ล้ำหน้าโชว์ฯ วันนี้เรามี 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่จาก OPPO มาแนะนำกัน กับ รีวิว OPPO Reno8 T 5G สมาร์ตโฟนที่เด่นเรื่องของกล้องพอร์ตเทรตความละเอียดสูงถึง 108MP ให้คุณถ่ายภาพได้สวยคมชัดยิ่งกว่าเดิม มาพร้อมกับดีไซน์สวยพรีเมียมระดับแฟลกชิป หน้าจอโค้ง 3 มิติ 120Hz และตัวเครื่องสีใหม่ สีทอง Sunrise Gold
นอกจากสมาร์ตโฟนแล้ว ยังมีรีวิวหูฟังไร้สาย OPPO Enco Air3 ที่ยังคงความสวยเด่นไม่เหมือนใคร กับตัวเคสโปร่งแสงที่สามารถมองเห็นตัวหูฟังที่อยู่ด้านในได้ ส่วนเรื่องพลังเสียงก็ทรงพลังมากขึ้น กับไดร์เวอร์ขนาดใหญ่พิเศษ 13.5 มม. แถมยังเป็น หูฟังไร้สายรุ่นแรกที่มาพร้อม DSP (digital signal processor) ประสิทธิภาพสูงในช่วงราคานี้
รีวิว OPPO Reno8 T 5G
OPPO Reno8 T 5G เรามาเริ่มแกะกล่องดูกันเลยว่าในแพ็กเกจมีอะไรบ้าง สังเกตอย่างแรกจะเห็นความแตกต่างของตัวกล่องที่ปกติจะเป็นสีเขียวคราม ได้เปลี่ยนดีไซน์เป็นกล่องสีเทาอ่อน และมีแถบสีเหลือบเงาเมทัลลิกอยู่ ดูสวยแปลกไปอีกแบบ
ภายในกล่องตัวเครื่องห่อป้องกันมาให้เป็นอย่างดี มีเอกสารคู่มือการใช้งานเบื้องต้น, เอกสารการรับประกัน, เคสใส TPU สำหรับใส่ปกป้องตัวเครื่อง และเข็มจิ้มถาดซิม
ด้านล่างสุดของกล่องมีชุดอุปกรณ์สำหรับชาร์จ โดยจะมีสาย USB-A to USB-C ความยาวประมาณ 1 เมตร และอะแดปเตอร์ชาร์จ ที่รองรับมาตรฐานชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC
สเปค OPPO Reno8 T 5G
- ชิปเซ็ต : Qualcomm Snapdragon 695 5G Mobile Platform
- หน่วยความจำ : 8GB RAM (LPDDR4x) รองรับ RAM Expansion เพิ่ม RAM ได้สูงสุด 8GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล 128GB / 256GB (UFS 2.2) เพิ่มความจุ microSD ได้สูงสุด 1TB
- หน้าจอ : 6.7 นิ้ว AMOLED FHD+ (2412 x 1080) แสดงผล 1 พันล้านสี ค่า refresh rate 120Hz, 1,000Hz sampling rate
- ขนาดเครื่อง : 162.3 x 74.3 x 7.7 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 171 กรัม
- กล้องหน้า : 32MP รูรับแสง f/2.4
- กล้องหลัง
- กล้องหลัก 108MP รูรับแสง f/1.7
- กล้อง Depth 2MP รูรับแสง f/2.4
- กล้อง Microlens 2MP 40x รูรับแสง f/3.3
- รองรับเชื่อมต่อ : 3G / 4G / 5G
- เชื่อมต่อไร้สาย : Wi-Fi 5 (802.11ac) , 802.11a/b/g/n, Bluetooth 5.1
- รองรับ 2 ซิม ขนาด Nano SIM
- ระบบปฎิบัติการ : ColorOS 13 บนพื้นฐาน Android 13
- แบตเตอรี่ : 4,800mAh รองรับชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC
- มี 2 สีให้เลือก สีทอง Sunrise Gold และ Midnight Black
The Portrait Expert ทุกพอร์ตเทรตสวยคมชัดกว่าเดิม ด้วยกล้อง 108MP
เรามาดูกันในเรื่องของกล้องกันก่อนเลย OPPO Reno8 T 5G มีความน่าสนใจตรงที่กล้องหลักมีความละเอียดสูงถึง 108MP ทำให้สามารถเก็บภาพที่คมชัดมากยิ่งขึ้น เราสามารถถ่ายภาพแล้วมาเลือกครอบตัดเลือกเฉพาะบางส่วนในภาพ ก็ยังได้ภาพที่สวยงามชัดเจนอยู่
