อินเทล เปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core 13th Gen, การ์ดจอแยก Intel Arc และ Intel Xeon Scalable 4th Gen

อินเทล ประเทศไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ กับ โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core 13th Gen รุ่นใหม่ล่าสุด สำหรับโน้ตบุ๊คแล็ปท็อปและแท็บเล็ต มาพร้อม Intel Arc จีพียูแบบการ์ดจอแยก และ Intel Xeon Scalable 4th Gen ที่ออกแบบมาตอบโจทย์การทำงานของดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ และงานด้าน AI, คลาวด์ เครือข่ายเอดจ์ และซูเปอร์คอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ

Intel Core 13th Gen

โปรเซสเซอร์ตระกูล Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13

หลังจากเปิดตัวโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 ไปเมื่อเดือนตุลาคม 2565 และเปิดตัวโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป Intel®Core™ i9-13900K เจนเนอเรชั่น 13 ที่งาน Thailand Game Show ที่โดดเด่นด้วยการใช้พลังงาน ระดับ 35 วัตต์ และ 65 วัตต์ ช่วยให้ผู้ใช้อุปกรณ์พีซีทั่วไป มีทางเลือกในการประหยัดพลังงานเพิ่มมากขึ้น โดยที่ยังคงประสิทธิภาพการเล่นเกมที่น่าทึ่ง การสร้างสรรค์เนื้อหา และการทำงานทั่วไปได้อย่างลงตัว

Intel Core 13th Gen

วันนี้ถึงเวลาเปิดตัวสำหรับทางฝั่งโมบายล์กันบ้าง กับ Intel Core 13th Gen H-Series ที่จัดเต็มในเรื่องประสิทธิภาพและเทคโนโลยีสำหรับเกมเมอร์ และเป็นโปรเซสเซอร์สำหรับแล็ปท้อปตัวแรกที่มีจำนวนคอร์มากถึง 24 คอร์ เรียกได้ว่านี่คือโปรเซสเซอร์โมบายที่เร็วแรงที่สุดแล้วตอนนี้

ผสานรวมกับการรองรับหน่วยความจำ DDR4 และ DDR5 และการเชื่อมต่อ PCIe Gen 5 เสริมให้ประสิทธิภาพเร็วแรงมากกว่าเจนเนอเรชั่นที่ 12 ถึง 5 เท่า โดยที่ตอนนี้ สามารถเลือกใช้แล็ปท็อปที่มาพร้อม โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ HX ได้แล้วมากกว่า 60 รุ่น

Intel Core 13th Gen

พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัว โปรเซสเซอร์โมบาย Intel® Core™ P-ซีรีส์ และ U-ซีรีส์ เจนเนอเรชั่น 13 สำหรับการใช้งานบนแล็ปท้อปที่เน้นดีไซน์บาง น้ำหนักเบา ให้มีประสิทธิภาพสำหรับงานครีเอเตอร์และการเล่นเกมได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นครั้งแรกที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่อย่าง หน่วยประมวลผลวิสัยทัศน์ Intel® Movidius vision processing unit (VPU) ซึ่งเป็นผลจากการประสานงานด้านวิศวกรรมร่วมกับบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) ในโหมด Window Studio Effects ใหม่ล่าสุด เป็นการใช้ AI ทำงานร่วมกันของระบบและการสตรีมได้อย่างมืออาชีพ ทำให้ CPU และ GPU มีพื้นที่ว่างสำหรับทำงานอื่นๆ หรือทำงานแบบมัลติทาสกิ้งได้มากขึ้น

โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core 13th Gen สามารถยกระดับประสิทธิภาพของแล็ปท็อปรุ่นใหม่ ให้ทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นรุ่นดีไซน์บางเฉียบและน้ำหนักเบา หรืออุปกรณ์ 2-in-1 แบบพับได้ รวมถึงแล็ปท็อปรูปแบบอื่นๆ ก็จะไม่มีข้อจำกัดในเรื่องประสิทธิภาพอีกต่อไป ให้ผู้ใช้ได้ประสบการณ์ในการทำงานระดับสูงได้ในทุกรูปแบบ

สำหรับ IoT edge นั้น โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 มีฟีเจอร์รูปแบบใหม่ๆ ที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์การใช้งานในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย รวมถึงระบบปฏิบัติการที่ควบคุมอุณหภูมิของอุปกรณ์ให้ทำงานได้ต่อเนื่องยาวนานมากขึ้น และ CPU ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมความสามารถด้านกราฟิกและประสิทธิภาพ AI ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมค้าปลีก การศึกษา การดูแลสุขภาพ การบินและอวกาศ อุตสาหกรรม และเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยโปรเซสเซอร์ตัวใหม่นี้จะเพิ่มประสิทธิภาพการผสานรวมเวิร์กโหลดที่ดีขึ้นด้วยคอร์และเธรดที่มากขึ้น ส่งผลให้แอปพลิเคชันสามารถทำงานบนอุปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในเครื่องเดียว

