ในที่สุด vivo ได้ เปิดตัว vivo X90 Pro+ อย่างเป็นทางการแล้ว โดยบริษัทมั่นใจอย่างสูงมากที่กล้าเรียกกล้องของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ว่า “ราชาแห่งเซ็นเซอร์หนึ่งนิ้ว (King of One Inch sensors)”
สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ไม่ใช่เครื่องแรกที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ IMX989 ของ Sony แต่ทาง vivo ได้มีการปรังปรุงหลายจุดทำให้โทรศัพท์รุ่นนี้มีความพิเศษและน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ไหนๆ ก็พูดเรื่องเซ็นเซอร์กล้องแล้ว ก็เริ่มจากเลนส์กล้องกันก่อนเลย เลนส์ของมือถือรุ่นนี้โดดเด่นด้วยชิ้นกระจกคุณภาพสูงที่มีค่า Abbe number 81.6 (ตัวเลขยิ่งมากขึ้น หมายถึง การกระจายแสงที่น้อยลง พลาสติกมีตัวเลขที่ต่ำสุดที่ 30)
นอกจากนี้ยังเคลือบด้วย Zeiss T* formulation ที่ช่วยลดแกลร์และโกสท์ เลนส์มีรูรับแสงค่อนข้างกล้างที่ f/1.75 (Xiaomi บ้างรุ่นมีเลนส์ f/1.9) ช่วยให้เปิดรับแสงได้มากยิ่งขึ้น
เซ็นเซอร์ที่ใช้เป็นตัว Sony IMX989 ขนาด 1 นิ้ว กล้องมีพื้นที่ไวแสงเพิ่มขึ้น 77% เมื่อเทียบกับรุ่น X80 Pro เซ็นเซอร์ขนาด 1.6µm แต่ละตัวสามารถรวมกันเป็นกลุ่มสี่ตัวเพื่อให้ได้ขนาดพิกเซลที่ใช้งานจริง 3.2µm
มือถือ vivo X90 Pro+ ยังมาพร้อมเลนส์เทเลโฟโต้ 2 ตัว ที่น่าสนใจคือ ทั้ง 2 ตัวเป็นเลนส์ periscope 90 มิลลิเมตรพร้อมเซ็นเซอร์ 64 ล้านพิกเซล ซูมออปติคัลได้ 3.5 เท่าและซูมดิจิทัลสูงสุด 100 เท่า
นอกจากนี้ยังมาพร้อมเลนส์ portrait 50 มิลลิเมตร ตัว IMX758 f/1.6 ฟิกส์โฟกัส เซ็นเซอร์ 50 ล้านพิกเซล
กล้องทั้ง 3 ตัวที่กล่าวมานั้นมีระบบกันสั่น OIS ทั้งหมด
ส่วนเลนส์ ultrawide นั้นได้รับการปรับสำหรับ low distortion เก็บภาพได้มุมกว้าง 114 องศา เซ็นเซอร์ 48 ล้านพิกเซล ตัว IMX598
กล้องหลังมาพร้อมระบบออโต้โฟกัสที่ได้รับความช่วยเหลือจากระบบ time-of-flight laser system และกล้องหน้า 32 ล้านพิเซล f/2.45
เรื่องบันทึกวิดีโอนั้น รองรับการบันทึกวิดีโอ 8K ที่ 30fps และหากต้องการคุณภาพก็มีโหมดวิดีโอ RAW 14 บิต สามารถปรับเทียบสีกล้องด้วยเกรย์การ์ดทั่วไป และเลือกระหว่างโหมด Zeiss Natural Color 2.0 หรือ vivo Vivid Color รองรับ Dolby Vision และ LOG ผู้ใช้ยังสามารถจับภาพนิ่งได้ที่ 10fps ขณะบันทึกวิดีโอ
ภาพทั้ง 3 นี้แสดงโหมดพิเศษที่พัฒนาร่วมกับ Zeiss โดยแบ่งออกเป็น Zeiss Landscape , Zeiss Architecture และ Zeiss miniature bokeh
บริษัทไม่ต้องการให้รู้สึกว่ามีแค่กล้องเท่านั้นที่พิเศษ สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีอะไรที่น่าสนใจมากกว่านั้น มันขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 2 ตัวล่าสุด มาพร้อม RAM 12GB และที่เก็บข้อมูล UFS 4.0 ใหม่ขนาด 256GB และ 512GB