ตัวเซ็นเซอร์กล้องหลัก 108MP ใช้เป็น Samsung HM6 ขนาด 1/1.67 นิ้วรุ่นใหม่ ใช้เทคโนโลยีการรวมภาพแบบ NonaPixel ที่เป็นการรวม 9 พิกเซล เป็น 1 พิกเซลที่มีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับ 1.92μm ทำให้สามารถไวต่อแสงมากขึ้นแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มืดหรือแสงน้อยมากกว่าเซ็นเซอร์รุ่นก่อนถึง 96%
AI Portrait Super Resolution : เมื่อกล้อง 108MP ที่ทรงพลัง ผสานรวมกับอัลกอริธึม AI ของ OPPO ที่ได้รับการพัฒนาวิเคราะห์จากภาพพอร์ตเทรตตัวอย่างมากกว่า 2 แสนตัวอย่าง ทำให้ระบบสามารถวิเคราะห์และปรับแต่งภาพถ่ายพอร์ตเทรตให้ได้อย่างเหมาะสม ทั้งส่วนที่โฟกัสคมชัด และส่วนที่ปรับเบลอในฉาก ในทุกสภาพแวดล้อมของแสง ไม่ว่าจะเป็นกลางแดดแสงจ้า ถ่ายภาพย้อนแสง หรือในที่ๆ แสงน้อยหรือที่มืด รวมถึงยังช่วยลด Noise ในภาพลง พร้อมกับเพิ่มความคมชัดของภาพถ่ายพอร์ตเทรตให้ออกมาดูสวยงามที่สุด
Selfie HDR : กล้องหน้าของ OPPO Reno8 T 5G ความละเอียด 32MP มีความสามารถในการถ่ายภาพแบบ HDR ที่จะตรวจจับแสงพื้นหลังในระหว่างการถ่ายเซลฟี่ให้อัตโนมัติ เพื่อปรับลดความสว่างให้พอดี ไม่ขาวโพลน มองเห็นรายละเอียดสีสันได้สวยงามชัดเจน ส่วนใบหน้าของแบบก็จะเลือกปรับแต่งให้สวยงามเป็นธรรมชาติ ทำให้ทุกการเซลฟี่ ไม่ว่าจะเป็นสภาพแสงแบบไหน ก็มั่นใจได้ว่าภาพที่นั้นจะออกมาสวยอย่างแน่นอน
ถ่ายเซลฟี่แบบย้อนแสง พระอาทิตย์อยู่ด้านหลังของแบบ จะเห็นว่าใบหน้าของแบบยังคงสว่างชัดเจน ไม่มืดดำ ส่วนฉากหลังก็เก็บรายละเอียดได้ดี
AI Portrait Retouching : ด้วยคุณสมบัติใบหน้าที่แตกต่างกัน 373 จุดผ่านอัลกอริธึม และการจดจำใบหน้าของ OPPO ช่วยเพิ่มความสามารถในการเพิ่มเอฟเฟกต์รีทัชได้อย่างละเอียดแบบเรียลไทม์ โดยมีเครื่องมือปรับแต่งความงามถึง 8 แบบ เลือกปรับระดับได้ 0-100 เพื่อให้ได้เอฟเฟกต์การแต่งภาพพอร์ตเทรตในแบบที่คุณต้องการ
ส่วนการเซลฟี่ด้วยกล้องหน้า ก็จะมี AI Imperfection Removal ที่จะช่วยลบรอยตำหนิต่างๆ บนใบหน้า อย่างเช่น จุดสิว ผิวไหม้จากแสง โดยจะยังคงรักษาลักษณะส่วนบุคคล เช่น ไฝ เอาไว้โดยไม่ลบทิ้ง
Bokeh Flare Portrait : เพิ่มเอฟเฟ็กต์โบเก้ให้กับภาพถ่ายพอร์ตเทรตทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า ที่จะช่วยให้ฉากหลังมีความเบลอและเกิดวงไฟขึ้นแบบเดียวกับกล้องโปร DSLR ทำให้ภาพพอร์ตเทรตมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
AI Colour Portrait : อีกหนึ่งเอฟเฟ็กต์สำหรับการถ่ายพอร์ตเทรตของ OPPO ที่ไม่เหมือนใคร ที่จะเปลี่ยนฉากหลังให้มีความเบลอพร้อมกับถอดสีสันออกให้กลายเป็นสีขาวดำ โดยที่ตัวบุคคลจะยังคงมีสีสันอยู่ ทำให้ได้ภาพที่มีความสวยงามแปลกตา โดยเอฟเฟ็กต์นี้จะมีให้ใช้เฉพาะในกล้องหน้าเท่านั้น
Dual-View Video : การถ่ายวิดีโอพร้อมกันทั้งกล้องหลังและกล้องหน้าในเฟรมเดียว เลือกได้ว่าจะถ่ายเป็นแบ่งครึ่งหน้าจอ หรือให้กล้องหน้าเป็นเฟรมเล็กๆ อยู่ที่มุมภาพ เป็นเครื่องมือสำหรับเวลาอยากถ่าย VLOG เพื่อเล่าเรื่องราวพร้อมบันทึกภาพของตัวเองไปได้พร้อมๆ กัน
