รีวิว Roborock G10

รีวิว Roborock G10 หุ่นยนต์ดูดฝุ่น+ถูพื้น สะดวก ง่าย สบายยิ่งกว่า ซักผ้าถูได้เอง

รีวิว Roborock G10 หุ่นยนต์ดูดฝุ่น พร้อมถูพื้น ระบบอัจฉริยะครบครัน ที่สามารถสร้างแผนที่ห้องต่างๆ ภายในบ้านและจัดการทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึงทุกจุด มี LiDAR Sensor ในการตรวจจับสิ่งของและสิ่งกีดขวางระหว่างการทำงาน อีกทั้งดูแลรักษาง่ายดายยิ่งกว่า ด้วย แท่นชาร์จอัจฉริยะ Roborock Auto Wash Fill Dock ฐานที่ช่วยซักผ้าถูและเติมน้ำให้อัตโนมัติหลังการทำความสะอาด มาพร้อมการรับประกันสูงสุดถึง 3 ปี ใน ราคา ที่คุ้มกับประสิทธิภาพ

ก่อนหน้านี้ ทางล้ำหน้าโชว์เราเคยได้รีวิวตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roborock S7 ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ชาญฉลาด ในการดูดฝุ่นทำความสะอาดพร้อมกับถูพื้น โดยทำงานร่วมกับ Roborock Auto-Empty Dock แท่นชาร์จที่เป็นถังดูดฝุ่นจากตัวหุ่นยนต์ออกมาเพื่อให้นำไปทิ้งได้สะดวกมากขึ้น

สำหรับ Roborock G10 ถือว่าเป็นการพัฒนาให้การทำงานจัดการเก็บกวาดมีความสะดวกมาขึ้นไปอีก ด้วยการตั้งแผนที่ในบ้านได้ถึง 4 แผนที่ และยังสามารถรับรู้แผนที่กับตำแหน่งของแผนที่นั้นได้เอง ทำงานร่วมกับ Roborock Auto Wash Fill Dock แท่นชาร์จที่ช่วยจัดการเติมน้ำและซักผ้าม็อบถูให้อัตโนมัติ ที่มาในชุดให้ครบไม่ต้องซื้อเพิ่ม

ก่อนจะเริ่มการ รีวิว เรามาดูกันในส่วนของสเปกของ Roborock G10 กันก่อน

ข้อมูล สเปคเบื้องต้นของ Roborock G10

  • ขนาด (ตัวหุ่นยนต์) : กว้าง 35.30 x ยาว 35.00 x สูง 9.65 เซนติเมตร
  • ขนาด (แท่นชาร์จ) : กว้าง 44.12 x ยาว 48.70 x สูง 39.10 เซนติเมตร
  • น้ำหนัก (ตัวหุ่นยนต์) : 4.7 กิโลกรัม
  • น้ำหนัก (แท่นชาร์จ) : 7.5 กิโลกรัม
  • ความจุกล่องเก็บฝุ่น : 470 มล.
  • ความจุถังน้ำ (ตัวหุ่นยนต์) : 200 มล.
  • ความจุถังน้ำสะอาด (แท่นชาร์จ) : 2,900 มล.
  • ความจุถังน้ำสกปรก (แท่นชาร์จ) : 2,500 มล.
  • ระบบนำทางอัจฉริยะ และสร้างแผนที่ 2D/3D/Matrix ด้วยเทคโนโลยี PreciSense™ LiDAR Sensor
  • สามารถทำงานหลบสิ่งกีดขวางต่างๆ ได้ทั้งในเวลากลางวัน, กลางคืน และที่มืดสนิท
  • แรงดูด 2,500 Pa HyperForce™ Stormer
  • ระบบการถูพื้น ด้วยเทคโนโลยี Sonic Mopping ขจัดคราบบนพื้นด้วยการขัดถู 3,000 ครั้ง/นาที
  • มีระบบยกม็อบถูพื้นขึ้น/ลงอัตโนมัติ ในพื้นที่ๆ ไม่ต้องการให้ถู
  • แท่นชาร์จ Roborock Auto Wash Fill Dock ช่วยเติมน้ำและซักทำความสะอาดผ้าม็อบถูพื้นให้อัตโนมัติ
  • แบตเตอรี่: 14.4V/5,200mAh ใช้เวลาชาร์จ 0-100% น้อยกว่า 4 ชั่วโมง
  • มีเซ็นเซอร์ 6 ตัวป้องกันการชน การหล่น และปีนป่าย
  • เซ็นเซอร์ตรวจเช็คพื้นพรมหรือประเภทพื้นผิว: เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก (Ultrasonic Sensor)
  • เสียงระหว่างการทำงาน 67dB (ในโหมดสมดุลหรือ Balanced Mode)
  • ฟิลเตอร์กรองฝุ่น ระดับ HEPA E11 แบบล้างน้ำเพื่อนำมาใช้งานต่อได้
  • เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi 2.4 GHz ทำงานร่วมกับแอป Roborock รองรับใน iOS และ Android

