-and-mortar จะต้องพัฒนาและปรับตัว แต่จะไม่สูญหายไปและยังคงมีความสำคัญต่อวงการค้าปลีก ทำให้ Pomelo มุ่งพัฒนาประสบการณ์แบบ omnichannel ให้แก่ลูกค้าผ่านบริการเหนือระดับอย่าง Tap.Try.Buy ที่เชื่อมต่อโลกออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ

ธุรกิจแพลตฟอร์ม: หนุนคอมมิวนิตี เติบโตคู่แบรนด์ไทย

ตั้งแต่ปี 2019 Pomelo ได้เติบโตสู่การเป็นไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์มที่คัดสรรแบรนด์กว่า 700 แบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ รวมไปถึงของตกแต่งบ้าน เพื่อเป้าหมายในการเป็นแพลตฟอร์มแฟชั่นอันดับ #1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในช่วงปีที่ผ่านมาที่ธุรกิจทั่วภูมิภาคได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาดทำให้ Pomelo เล็งเห็นความสำคัญในการสร้างโอกาสให้แบรนด์ในภูมิภาคผ่านการช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงและค้นพบแบรนด์ต่าง ๆ ได้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น โดยปัจจุบัน 75% ของแบรนด์ในแพลตฟอร์ม Pomelo เป็นแบรนด์ไทย อาทิ Merge, Two Twice หรือ Vinn Patararin ซึ่งได้เข้าร่วมบนแพลตฟอร์มในปี 2022 นี้ นอกจากนี้ Pomelo ยังหนุนแบรนด์ไทยต่าง ๆ ผ่านแคมเปญทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็น Rising Star Week หรือ Brand Fest และในปีหน้า Pomelo มีแผนที่จะสานต่อความมุ่งมั่นในการสนับสนุนคอมมิวนิตีผ่านโครงการพัฒนานักศึกษาจบใหม่สู่การเป็นดีไซเนอร์หน้าใหม่

ธุรกิจ Prism แบรนด์โซลูชัน: เสริมความแข็งแกร่งสู่อุตสาหกรรมแฟชั่น

Pomelo-ชอป-ออฟไลน์-แบรนด์ไทย

วิกฤตโรคระบาดได้ทำให้ธุรกิจและคอมมิวนิตีได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น อีกทั้งยังเผยให้เห็นถึงความสำคัญของระบบนิเวศอุตสาหกรรมแฟชั่นที่มีการร่วมมือกันระหว่างพันธมิตรทางกลยุทธ์ ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นขนาดเล็กได้เติบโตและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ในขณะที่ลูกค้าเองก็จะได้เข้าถึงสินค้าและบริการที่มีคุณภาพมากขึ้น

ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา Prism ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจใหม่ของ Pomelo ได้ช่วยหนุนพันธมิตรในอุตสาหกรรมแฟชั่นผ่านการโซลูชันที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น online marketing, performance marketing, creative studio service, social media marketing และ influencer marketing นอกจากนี้ เพื่อเป็นการตอบรับต่อเทรนด์การกลับมาของการชอปปิงออฟไลน์ Prism ได้จัดตั้งโปรแกรม ‘Site to Store’ เพื่อมอบโอกาสให้อินสตาแกรมแบรนด์อย่าง Stylist Shop, Crayon, Merge, Valichian, Mynte, และ Tallulah ได้มีพื้นที่ออฟไลน์ในหน้าร้านของ Pomelo และได้เติบโตผ่านการตลาดแบบ omnichannel ที่แข็งแรงในโลกหลังโควิด

ทาสกระต่าย Always and Forever