กล้อง Microlens 40x : เพิ่มลูกเล่นของกล้อง ถ้าใครยังจำกันได้ กล้อง Microlens 40x ตัวนี้เป็นตัวเดียวกันที่มีอยู่ในสมาร์ตโฟนรุ่นแฟลกชิปอย่าง OPPO Find X3 Pro คุณสมบัติคือการถ่ายภาพในระยะใกล้แบบกล้องจุลทรรศน์ ด้วยกำลังขยายที่เลือกได้ที่ 20 เท่า และ 40 เท่า พร้อมกับมีไฟ LED ส่องสว่างที่ช่วยให้การถ่ายแบบใกล้ๆ ยังสว่างและเห็นรายละเอียดที่ขยายขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่ง ช่วยให้คุณสามารถใช้กล้องถ่ายเก็บภาพรายละเอียดเล็กจิ๋วของสิ่งต่างๆ รอบข้างได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นเกสรดอกไม้, ลวดลายของผ้า, เม็ดพิกเซลบนจอทีวี ฯลฯ โดยภาพที่ได้จะเป็นขนาด 1.4MP
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้อง 40x Microlens
อัพเกรดประสิทธิภาพ
มาดูสเปคภายใน OPPO Reno8 T 5G ใช้ชิปเซ็ตเป็น Qualcomm Snapdragon 695 5G Mobile Platform แบบ Octa-core บนเทคโนโลยีการผลิตระดับ 6 นาโนเมตร ถือว่าเป็นชิปเซ็ตระดับกลางที่มีประสิทธิภาพในการประมวลผลที่ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไป และการทำงานพร้อมกันได้หลายแอป โดยที่ใช้พลังงานลดลง และรองรับการเชื่อมต่อ 5G ที่รวดเร็ว
หน่วยความจำและพื้นที่เก็บข้อมูล จะมี RAM ให้มา 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูลให้เลือก 2 ขนาดคือ 128GB และ 256GB รองรับการเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลด้วย microSD ได้สูงสุดอีก 1TB อีกทั้งยังรองรับ RAM Expansion ที่จะเปลี่ยนพื้นที่เก็บข้อมูลที่ว่างอยู่ มาใช้เป็น RAM เสมือน เพิ่มได้สูงสุดถึง 8GB เพื่อช่วยให้การทำงานพร้อมกันหลายแอปได้ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
OPPO มีพัฒนาระบบ Dynamic Computing Engine สำหรับ OPPO Reno8 T 5G ที่จะช่วยมอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลและเสถียรยิ่งขึ้น โดยระบบจะจัดตารางการเคลียร์ทรัพยากรเพื่อให้พร้อมทำงานได้ตลอดเวลา รวมถึงยังมี Engine ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเปิดแอปได้มากถึง 11% ทำให้ OPPO Reno8 T 5G พร้อม RAM 8GB จะสามารถเปิดแอปทำงานเบื้องหลังไว้ได้มากถึง 22 แอป
นอกจากนี้ OPPO Reno8 T 5G ยังผ่านการทดสอบ 48-Month Fluency Protection จากห้องปฏิบัติการ OPPO ทำให้คุณมั่นใจว่าจะได้ประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นไหลในระยะยาวตลอดอายุการใช้งาน แม้ว่าจะผ่านไปหลายปีก็ยังคงใช้งานได้เหมือนเครื่องใหม่เสมอ
อีกสิ่งที่ทำให้สมาร์ตโฟนของ OPPO โดดเด่นในเรื่องประสิทธิภาพ ก็คือแบตเตอรี่ความจุขนาดใหญ่ที่มาพร้อมระบบการชาร์จเร็ว ใน OPPO Reno8 T 5G ให้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4,800mAh และ 67W SUPERVOOC ที่ได้รับการอัปเกรดใหม่ สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100% ได้ภายในเวลาเพียงแค่ 44 นาที หรือถ้าต้องการใช้งานฉุกเฉิน แค่เสียบชาร์จ 5 นาที จะได้พลังไฟเพียงพอสำหรับการสนทนา 5.59 ชั่วโมง หรือดูวิดีโอได้นาน 3.56 ชั่วโมง และยังใช้สแตนด์บายเครื่องได้นานถึง 389 ชั่วโมง