ตัวแพ็กเกจของ Roborock G10 มาในขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ และหนัก (14.2 กิโลกรัม) เพราะว่าในชุดมีมาให้ทั้งตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น และ แท่นชาร์จ โดยจะมีตัวสายไฟ และคู่มือการใช้งานเบื้องต้นมาให้เรียบร้อย

หน้าตาของเจ้า Roborock G10 รูปทรงจะเป็นวงกลม ขนาด 353 x 350 มิลลิเมตร และสูง 96.5 มิลลิเมตร น้ำหนักมากพอสมควรที่ 4.7 กิโลกรัม ตัวเครื่องเป็นสีขาวผิวมันวาว ตัดกับสีดำทำให้ดูเรียบง่ายมินิมอล เข้ากับห้องต่างๆ ภายในบ้านได้ดี

รอบๆ ตัวเครื่องจะมีเซ็นเซอร์อัจฉริยะใส่มาให้หลายตัว เริ่มด้วย LiDAR Sensor ที่ใช้ทำหน้าที่วัดระยะรอบห้องเพื่อใช้ในการสร้างแผนที่ในการทำความสะอาดแบบ 3D ที่แม้ว่าจะอยู่ในห้องที่ปิดไฟมืดก็ยังทำงานได้ และยังมีเซ็นเซอร์ Ultrasonic ใช้ตรวจเช็คประเภทของพื้นผิวที่วิ่งผ่าน เพื่อที่จะปรับระดับความเร็วในการดูดและแรงกดในการถูพื้นให้อัตโนมัติ พร้อมทั้งยังมีเซ็นเซอร์ป้องกันการชนรอบตัว และ Cliff Sensor ที่ช่วยป้องกันการวิ่งตกจากพื้นที่สูงได้

บนตัวเครื่องจะมีปุ่มคำสั่ง 3 ปุ่มด้วยกัน คือปุ่มสั่งให้ทำงานเฉพาะจุด, ปุ่ม Power และปุ่มสั่งกลับไปที่ฐาน

ภายในเปิดฝาเครื่องออกมา จะเห็นตัวถังสำหรับเก็บฝุ่น ที่สามารถถอดออกมาเอาฝุ่นไปเททิ้งได้ง่าย รวมทั้งในถังจะมีฟิลเตอร์ HEPA สำหรับกรองไม่ให้ฝุ่นที่ดูดเข้ามาฟุ้งกระจาย ตัวกล่องและฟิลเตอร์สามารถแกะออกไปล้างน้ำเพื่อทำความสะอาดได้

ด้านหน้าของตัวเครื่อง จะมีถังใส่น้ำสำหรับใช้ในการถูพื้น ที่ถอดออกจากตัวเครื่องได้