ชิปเซ็ตตัวนี้เชื่อมต่อกับ Vapor Chamber ขนาด 8,900 ตารางเมตร เพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานนั้นเสถียร
บริษัทได้เพิ่ม vivo V2 ISP ใหม่เพื่อจัดการกับการประมวลผลภาพ ชิปมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยให้ 16TOPS ต่อวัตต์ มาพร้อมกับ SRAM บนชิป 45MB เป็นการผสมผสานกันระหว่างแนวทางของ ISP และ AI เข้าด้วยกัน พร้อมจัดการเรื่องลดสัญญาณรบกวน , HDR , MEMC และอื่นๆ
มาต่อกันที่หน้าจอแสดงผล vivo X90 Pro+ มีหน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1,440×3,200px อัตราส่วน 20:9 เป็นหน้าจอแบบ AMOLED LTPO 4 (Samsung E6) ที่มีสี 10 บิต ค่า refresh rate 120Hz
จอแสดงผลใช้ระบบ PWM ความถี่สูง 1,440Hz เข้ามาช่วยในเรื่องของการหรี่แสง ให้ความสว่างสูงสุด 1,800 นิต จอแสดงผลโค้งสองเท่าได้รับการปรับเทียบมาจากโรงงานและรองรับ Dolby Vision
ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ China Red กับ Original Black โดยทั้งคู่มีการใช้วัสดุหนังเทียมส่วนหลังเครื่อง ได้รับมาตรฐาน IP68 สำหรับกันน้ำและกันฝุ่น
ตัวเครื่องมีความหนา 9.7 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 221 กรัม (เบากว่ามือถือของ Xiaomi และ iPhone 14 Pro Max)
ตัวเครื่องมี 2 สี ได้แก่ China Red และ Original Black ซึ่งทั้งคู่มีพื้นผิวเป็นหนังเทียม
ได้รับการจัดอันดับ IP68 สำหรับการกันฝุ่นและน้ำ ดังนั้นจึงไม่เกรงกลัวต่อองค์ประกอบต่างๆ มีขนาดค่อนข้างหนา โดยมีความหนา 9.7 มม. และน้ำหนัก 221 ก. (ซึ่งยังเบากว่า Xiaomi และ iPhone 14 Pro Max)
ภายในมาพร้อมกับแบตเตอรี่ 4,700mAh แบ่งออกเป็น 2 เซลล์เพื่อให้การชาร์จที่รวดเร็วขึ้น รองรับการชาร์จแบบมีสายที่ 80W และแบบไร้สาย 50W ชาร์จเต็มแบบมีสายได้ในเวลา 33 นาที
สเปคอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่น้อย โทรศัพท์มาพร้อมลำโพงสเตอริโอแต่ก็มีตัวเลือกไร้สายด้วย เมื่อจับคู่กับ vivo TWS 3 Pro จะให้คุณภาพเสียงระดับ lossless มีความหน่วงต่ำ รองรับ Bluetooth เวอร์ชัน 5.3 พร้อมกับ aptX HD และ LDAC
การเชื่อมต่อแบบใช้สายนั้น ตัวเครื่องรองรับ USB-C รองรับความเร็วระดับ USB 3.2 Gen 1 อีกทั้งยังรองรับการต่อวิดีโอออกด้วย
สมาร์ทโฟน vivo X90 Pro+ กำลังจะเปิดตัวในจีนโดยมาพร้อมกับ OriginOS 3 จะเปิดให้พรีออเดอร์วันที่ 28 พฤศจิกายน และวางจำหน่ายจริงในวันที่ 6 ธันวาคม ตอนนี้มีเพียงแผนการวางจำหน่ายเฉพาะในจีนเท่านั้น บริษัทยังไม่เปิดเผยแผนการวางจำหน่ายทั่วโลก
ราคาขายของมันเริ่มต้นที่ 6,499 หยวน หรือประมาณ 32,900 บาทสำหรับรุ่น 12/256GB และรุ่น 12/512GB จะมีราคาสูงขึ้นมาหน่อยที่ 6,999 หยวน หรือประมาณ 35,500 บาท
ที่มา : GSMARENA