OPPO Reno8 T 5G ยังมี Battery Health Engine เอกสิทธิ์เฉพาะของ OPPO สำหรับทำหน้าที่ปกป้องสภาพแบตเตอรี่ให้มีอายุการใช้งานและประสิทธิภาพที่ยาวนานยิ่งขึ้น โดยสามารถขยายรอบการชาร์จไฟได้สูงสุดถึง 1,600 รอบ มากขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนทั่วไป ที่จะชาร์จไฟได้นานสูงสุดประมาณ 800 รอบ ทำให้คุณใช้งานสมาร์ตโฟนโดยมีแบตเตอรี่ที่ทำงานได้อย่างปกติไปได้ยาวนานถึงประมาณ 4 ปีเลยทีเดียว
และไม่ใช่แค่ชาร์จเร็ว OPPO ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการชาร์จ ที่มีการรับประกันความปลอดภัยตลอดกระบวนการชาร์จถึง 5 ชั้น ตั้งแต่การป้องกันโอเวอร์โหลดของอะแดปเตอร์, สภาพแวดล้อมการชาร์จเร็ว, การป้องกันการโอเวอร์โหลดที่อินเทอร์เฟซ, ป้องกันกระแสแบตเตอรี่โอเวอร์โหลด และการป้องกันฟิวส์แบตเตอรี่ ให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าในการชาร์จที่รวดเร็วจะไม่เกิดปัญหา รวมถึงมีความร้อนสะสมระหว่างทำการชาร์จน้อยมากอีกด้วย
ดีไซน์สวยพรีเมียม ทนทาน ระดับแฟลกชิป
เมื่อได้สัมผัสกับตัวเครื่อง OPPO Reno8 T 5G ครั้งแรก ต้องบอกว่าน่าประทับใจมากๆ กับการออกแบบตัวเครื่องได้อย่างสวยงามตามสไตล์ของ OPPO เริ่มตั้งแต่หน้าจอโค้ง 3 มิติ ขนาด 6.7 นิ้ว 120Hz เป็นแบบ Punch-Holed AMOLED ความละเอียด FHD+ (2412 x 1080) ให้สีสันสวยสด มีค่าความลึกของสีระดับ 10-bit มากกว่า 1 พันล้านสี และนี่เป็นครั้งแรกที่ OPPO เลือกใช้หน้าจอโค้ง 3 มิติกับสมาร์ตโฟนในช่วงราคานี้
ตัวหน้าจอได้รับการออกแบบด้วยเส้นโค้งขนาดเล็กพิเศษ 56 องศา และมีส่วนโค้งสูง 1.9 มิลลิเมตร ช่วยให้มีความสมดุลในการรับชมภาพที่ดีและยังจับถือได้กระชับสบายมือ และด้วยความที่เป็นจอโค้ง ก็ทำให้อัตราส่วนหน้าจอต่อพื้นที่เครื่องนั้นมากถึง 93% และมีขอบรอบจอที่แคบเป็นพิเศษ โดยขอบด้านล่างหนาเพียง 2.32 มิลลิเมตร และขอบด้านข้างซ้าย-ขวาหนา 1.57 มิลลิเมตร ให้ความรู้สึกจอที่ใหญ่เต็มตา ไร้ขอบ
หน้าจอที่สวยงาม ยังมาพร้อมกับความทนทาน OPPO เพิ่มกระจกป้องกัน DT-Star2 ซึ่งเป็นวัสดุกระจกนิรภัยระดับสองในฝาครอบหน้าจอ ผ่านการทดสอบคุณภาพจากในห้องแล็ปอย่างละเอียดถึง 23 รายการ ใน 5 หมวดหมู่ที่แตกต่างกัน อย่างเช่น การทดสอบตกจากที่สูง 1 เมตร, ทดสอบการกระแทก, ทดสอบการเปลี่ยนรูป, ทดสอบความทนทานต่อการสึกหรอก และการทดสอบในสภาพแวดล้อมที่ผิดปกติ ทำให้หน้าจอของ OPPO Reno8 T 5G มีความแข็งแกร่งทนทาน ให้คุณใช้งานในทุกวันได้อย่างไร้กังวล
OPPO Reno8 T 5G ตัวเครื่องมีความบางและเบา ด้วยความหนาของขอบเครื่องเพียงแค่ 7.7 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 171 กรัมเท่านั้น เมื่อเทียบกับขนาดเครื่อง รวมถึงแบตเตอรี่ความจุขนาดใหญ่ที่ให้มา ถือว่าทำออกมาได้ดีมากๆ ให้ความรู้สึกที่จับถือได้ถนัด ไม่หนัก