ด้านล่างตัวเครื่อง จุดเด่นสำหรับหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roborock G10 ก็คือระบบการดูดฝุ่นที่ออกแบบมาดีมากๆ เริ่มตั้งแต่ตัวแปรงปัดฝุ่นที่มุมของเครื่อง ที่จะช่วยปัดฝุ่น เศษสิ่งของ ฯลฯ ที่อยู่ตามซอกมุมให้เข้ามาที่ตรงกลางเครื่อง

ตัวล้อนั้นจะเห็นเลยว่ามีขนาดที่ใหญ่มาก มีความสามารถในการวิ่งแล้วยกข้ามสิ่งกีดขวางอย่างสายไฟหรือวิ่งขึ้นพรมได้สบายๆ

ในส่วนของแปรงปัดหลักที่ออกแบบเป็นเกลียว ช่วยไม่ให้สิ่งสกปรกอย่างเส้นผมหรือขนสัตว์พันติดระหว่างที่ทำความสะอาด

อีกด้านจะเป็นตัวของผ้าถูพื้นที่เราสามารถถอดออกเพื่อไปทำความสะอาดได้ แต่สำหรับ Roborock G10 ที่มีระบบซักผ้าถูให้อัตโนมัติ ก็ช่วยให้เราไม่ต้องยุ่งยากเอาไปซักเองอีกต่อไป จะมีต้องถอดบ้างก็แค่เวลาที่เจอกับคราบหนักๆ หรือว่าหมดอายุการใช้งานและต้องเปลี่ยนผ้าผืนใหม่

Roborock G10 ในชุดจะมีฐานแท่นชาร์จ Auto Wash Fill Dock มาให้เรียบร้อย ไม่ต้องซื้อเพิ่ม (และไม่มีขายแยก) ดีไซน์ออกมาเป็นสีขาวตัดดำดูโมเดิร์น ขนาด 441.2 x 487 มิลลิเมตร และ สูง 391 มิลลิเมตร เป็นขนาดที่สามารถเอาไปวางไว้หลบมุมในห้อง หรือจะวางซ่อนไว้ใต้โต๊ะก็ยังได้

ตัวฐานจะมีแยกมา 2 ส่วน คือส่วนตัวฐาน และแท่นรองให้ตัวหุ่นยนต์วิ่งเข้าจอด ประกอบเรียบร้อยด้านหลังมีสายไฟที่ออกแบบให้มีที่ซ่อนสายได้กรณีที่วางติดตั้งใกล้กับปลั้กไฟ (แต่เอาจริงๆ สายที่ให้มานั้นค่อนข้างสั้นไปนิด)

ตัว Roborock Auto Wash Fill Dock เปิดฝาภายในจะมีถังอยู่ 2 ใบ จะเป็นถังสำหรับใส่น้ำสะอาดสำหรับเติมเข้าตัวหุ่นยนต์ และอีกถังจะเป็นถังน้ำทิ้งหลังจากใช้ทำการซักผ้าถูพื้น ออกแบบมาให้เปิดออก นำไปเติมน้ำและเททิ้งได้ง่าย

ความสามารถ และ ฟีเจอร์ที่น่าสนใจใน Roborock G10

Roborock G10 มีแรงดูดสูงถึง 2,500 Pa HyperForce™ Stormer เพิ่มขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับ Roborock S6 ทำให้สามารถดูดฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ดียิ่งขึ้น และหมดห่วงเรื่องปัญหาเส้นผมหรือขนสัตว์ที่หล่นตามพื้น ด้วยตัวแปรงปัดแบบยาง ที่ออกแบบมาให้มีความทนทาน และยังช่วยให้ดูดเส้นผมและขนสัตว์ต่างๆ ได้โดยไม่มาติดพันที่ตัวแกน ซึ่งหุ่นยนต์ดูดฝุ่นหลายรุ่นมักจะเจอปัญหานี้

