Esri คว้ารางวัลผู้นำการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านสภาพอากาศปี 65 จาก Forrester พร้อมชี้ว่าเทคโนโลยี GIS เป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหาภัยธรรมชาติอย่างยั่งยืน
Esri ผู้นำด้าน Location Intelligence การวิเคราะห์ภูมิสารสนเทศในมุมมองใหม่ ด้วยความเชี่ยวชาญในการพัฒนา ArcGIS ซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลก ล่าสุด Esri ได้รับรางวัล The Forrester New Wave™: Climate Risk Analytics, 2022 จากบริษัทวิจัย Forrester จากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศภูมิศาสตร์ หรือ GIS ในการช่วยแก้ปัญหาด้านความเสี่ยงของสภาพอากาศ ตอกย้ำประสิทธิภาพเทคโนโลยี GIS ด้านการนำข้อมูลต่าง ๆ มาใช้วิเคราะห์ ประมวลผลขั้นสูง และนำเสนอข้อมูลปัญหาที่เกี่ยวกับภัยธรรมชาติและภัยพิบัติต่าง ๆ จากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกที่มีผลกระทบโดยตรงกับความยั่งยืนในภาพรวมของทุกภาคส่วน
นางสาวธนพร ฐิติสวัสดิ์ ประธานบริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตอุณหภูมิเฉลี่ยที่สูงขึ้นทุกปี โดยรายงานจากองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) เผยว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่อุณหภูมิโลกสูงสุดเป็นครั้งที่ 6 ตั้งแต่ที่องค์การได้บันทึกสถิติ ทำให้เกิดเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น เหตุการณ์ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน คลื่นความร้อนที่ทำให้เกิดภัยแล้งรุนแรงจนทำให้เกิดไฟป่าเป็นวงกว้างในหลายประเทศ และในภูมิภาคเอเชียเกิดวิกฤตการณ์คลื่นความร้อนและฝนตกหนักกว่าปกติ นับเป็นประเด็นหลักของโลก สิ่งที่เป็นปัญหาในการแก้ปัญหาภัยพิบัติ คือการเข้าไปช่วยเหลือไม่ทันเวลา หรือไม่มีข้อมูลในการเข้าถึงและแก้ปัญหาได้เร็ว เทคโนโลยี GIS จึงเข้ามาช่วยทำให้เห็นภาพรวมทั้งหมด มอนิเตอร์เหตุการณ์ และวางแผนรับมือแก้ปัญหา รวมถึงบริหารจัดการด้านภัยธรรมชาติและภัยพิบัติต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพและรัดกุมมากขึ้น โดย Esri เชื่อว่าการมองอะไรด้วยภาพหรือ Location ช่วยทำให้วิเคราะห์สถานการณ์ได้ดีกว่าการเห็นแค่ตัวเลข หรือตัวหนังสือทั่ว ๆ ไป
“เทคโนโลยี GIS ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ให้สอดคล้องไปตามเทรนด์เทคโนโลยี และบูรณาการร่วมกับนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยมีการพัฒนาให้ใช้งานง่ายและรวดเร็วขึ้น เตรียมพร้อมในการแก้ปัญหาได้อย่างทันเวลาและทั่วถึง ซึ่งหนึ่งในจุดเด่นของการทำงานของเทคโนโลยี GIS ที่มีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาด้านภัยธรรมชาติและภัยพิบัติต่าง ๆ คือความสามารถในการรวบรวมข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมและนำมาวิเคราะห์ประเมินความเสี่ยง สามารถสร้างแบบจำลองการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการนำเทคโนโลยีด้าน Deep Learning และ Machine Learning รวมทั้ง AI เข้ามาทำงานร่วมกัน ทำให้วิเคราะห์ข้อมูลได้สะดวกรวดเร็วและแม่นยำ สามารถนำข้อมูลมาเปรียบเทียบระหว่างปัจจุบันและอดีต เพื่อคาดการณ์แนวโน้ม วางแผนป้องกัน และหาโซลูชันแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและยั่งยืน” นางสาวธนพรอธิบาย