สีของ OPPO Reno8 T 5G ใช้เป็นดีไซน์ OPPO Glow ที่สวยเด่นเป็นเอกลักษณ์ ใช้กระบวนการผลิตพิเศษเฉพาะของทาง OPPO ที่สร้างคริสตัลรูปทรงปิรามิดหลายล้านจุดบนฝาหลัง เล็กในระดับจุลภาค ทำให้ได้พื้นผิวสัมผัสแบบด้านละเอียด ละมุนมือ เมื่อสัมผัสแล้วไม่เกิดคราบรอยนิ้วมือบนเครื่อง และยังให้สีสันประกายระยิบระยับเมื่อมีแสงตกกระทบในองศาที่แตกต่างกัน โดยจะมีให้เลือกด้วยกัน 2 สีคือ สีทอง Sunrise Gold และสีดำ Midnight Black
สีทอง Sunrise Gold : ตัวฐานเป็นสีทองอ่อนที่ให้ความรู้สึกหรูหราพรีเมียม เสมือนดั่งแสงแดดอ่อนๆ ในยามรุ่งอรุณ และมีเอฟเฟกต์ของ OPPO Glow เป็นเฉดสีฟ้าและสีม่วงที่ให้ความรู้สึกเงียบสงบ ผสานกับเฉดสีแดงและเหลืองที่ดูอบอุ่น
สีดำ Midnight Black : ด้วยแรงบันดาลใจจากเงาสะท้อนของแสงจันทร์บนทะเลสาบที่เงียบสงบ เป็นเฉดสีดำที่เสริมด้วย OPPO Glow ที่ให้ความเปล่งประกายอย่างสวยงามเมื่อมีแสงมาตกกระทบ
ตัวโมดูลกล้องหลัง ออกแบบเป็นกล้องคู่ 2 เลนส์จัดวางในแนวตั้งอย่างสมมาตร ประกอบอยู่ในแผงกล้องที่เป็นวงแหวนโลหะตัดขอบนูนช่วยปกป้องเลนส์กล้องได้ดียิ่งขึ้น พร้อมเสริมความพรีเมียมในการออกแบบด้วยทำพื้นผิวกรอบบนฝาหลังให้เป็นพื้นผิวที่มีความแตกต่างได้อย่างลงตัว
สำหรับ OPPO Reno8 T 5G รุ่นที่ทางทีมงานล้ำหน้าเราได้รับมาทดสอบ รีวิว เป็นสีทอง Sunrise Gold การออกแบบทำออกมาได้ดีมาก ในส่วนของความโค้งมนต่างๆ รอบเครื่องไม่มีมุมตัดขอบที่ให้ความรู้สึกแข็งกระด้าง ขอบเฟรมด้านเครื่องเป็นสีทองแบบมันวาวเข้ากับฝาหลัง ปุ่มกด Power และปรับเพิ่มลดระดับเสียงวางอยู่ด้านข้างในตำแหน่งที่ถือจับได้ถนัดมือ
ด้านล่างตัวเครื่อง จะมีช่องถาดซิม รองรับ 2 ซิม 5G Dual Stand by ที่จะเป็นแบบไฮบริด คือเลือกใส่ 2 ซิมขนาด Nano SIM หรือใส่ 1 ซิมร่วมกับ microSD เพื่อเพิ่มพื้นที่ความจุในเครื่องได้สูงสุด 1TB
พอร์ตเชื่อมต่อของเครื่องเป็นแบบ USB-C สำหรับใช้ชาร์จไฟ รวมถึงเชื่อมต่ออุปกรณ์และโอนถ่ายข้อมูลผ่าน OTG
ลำโพงของเครื่องจะมีอยู่ด้านล่าง และจะทำงานเป็นแบบสเตอริโอให้เสียงคุณภาพระดับสูง มีการลดเสียงรบกวนและเสียงสะท้อน ให้มิติที่สมจริง รับชมความบันเทิงไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมหรือดูวิดีโอได้เต็มอรรถรส
มีเพิ่มโหมด Ultra Volume เลือกปรับเพิ่มเสียงได้สูงสุด 200% ทั้งผ่านลำโพงและหูฟัง โดยที่เสียงจะดังขึ้นโดยที่ยังคมชัดไม่แตกพร่า ช่วยให้คุณได้ยินเสียงเพลงหรือโทรศัพท์ได้ดังขึ้นแม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ๆ มีเสียงดังรบกวน
OPPO Reno8 T 5G ใช้ระบบความปลอดภัยเป็นการสแกนลายนิ้วมือผ่านเซ็นเซอร์ที่ซ่อนอยู่ใต้หน้าจอ สามารถสแกนเพื่อปลดล็อคเครื่องได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว รวมถึงยังใช้การสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคเครื่องได้ด้วยเช่นกัน
สรุป รีวิว OPPO Reno8 T 5G กล้อง 108MP กับประสิทธิภาพที่ดีขึ้น คุ้มค่าน่าใช่แค่ไหน?