ระบบการถูพื้นที่ไม่ใช่แค่เอาผ้าถูลากๆ ไปกับพื้นทั่วห้อง แต่ว่ามีเทคโนโลยี Sonic Mopping ขจัดคราบบนพื้นด้วยการขัดถู 3,000 ครั้ง/นาที ทำให้ระหว่างที่ถูพื้นก็จะมีแรงกดแบบสั่นสะเทือนลงไปด้วย ทำให้การถูพื้นมีความสะอาดมากกว่าการถูพื้นธรรมดาทั่วๆ ไป

การถูพื้นตัว Roborock G10 ที่สามารถแยกแยะได้ว่าพื้นที่ๆ วิ่งไปนั้นเป็นพื้นห้องหรือว่าพรม ซึ่งบนพื้นที่เป็นพรม ระบบ Auto-Lifting จะยกตัวระบบถูพื้นขึ้นสูงสุดถึง 5 มิลลิเมตร เพื่อที่ว่าพรมจะไม่ต้องเปียกน้ำจากผ้าม็อบ รวมถึงบนพื้นที่ๆ เป็นพรม จะมีระบบ Carpet Boost Mode ตัวเครื่องจะเร่งแรงดูดให้มากขึ้นเพื่อดึงฝุ่นที่อยู่บนพรมออกมาได้ดียิ่งขึ้น

เซ็นเซอร์ในการนำทาง Roborock G10 จะมี PreciSense™ LiDAR ที่ด้านบนของตัวเครื่อง และมีเซ็นเซอร์ Ultra-Sonic อีก 6 จุดรอบเครื่อง มีคุณสมบัติในการสแกนและตรวจจับพื้นที่รอบข้างได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เพื่อช่วยวางแผนการเคลื่อนที่หลบหลีกสิ่งกีดขวาง, กำแพง, บันได, พื้นที่กั้นห้อง ฯลฯ ไม่ให้วิ่งชนหรือตกหล่นจากที่สูง ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ รวมถึงตัวหุ่นยนต์ยังสามารถวิ่งและยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น 2 เซนติเมตร เพื่อหลบหลีกสิ่งกีดขวางเล็กๆ บนพื้นได้อีกด้วย

เริ่มต้นการใช้งาน

ก่อนอื่น เราจะต้องเลือกหาจุดสำหรับวางฐาน Auto Wash Fill Dock ภายในบ้าน เพื่อเป็นจุดหลักในการเริ่มทำงานของหุ่นยนต์ แนะนำให้คุณตั้งไว้ในห้องที่คิดว่าจะใช้งานบ่อยที่สุด เพื่อลดระยะเวลาในการวิ่งไปทำงานของหุ่นให้น้อยลง และตำแหน่งในการวาง ไม่ควรเอาไปหลบในซอกมุมห้องที่มีขนาดพอดีกับตัวฐานจนเกินไป เพราะจะทำให้เวลาวิ่งเข้าออกในการทำงานทำได้ลำบาก แนะนำให้เป็นที่ๆ ไม่มีอะไรขวางด้านหน้า อย่างของผมเลือกไปตั้งหลบไว้ใต้โต๊ะทำงาน เป็นตำแหน่งที่ไม่เกะกะ และวิ่งเข้าออกได้

หลังจากที่ประกอบติดตั้งฐาน เสียบปลั้ก เติมน้ำสะอาดในถัง และวางตัว Roborock G10 ชาร์จเครื่องรอเรียบร้อย คุณจะต้องทำการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น Roborock ที่มีให้ใช้ทั้งในระบบ iOS และ Android ทำการลงทะเบียนผู้ใช้ และเชื่อมต่อกับระบบ โดยเราจะต้องเชื่อมต่อ Roborock G10 กับสัญญาณ Wi-Fi ในบ้านของเรา เพื่อให้มันพร้อมรับคำสั่งและแจ้งข้อมูลกับแอปได้ตลอดเวลา