นอกจากนี้ เทคโนโลยี GIS มีเครื่องมือที่พร้อมใช้งาน สะดวกต่อการพัฒนาต่อยอด สามารถมอนิเตอร์ติดตามสถานการณ์จริงแบบเรียลไทม์ เพื่อหาแนวทางเข้าควบคุม แก้ไข หรือวางแผนตอบสนองในพื้นที่ที่ต้องการแก้ไขได้อย่างทันท่วงทีผ่านเว็บแอปพลิเคชันที่สามารถสร้างได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรม หรือ โค้ดดิ้ง พร้อมการนำเสนอข้อมูลด้วยรูปแบบที่เข้าใจง่าย ไม่ว่าจะเป็น Dashboard หรือแผนที่ 3 มิติ ที่แสดงผลได้ทั้งบน Mobile และ Desktop ทำให้ประชาชนหรือผู้เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อวางแผนหรือเตรียมความพร้อมสำหรับดำเนินการได้อย่างเหมาะสมและทันเวลา รวมถึงสามารถแบ่งปันข้อมูลร่วมกันในรูปแบบ Open Data ที่เป็นส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
ล่าสุด Forrester บริษัทด้านการวิจัยและวิเคราะห์เทคโนโลยี IT ชั้นแนวหน้าในสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศให้ Esri เป็นผู้นำด้านการทำรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านสภาพอากาศ ประจำปี 2565 จากรายงาน The Forrester New Wave™: Climate Risk Analytics, 2022 รายงานของ Forrester ยังกล่าวถึงจุดเด่นของแพลตฟอร์ม Esri ว่าเป็นแพลตฟอร์มที่มีความสามารถในการนำเสนอข้อมูล และการประมวลผลขั้นสูง
อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างผู้ให้บริการข้อมูลสภาพอากาศ (NASA, NCAR, NOAA ฯลฯ) และการดำเนินงานในภาคธุรกิจ
นางสาวธนพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของในประเทศไทยได้มีการนำเทคโนโลยี GIS มาใช้ในการพยากรณ์ด้านภัยพิบัติ โดย Esri ได้ขยายความร่วมมือกับ ”ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ” ด้วยการนำเทคโนโลยี GIS ไปใช้งานด้านภัยพิบัติและด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น การนำเสนอฮับสภาพแวดล้อมเพื่อพยากรณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดกับ ‘กรุงเทพฯ’ ในช่วง 100 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ เทคโนโลยี GIS สามารถนำไปใช้ในการพยากรณ์ด้านภัยพิบัติอื่น ๆ อาทิ มลพิษทางอากาศ รวมทั้ง ติดตามเหตุการณ์สึนามิ ไฟป่า แผ่นดินไหว ภัยแล้ง พายุ น้ำท่วม จำนวนยอดผู้ป่วยจากโรคระบาดทั่วโลก COVID-19 ฯลฯ ให้ภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชน สามารถนำข้อมูลจากแอปพลิเคชันไปช่วยยกระดับการวางแผนรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมคาดการณ์ภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นต่อตนเอง ชุมชนเมือง และประเทศ ได้แม่นยำกว่า
ในฐานะผู้ให้บริการด้าน Location Intelligence อันดับหนึ่ง Esri มุ่งมั่นในการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศ ที่ล้วนมีผลกระทบต่อความยั่งยืนในอนาคต โดยการใช้เทคโนโลยี GIS ที่อัปเดต เพื่อศึกษาและทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ช่วยแสดงรูปแบบ ความสัมพันธ์ของข้อมูลให้เห็นมุมมองที่แตกต่าง เชื่อมโยงและสร้างความเข้าใจแบบองค์รวมอย่างครอบคลุม เพื่อจัดการกับความท้าทายที่ต่างกำลังเผชิญอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ สู่การวางแผนดำเนินการแก้ปัญหาให้ตรงจุดและยั่งยืนด้วยข้อมูลที่รวบรวมไว้ในแพลตฟอร์ม เพื่ออนาคตที่ดีกว่า นางสาวธนพร กล่าวทิ้งท้าย