หลังจากที่ได้ทดสอบลองใช้งาน OPPO Reno8 T 5G ในการ รีวิว ครั้งนี้ มีหลายสิ่งที่น่าประทับใจ ตั้งแต่เรื่องของดีไซน์ที่ดูสวยพรีเมียมมาก ในขนาดของตัวเครื่องที่หน้าจอใหญ่ใส่แบตเตอรี่มาให้เยอะ แต่ก็ทำตัวเครื่องออกมาได้บางแถมน้ำหนักเบา เชื่อว่าจะถูกใจสาวๆ ที่ไม่ชอบมือถือที่หนักๆ จับได้ถนัดถือได้สบาย
และในส่วนของสีใหม่ สีทอง Sunrise Gold ก็คือสวยเต็มสิบไม่หักตามสไตล์ของ OPPO ลูกเล่น OPPO Glow คือดีงาม สีสันเปลี่ยนไปตามแสงที่ตกกระทบ ดูระยิบระยับ และผิวสัมผัสแบบด้านที่ไม่มีคราบรอยนิ้วมือติดบนเครื่อง ตัวเครื่องคือสวยแบบไม่อยากใส่เคสอะไรมาบดบังความงามกันเลย
หน้าจอของ OPPO Reno8 T 5G คือสิ่งที่เราประทับใจมากที่สุด ด้วยจอ AMOLED ที่มีสีสันสวยคมชัด แล้วเป็นจอโค้งแบบ 3 มิติเสริมให้ดูพรีเมียมขึ้นไปอีก ค่า refresh rate จอก็มาในระดับ 120Hz ให้ความรู้สึกลื่นไหลทั้งการใช้งานและการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น ถือว่าเหมาะสำหรับสายเสพคอนเทนต์บันเทิง เพราะจอนั้นดีจริงๆ
ประสิทธิภาพการใช้งาน โดยรวมทำได้น่าพึงพอใจ ชิปเซ็ตระดับกลางใช้งานทั่วๆ ไปได้อย่างไม่มีปัญหา การเล่นเกมเลือกปรับการแสดงผลระดับกลางถือว่าเล่นได้ลื่นไหล แบตเตอรี่ให้มาความจุค่อนข้างเยอะ ถ้าใครไม่ได้ใช้งานหนักมากอยู่แบบเช้ายันค่ำได้แบบไม่มีปัญหา หรือถ้าใช้งานเยอะ การมีชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC ก็ช่วยให้เติมแบตฯ ให้เต็มได้อย่างรวดเร็ว
ทดสอบลองใช้กล้อง 108MP เมื่อผสานกับความอัจฉริยะในการประมวลผลภาพถ่ายของ OPPO จึงเป็นการยกระดับการถ่ายพอร์ตเทรตให้คมชัดยิ่งขึ้น ด้วยการเก็บรายละเอียดของพิกเซลในการถ่ายแต่ละภาพได้มากขึ้น ทำให้ระบบมีวัตถุดิบในการนำไปประมวลผลภาพได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสีสัน ความสว่าง ฯลฯ เมื่อถ่ายแล้ว AI ก็สามารถปรับเป็นภาพที่ออกมาได้สวยและคมชัดเก็บรายละเอียดได้เป็นอย่างดี
และอีกข้อดีของการถ่ายพอร์ตเทรต 108MP ก็คือ เราสามารถถ่ายภาพแล้ว มาเลือก crop เพียงบางส่วนในภาพ หรือเอาไปปรับแต่งแก้ไขได้ ในการถ่ายเราเลือกถ่ายซูมระยะ 3X แล้วก็ยังได้ภาพที่มีความคมชัดในส่วนของรายละเอียด เรียกว่าถ่ายก่อนแล้วมาเลือกทีหลังก็ไม่มีปัญหา
กล้อง Microlens ที่เคยใส่มาในรุ่นแฟลกชิป ก็มีมาให้ใน OPPO Reno8 T 5G เอาไว้เก็บภาพในมุมมองแปลกๆ ได้สนุกดี ส่วนลูกเล่นฟีเจอร์กล้อง AI ทาง OPPO ใส่มาให้แบบจัดเต็ม ถูกใจสายพอร์ตเทรตอย่างแน่นอน รวมถึงโหมดอื่นๆ อย่างโหมดกลางคืนนั้นก็ทำได้ดีเกินคาด โดยเฉพาะการเซลฟี่ที่มีการปรับสีสันของภาพออกมาให้สว่างทั้งภาพได้อย่างสวยงาม
จะมีส่วนที่แอบขัดใจในการใช้งานกล้องของเราอยู่บ้าง ก็คือ ไม่มีกล้อง Ultra-wide ทำให้การถ่ายในมุมกว้างมากไม่ได้ แต่สรุปโดยรวมแล้ว OPPO Reno8 T 5G ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่มีประสิทธิภาพพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงาม คุ้มค่ากับราคาค่าตัว และแน่นอนว่า ซื้อในช่วงพรีออเดอร์นั้น ได้ของแถมกับแบบจุใจ
ราคา โปรโมชัน
OPPO Reno8 T 5G มีวางจำหน่ายในประเทศไทย ให้เลือกกันทั้งหมด 2 รุ่นความจุก็คือ
- OPPO Reno8 T 5G ความจุ 8GB + 128GB ราคา 13,990 บาท