ในการเชื่อมต่อครั้งแรก จะมีการให้อัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด เพื่อให้การทำงานมีความเสถียรตลอดเวลาและรองรับการเพิ่มความสามารถใหม่ๆ ในอนาคต

ตัวหุ่นยนต์ เรามีเลือกภาษาของเสียงการทำงานได้หลายภาษา และมีภาษาไทยให้เลือกด้วย

การทำงานครั้งแรก แนะนำให้เราทำการสร้างแผนที่ในแต่ละห้องที่ต้องการให้หุ่นยนต์ทำงาน ง่ายๆ เพียงแค่กดสั่งให้ทำความสะอาดครั้งแรก น้องจะวิ่งทำงานพร้อมสแกนรอบๆ ห้องเพื่อสร้างแผนที่เข้ามาในแอป การใช้งานครั้งแรกก็จะใช้เวลามากหน่อย เพราะหุ่นจะวิ่งไปรอบห้อง และวิ่งไปในทุกที่ๆ มันสามารถจะวิ่งเข้าไปได้ แต่หลังจากที่ได้แผนที่แล้ว การทำงานครั้งต่อไปจะรวดเร็วขึ้น เพราะระบบจะประมวลผลจากพื้นที่แล้วแบ่งโซนเพื่อวิ่งการทำงานอย่างเป็นระบบ

แนะนำว่าหลังจากการสแกนสร้างแผนที่ครั้งแรก ถ้าหากว่ามีจุดที่รู้สึกว่าไม่อยากให้หุ่นวิ่งเข้าไป ก็สามารถมา edit เพิ่มจุดห้ามวิ่ง รวมถึงยังตั้งบอกตำแหน่งพื้นที่ของพรมเพื่อให้หุ่นรู้ว่าตำแหน่งนี้ไม่ต้องถูพื้นได้อีกด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วตัวหุ่นก็มีเซ็นเซอร์ตรวจจับอัตโนมัติอยู่แล้ว

โดยแผนที่สแกนได้หลังจากการทำงานครั้งแรก จะแสดงเป็นแบบ 2D, 3D และสแกนเป็นภาพสเปกตรัมให้เห็นโครงสร้างในห้อง

การสั่งงาน สามารถสั่งได้ทั้งแบบกดที่เครื่องเพื่อให้ออกไปทำความสะอาด หรือถ้าต้องการสั่งปรับตั้งค่าที่มากขึ้น อย่างเช่น ตั้งระดับการดูดฝุ่น ระดับความแรงในการถูพื้น ตั้งจำนวนรอบในการทำความสะอาดต่อครั้ง ก็เข้าไปสั่งในแอปพลิเคชั่นได้

นอกจากนี้ เพื่อความสะดวกสบายขั้นสุด เราสั่งตั้งเวลาล่วงหน้าสำหรับการทำงานในแต่ละวันตามแต่เงื่อนไขได้อย่างที่ต้องการ อย่างเช่น เราตั้งเวลาให้เริ่มทำความสะอาดในห้องนั่งเล่นก่อน แล้วไปต่อที่ห้องอาหารหลังมื้อกลางวัน และทำความสะอาดทั้งบ้านอีกครั้งก่อนที่เราจะกลับมาบ้าน

ส่วนตัวผมใช้ตั้งเวลาให้หุ่นวิ่งไปทำความสะอาดในห้องนอนช่วงเวลาบ่ายๆ แล้วให้ทำความสะอาดทั้งบ้านในเวลากลางคืนตอนที่นอนแล้ว เพราะว่าเช้ามาบ้านก็จะสะอาด โดยเสียงการทำงานของหุ่นยนต์นั้นถือว่าไม่ดังมาก

รีวิว ทดสอบลองใช้ Roborock G10 ชีวิตดีขึ้นแค่ไหน? เหมาะสำหรับใคร?