ทางด้านแล็ปท็อปรุ่นใหม่มาตรฐาน Intel Evo ภายใต้ข้อกำหนดใหม่ ทำให้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีเยี่ยมมากขึ้น

  • ประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือชั้นและราบรื่นไม่มีสะดุด: ได้รับการรับรองถึงประสิทธิภาพความรวดเร็วในการตอบสนองอย่างสม่ำเสมอแม้ในขณะที่ไม่ได้เสียบปลั๊ก อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น รวมไปถึงการเปิดเครื่องแล้วใช้งานได้ทันที และการชาร์จเร็ว
  • การทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด: ด้วยการยกระดับการประชุมทางวิดีโอ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เช่น Intel Connectivity Performance Suite และ Intel Bluetooth LE Audio
  • Intel Unison ที่พร้อมใช้งานบนแล็ปท็อป: เต็มอิ่มไปกับอิสระแห่งการทำงานบนหลากหลายอุปกรณ์ได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ การคุยโทรศัพท์ การแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ และการถ่ายโอนไฟล์จากพีซีไปยังโทรศัพท์ที่เปิดใช้งานในระบบบนอุปกรณ์ Android หรือ iOS
Intel Arc

กราฟิก Intel Arc

เปิดตัวการ์ดจอ Intel Arc แบบแยก ที่นำเสนอตัวเลือกกราฟิกการ์ดประสิทธิภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา อินเทลได้เปิดตัวไดรเวอร์ใหม่ 8 ตัวเพื่อตอบสนองการใช้งานร่วมกับเกมให่มๆ รวมถึงอัปเดตเพิ่มประสิทธิภาพในวันที่เกมเปิดตัวใหม่มากกว่า 21 เกม ช่วยให้ผู้ใช้สัมผัสประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วแรงขึ้นไปอีกขั้น ทำให้การเล่นเกมมีความราบรื่นและเพิ่มความเสถียรระหว่างการเล่นให้ดียิ่งขึ้น

โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4

โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ใหม่ล่าสุด พร้อมส่งมอบประสิทธิภาพการทำงานชั้นนำด้วยชิปเร่งความเร็วที่ติดตั้งมาในตัวและให้ความเร็วสูงสุดเท่าที่ซีพียูเครื่องไหนในโลกเคยมีมา เพื่อช่วยลูกค้าแก้ปัญหาสำคัญๆ ด้านการประมวลผลที่ท้าทาย ไม่ว่าจะเป็น AI, เครื่องมือวิเคราะห์, ระบบเครือข่าย, ความปลอดภัย, การจัดเก็บข้อมูล และระบบคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง (High Performance Computing: HPC) นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ยังเป็นโปรเซสเซอร์สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ที่ผ่านการผลิตที่ยั่งยืนมากที่สุดของอินเทล โดดเด่นด้วยฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลายเพื่อเสริมขุมพลังและประสิทธิภาพการทำงานขั้นสุดด้วยการใช้งานทรัพยากรของซีพียูอย่างคุ้มค่าเพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายเพื่อความยั่งยืน

โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 แตกต่างจากโปรเซสเซอร์สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์อื่นๆ ในตลาดที่ลูกค้ากำลังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน โดยได้ขยายไปสู่แนวทางและกลยุทธ์เพื่อรองรับเวิร์กโหลดเป็นหลักและออกแบบมาโดยคำนึงถึงจุดประสงค์การใช้งานโดยเฉพาะ

เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 มีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นกว่า 2.9 เท่า จากประสิทธิภาพการทำงานโดยเฉลี่ยต่อวัตต์สำหรับเวิร์กโหลดเฉพาะเมื่อใช้ชิปเร่งความเร็วที่ติดตั้งมาในอุปกรณ์ ประหยัดพลังงานมากถึง 70 วัตต์ สำหรับซีพียูหนึ่งเครื่องที่ใช้โหมดพลังงานสูงสุดและแทบไม่ลดทอนประสิทธิภาพการทำงานลงเลยสำหรับเวิร์กโหลดเฉพาะ พร้อมช่วยลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (total cost of ownership: TCO) ลงถึง 52-66%

การวางจำหน่าย

โปรเซสเซอร์โมบายล์และเดสก์ท็อป Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 และกราฟิก Intel Arc A-ซีรีส์ วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วประเทศ

ส่วนโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ก็มีวางจำหน่ายแก่ลูกค้าองค์กรธุรกิจในไทยแล้วเช่นกัน โดยสามารถสอบถามตัวแทนผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีและคลาวด์ได้แล้ววันนี้

Blogger สาย Multi Function ตามติดเทคโนโลยีมือถือ, แท็บเล็ต, แอพ, เกมคอนโซล, โลกโซเชียล และจักรยาน