- OPPO Reno8 T 5G ความจุ 8GB + 256GB ราคา 14,990 บาท
ลูกค้าที่สนใจ สามารถสั่งจองได้ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ถึง 16 กุมภาพันธ์ 2566 โดยจะได้รับของสมนาคุณมูลค่า 7,599 บาท ประกอบด้วย
- E-VIP CARD มูลค่า 5,500บาท ลูกค้าจะได้รับการรับประกันจอแตก จำนวน 1ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปีและรับประกันตัวเครื่อง 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อเครื่อง
- Reno Gift Set มูลค่า 2,099 บาท ประกอบไปด้วย เคสมือถือ ออกแบบสำหรับ OPPO Reno8 T 5G โดยเฉพาะ พร้อมแท่นสำหรับวางมือถือที่ปรับระดับได้ และลำโพงบลูทูธ
และเป็นเจ้าของ OPPO Reno8 T 5G ได้ง่ายขึ้นเมื่อซื้อกับผู้ให้บริการเครือข่ายในราคาลดสูงสุด 8,000 บาท โดย OPPO Reno8 T 5G โดย OPPO Reno8 T 5G จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการพร้อมกันวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/oppothai
ติดตามรายละเอียดของ OPPO Reno8 T 5G เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3jfdD0U
รีวิว OPPO Enco Air3
มาดูอีกผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ก็คือ OPPO Enco Air3 หูฟังไร้สายที่โดดเด่นทั้งเรื่องของดีไซน์สวยงามไม่เหมือนใคร รวมถึงประสิทธิภาพและพลังเสียงที่น่าประทับใจ
ดีไซน์โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์
OPPO Enco Air3 มีการออกแบบมาเป็นโทนสีขาว ตัวเคสสำหรับเก็บหูฟังวัสดุจะเป็นสีขาวแบบมันวาว ส่วนตัวฝาปิดเป็นเคสกึ่งโปร่งแสงที่กางเปิดได้ 110 องศา ทำให้เวลาที่เราปิดฝาก็จะมองเห็นตัวหูฟังอยู่ข้างใน ซึ่งข้อดีของเคสรูปแบบนี้นอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว ยังช่วยให้คุณเห็นว่ามีหูฟังเก็บชาร์จอยู่ข้างใน ไม่หลงหรือเผลอลืมว่าหูฟังเก็บเอาไว้เรียบร้อยหรือยัง
พอร์ตสำหรับชาร์จเป็นแบบ USB-C โดยที่ตัวเคสจะไม่รองรับการชาร์จแบบ Wireless Charge นะครับ
ด้านในเคส จะมีไฟ LED สำหรับแสดงสถานะของการชาร์จไฟว่ากำลังชาร์จตัวหูฟัง, ชาร์จเคส หรือว่าแบตเตอรี่ในเคสใกล้จะหมด ซึ่งพอมองทะลุฝาปิดที่โปร่งแสงก็ให้ความรู้สึกสวยงามไปอีกแบบ
ตัวฝาที่ออกแบบให้กางได้กว้างถึง 110 องศา ทำให้ถือเปิดฝาหูฟังด้วยมือเดียวก็ยังทำได้สบายๆ โดยที่ตัวหูฟังจะแปะติดในเคสชาร์จด้วยแม่เหล็กอย่างแน่นหนา
ดีไซน์ของตัวหูฟัง เป็นแบบ Ear pod ที่สวมใส่สบาย ไม่เหมือนกับหูฟังแบบ In Ear ที่จะเป็นจุกยัดเข้าไปในรูหู ทำให้เวลาใช้งานฟังต่อเนื่องนานๆ ไม่รู้สึกล้า และยังสามารถได้ยินเสียงจากภายนอกระหว่างที่สวมใส่ได้
สังเกตที่ตัวหูฟัง ก็จะมีการดีไซน์ให้ส่วนก้านด้านบนเป็นวัสดุใส่ ทำให้ได้ความรู้สึกที่โปร่งและเบา
ที่ด้านหลังของหูฟังทั้ง 2 ข้างที่จะเป็นจุดสัมผัสสำหรับการควบคุมการใช้งาน โดยการแตะ 2 ครั้งจะเป็นการเลือกเปลี่ยนเพลงต่อไป และใช้ในการกดรับ-วางสายโทรเข้า และเมื่อแตะค้างที่หูฟังฝั่งซ้ายจะเป็นการลดระดับเสียง ส่วนแตะค้างที่หูฟังฝั่งขวาจะเป็นการเพิ่มระดับเสียง และถ้าต้องการสั่ง pairing ก็ให้แตะที่หูฟังทั้ง 2 ข้างค้างไว้ 3 วินาทีเพื่อเปิดการเชื่อมต่อ