Roborock G10 ถือว่าเป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านที่มีประสิทธิภาพในระดับดีเยี่ยมมากๆ ตั้งแต่ความสามารถในการเก็บกวาดทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง เพราะมีระบบการสร้างแผนที่ห้อง จัดแจงแผนการเดินวิ่งเพื่อทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุม อีกทั้งการวิ่งทำงานตัวหุ่นยนต์มีเซ็นเซอร์ตรวจจับรอบตัว ทำให้วิ่งหลบหลีกสิ่งกีดขวาง รวมถึงข้ามสิ่งของบางอย่างได้ แต่เราก็แนะนำให้เก็บสิ่งของต่างๆ ไม่ให้วางเกะกะบนพื้นจะดีกว่า

สำหรับหุ่นยนต์ทำความสะอาด เราอยากแนะนำว่าเลือกที่เป็นแบบทั้งดูดฝุ่นและถูพื้นไปด้วย จะดีที่สุด เพราะทุกอย่างจะสะอาดจบรอบเดียวอย่างง่ายได้ และ Roborock G10 ตัวนี้ก็ฉลาดในการทำงาน พร้อมดูแลทุกห้องในบ้านของเราได้แบบอัตโนมัติ เพียงแค่การใช้งานครั้งแรกทำการสร้างแผนที่ห้องต่างๆ ให้เรียบร้อย ภายในแอปเราสามารถสั่งตั้งเวลาหรือจัดคิวการทำความสะอาดได้ทั้งหมด

สิ่งที่ได้จากการใช้งาน Roborock G10 ก็คือ ห้องต่างๆ ในบ้านจะสะอาดตลอดเวลา แทบไม่มีฝุ่นติดตามพื้น และสำหรับใครที่บ้านมีเลี้ยงน้องหมาน้องแมว บอกเลยว่านี่คือสิ่งที่คุณต้องมี ปริมาณขนสัตว์ที่ร่วงอยู่ในบ้านนั้นลดลงไปทันที เพราะตัวหุ่นยนต์จะคอยเก็บกวาดทำความสะอาดให้ตลอดเวลา คุณไม่ต้องทำอะไรเพียงแค่หมั่นถอดเอาถังเก็บฝุ่นไปทิ้งเท่านั้น ซึ่งถ้าหากคุณลืมก็จะมีแจ้งเตือนมาบอกในแอปบนมือถือของคุณทันที

การเพิ่ม Auto Wash Fill Dock มาอยู่ในชุดมาตรฐานเลย เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์การใช้งานหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมากๆ ส่วนตัวที่ก่อนหน้านี้ใช้ Roborock S7 สิ่งที่แอบจุกจิกก็คือการที่ต้องคอยเติมน้ำและถอดผ้าถูพื้นไปซักนี่ล่ะ ยิ่งถ้าใครใช้งานเป็นประจำและวิ่งในพื้นที่ๆ กว้างมาก อาจจะต้องถอดซักและเติมน้ำกันแบบแทบทุกวันกันเลย

Roborock G10 ถ้าถามว่าเหมาะสำหรับใคร ก็แนะนำเลยว่า เหมาะมากสำหรับคนที่พักอาศัยในบ้าน คอนโด หรือจะเป็นโฮมออฟฟิศ ที่ต้องการให้พื้นสะอาดตลอดเวลาโดยไม่ต้องวุ่นวายเก็บกวาดเช็ดถูบ่อยๆ เพราะเราสามารถตั้งเวลาการทำงานให้หุ่นจัดการดูดฝุ่นถูพื้นได้บ่อยตามที่เราต้องการ และยิ่งเราสั่งให้มันวิ่งทำงานบ่อย ก็จะช่วยลดปริมาณการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรกในห้องได้อย่างมาก รวมถึงการถูพื้นที่สะอาดและจัดการกับคราบหนักๆ ได้เหมือนกับการถูพื้นจริงๆ

ถ้าคุณเป็นกลุ่มคนที่แพ้ฝุ่นแพ้อากาศง่าย บ้านมีเลี้ยงสุนัขหรือแมวไว้ในบ้าน Roborock G10 คือผู้ช่วยที่ดีเยี่ยมสำหรับคุณ สำหรับค่าตัวที่ค่อนข้างสูงสำหรับบางคนที่คิดว่าใช้เครื่องดูดฝุ่นแล้วถูพื้นเอาเองได้ เราอยากบอกว่า การลงทุนกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ฉลาดๆ ตัวนึง ก็สามารถดูแลตรงนี้ให้คุณได้แบบหมดจด ห้องสะอาดและไม่มีฝุ่นตลอดเวลา

แต่มีคำแนะนำสำคัญสำหรับการใช้งานก็คือ น้ำที่ใช้สำหรับการถูพื้น จะต้องเป็นน้ำสะอาดเท่านั้น ห้ามผสมน้ำยาถูพื้นลงไปเด็ดขาด เพราะน้ำยาอาจจะทำให้เกิดการอุดตันในระบบน้ำภายในเครื่องได้ สำหรับใครที่อยากได้พื้นหอมๆ หรือถูเพื่อฆ่าเชื้อโรค แนะนำให้ใช้ผ้าถูพื้นถูเอาเอง อย่าใช้หุ่นยนต์ถูจะดีกว่า

การรับประกัน ราคา และ การจำหน่าย

Roborock G10 ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 29,900 บาท สำหรับการรับประกัน 2 ปี และ 30,900 บาท พร้อมการรับประกัน 3 ปี ซึ่งเราแนะนำว่าซื้อแบบประกัน 3 ปีไปเลยคุ้มกว่า ต่างกันไม่มาก โดยการรับประกันจะครอบคลุมทุกชิ้นส่วน รวมถึงแบตเตอรี่, เซ็นเซอร์ต่างๆ โดยมีศูนย์ซ่อมพร้อมให้บริการในประเทศไทย สามารถสั่งซื้อได้ทาง Roborock Thailand และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

จุดเด่น

  • มีระบบเซ็นเซอร์ครบถ้วน สามารถสร้างแผนที่ห้อง วิ่งหลบหลีกสิ่งกีดขวาง ทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง และกันตกจากที่สูง
  • ระบบดูดฝุ่นสิ่งสกปรกที่จัดการได้หมดจด และไม่เจอปัญหาผมและขนสัตว์พันติดแกน
  • ตัวฐาน Auto Wash Fill Dock ช่วยจัดการเรื่องซักผ้าถู ถ้งเก็บน้ำเติมได้หลายรอบ
  • ระบบแผนที่สร้างได้หลายห้องและหลายชั้น มีแสดงผลแบบ 3D
  • ตั้งเวลาการทำความสะอาดให้ทำงานได้
  • ทำงานสั่งการผ่านสมาร์ทโฟน ตั้งค่าทำงานได้อย่างละเอียด
  • ระบบการถูพื้นที่สะอาดดีมาก
  • มีการตรวจจับพื้นผิวเพื่อปรับระดับความแรงในการดูดฝุ่น+การถู และไม่ถูพื้นเมื่อวิ่งอยู่บนพรม
  • ราคาเมื่อเทียบกับฟีเจอร์ความสามารถ ถือว่าคุ้มค่า
  • การรับประกันสูงสุด 3 ปี

ข้อสังเกต

  • ไม่มีระบบดูดฝุ่นออกจากตัวหุ่น จะต้องถอดถังเก็บฝุ่นไปเทเองบ่อย สำหรับคนที่เลี้ยงสัตว์

Blogger สาย Multi Function ตามติดเทคโนโลยีมือถือ, แท็บเล็ต, แอพ, เกมคอนโซล, โลกโซเชียล และจักรยาน