ในการใช้งานเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนของ OPPO สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่เปิดฝาเคสก็จะมีแจ้งเตือนที่หน้าจอสมาร์ตโฟนเพื่อเชื่อมต่อได้ทันที และเลือกปรับแต่งการใช้งานได้ในหน้า Setting ของอุปกรณ์เชื่อมต่อได้เลย ส่วนใครที่ใช้สมาร์ตโฟนยี่ห้ออื่นๆ แนะนำให้โหลดแอป HeyMelody เพื่อใช้งานร่วมกัน
พลังเสียงที่ทรงพลังมากขึ้น
OPPO Enco Air3 ใช้ไดรเวอร์ยูนิตไดนามิกขนาดใหญ่พิเศษ 13.4 มิลลิเมตร ให้เสียงเบสที่ทรงพลังและเสียงร้องที่ชัดเจน ตัวไดรเวอร์ที่มีขนาดใหญ่นี้ สามารถดันอากาศได้มากขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับหูฟังไร้สายรุ่นทั่วๆ ไปที่จะใช้ขนาด 12 มิลลิเมตร
นอกจากนี้ OPPO Enco Air3 ยังเป็นหูฟังไร้สายรุ่นแรกในช่วงราคาระดับนี้ ที่มีระบบ DSP(digital signal processor) มาให้ด้วย ทำให้การประมวลผลที่ดีกว่ารุ่นก่อนถึง 25 เท่า และยังประหยัดพลังงานมากขึ้น 35% มีอายุการใช้แบตเตอรี่นานขึ้น 50% และให้เสียงที่แม่นยำยิ่งขึ้น
ประสิทธิภาพการใช้งานครบครัน
การเชื่อมต่อไร้สายของ OPPO Enco Air3 รองรับมาตรฐาน Bluetooth 5.3 ที่มีค่าความหน่วงต่ำเพียง 94ms ทำให้เวลาใช้งานดูคลิป YouTube หรือดูหนังดูซีรีย์ใน Netflix ภาพและเสียงจะตรงกัน
รวมถึงยังสามารถใช้งานเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 เครื่อง ทำให้เวลาการจำเปลี่ยนไปใช้งานกับอุปกรณ์อื่น เราไม่ต้องตัดการเชื่อมต่ออุปกรณ์จากเครื่องเก่าแล้วไปต่อกับเครื่องใหม่ให้เสียเวลา ใช้สลับกับอุปกรณ์ที่เราใช้งานประจำได้สะดวกและรวดเร็ว
มาดูเรื่องของการใช้งานด้านพลังงาน ตัวแบตเตอรี่ของหูฟัง OPPO Enco Air3 จะสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสูงสุดถึง 6 ชั่วโมง และเมื่อใช้คู่กับการชาร์จในเคส ก็จะใช้งานได้นานสุดถึง 25 ชั่วโมง ถือว่าใช้งานตลอดทั้งวันได้อย่างหายห่วง
สรุป รีวิว OPPO Enco Air3
OPPO Enco Air3 เป็นหูฟังไร้สายแบบ Ear pod ระดับเริ่มต้น มีฟีเจอร์หลักให้มาคุ้มกับราคาค่าตัวที่ไม่แรงมาก เสียงเบสและเสียงร้องแยกมิติค่อนข้างชัดเจน เหมาะสำหรับการฟังเพลงในแต่ละวัน และการดูหนังดูคลิปเพื่อความเป็นส่วนตัว แบตเตอรี่ที่อึดกว่าเดิมใช้ต่อเนื่องได้นานกว่าเก่า
ดีไซน์สวยตั้งแต่ตัวเคสที่มีฝาปิดโปร่งแสง ส่วนตัวหูฟังที่มีน้ำหนักเบา สวมใส่สบายกระชับ ไม่หลุดง่าย มาพร้อมกับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP54 ที่สามารถกันน้ำกระเซ็นหรือใส่ออกกำลังกายในฟิตเนสก็ยังทนต่อเหงื่อได้
เสียงไมโครโฟนในการสนทนามี AI ช่วยตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้ปลายสายได้ยินเสียงพูดของเราชัดเจนมากขึ้น ในเวลาที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังอย่างระหว่างเดินทางในขนส่งสาธารณะ หรือในออฟฟิศสำนักงาน
จะมีข้อสังเกตสำหรับการใช้งานอยู่บ้างคือ จะไม่มีฟีเจอร์หยุดเพลงอัตโนมัติเมื่อถอดหูฟังออก และในการควบคุมเพลงไม่มีสั่ง Play/Pause
OPPO Enco Air3 มาในสีขาว Glaze White ราคา 1,999 บาท พร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป ที่ OPPO Brand Shop ทุกสาขาและตำแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ OPPO Enco Air3 ได้ที่ https://bit.ly/3je4MwG