Adobe เปิดตัว Firefly โมเดล Generative AI สำหรับงานครีเอทีฟ โดยในเบื้องต้นจะมุ่งเน้นที่การสร้างภาพและเอฟเฟ็กต์ข้อความ Firefly จะช่วยเพิ่มความถูกต้องแม่นยำ ประสิทธิภาพ และความสะดวกรวดเร็วให้กับเวิร์กโฟลว์ Creative Cloud, Document Cloud, Experience Cloud และ Adobe Express ซึ่งรองรับการสร้างและแก้ไขคอนเทนต์ โดย Firefly จะเป็นส่วนหนึ่งของชุดบริการ Adobe Sensei generative AI บนแพลตฟอร์มคลาวด์ของอะโดบี
อะโดบีมีประวัติที่ยาวนานมากกว่าหนึ่งทศวรรษในด้านนวัตกรรม AI โดยนำเสนอความสามารถอัจฉริยะหลายร้อยรายการผ่าน Adobe Sensei ในแอปพลิเคชั่นที่ผู้ใช้หลายร้อยล้านคนไว้วางใจเลือกใช้ ฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Neural Filters ใน Photoshop, Content Aware Fill ใน After Effects, Attribution AI ใน Adobe Experience Platform และ Liquid Mode ใน Acrobat ช่วยให้ลูกค้าของอะโดบีสามารถสร้าง แก้ไข วัดผล เพิ่มประสิทธิภาพ และรีวิวคอนเทนต์หลายพันล้านชิ้นได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ง่ายดาย แม่นยำ และเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ นวัตกรรมเหล่านี้ได้รับการพัฒนาและปรับใช้โดยสอดคล้องกับหลักจริยธรรมด้าน AI ของอะโดบี ทั้งในแง่ที่เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือ ความรับผิดชอบ และความโปร่งใส
Adobe Firefly มอบพลังพิเศษใหม่ๆ ให้กับครีเอเตอร์
อะโดบีออกแบบ Firefly เพื่อมอบพลังพิเศษให้กับครีเอเตอร์ทุกคนให้สามารถทำงานตามจินตนาการได้อย่างรวดเร็ว Firefly จะช่วยให้ทุกคนที่สร้างคอนเทนต์ ไม่ว่าจะมีประสบการณ์หรือทักษะมากน้อยเพียงใดก็ตาม สามารถใช้จินตนาการของตนเองเพื่อสร้างคอนเทนต์ในแบบที่พวกเขาต้องการ ตั้งแต่รูปภาพ เสียง เวกเตอร์ วิดีโอ และชิ้นงาน 3 มิติ ไปจนถึงองค์ประกอบด้านงานครีเอทีฟ เช่น พู่กัน การไล่ระดับสี และการแปลงวิดีโอ โดยทั้งหมดนี้สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน Firefly จะรองรับการผลิตคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบอย่างไร้ขีดจำกัด รวมถึงการปรับเปลี่ยนได้ตามใจ โดยทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว อะโดบีจะรวม Firefly เข้ากับเครื่องมือและบริการชั้นนำของอุตสาหกรรมโดยตรง ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของ Generative AI ภายในเวิร์กโฟลว์ที่มีอยู่ได้อย่างง่ายดาย
อะโดบีเปิดตัว Firefly รุ่นเบต้าวันนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าครีเอเตอร์ที่มีประสบการณ์และทักษะทุกระดับไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็สามารถสร้างภาพที่มีคุณภาพสูงและเอฟเฟ็กต์ข้อความที่น่าทึ่งได้ อะโดบีเชื่อว่าพลังที่สมบูรณ์ของเทคโนโลยีไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากจินตนาการอันยิ่งใหญ่ที่จะเติมพลังให้กับเทคโนโลยีนั้น ภายใต้การทดลองใช้งาน อะโดบีจะทำงานร่วมกับชุมชนครีเอเตอร์และลูกค้าเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญนี้ และจะผนวกรวมเข้ากับแอปพลิเคชั่นของอะโดบี โดยแอปพลิเคชั่นชุดแรกที่สามารถใช้ Firefly ได้แก่ Adobe Express, Adobe Experience Manager, Adobe Photoshop และ Adobe Illustrator
รูปภาพคุณภาพสูงที่รองรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ได้อย่างปลอดภัย
Firefly จะประกอบด้วยหลายโมเดลที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีชุดทักษะและความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่แตกต่างกัน โดยโมเดลเหล่านี้รองรับ use case ที่หลากหลาย โมเดลแรกสุดของอะโดบี จะได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับภาพ Adobe Stock, คอนเทนต์ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานได้อย่างเปิดเผย และคอนเทนต์สาธารณะที่ลิขสิทธิ์หมดอายุแล้ว โดยจะมุ่งเน้นที่รูปภาพและเอฟเฟ็กต์ข้อความ โดยสามารถสร้างคอนเทนต์ที่สามารถนำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ได้อย่างปลอดภัย ภาพลิขสิทธิ์ระดับมืออาชีพจำนวนหลายร้อยล้านภาพใน Adobe Stock เป็นส่วนหนึ่งของภาพที่มีคุณภาพสูงสุดในตลาด และช่วยรับประกันว่า Firefly จะไม่สร้างคอนเทนต์โดยอ้างอิงจากทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นหรือแบรนด์ต่างๆ โมเดล Firefly ในอนาคตจะใช้ประโยชน์จากทรัพยากร เทคโนโลยี และข้อมูลการเทรนที่หลากหลายจากอะโดบีและอื่นๆ และเมื่อมีการปรับใช้โมเดลอื่นๆ อะโดบีจะยังคงให้ความสำคัญกับการป้องกันอคติที่อาจเป็นอันตรายได้ (potential harmful bias)
อะโดบีออกแบบ Generative AI เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถใช้ประโยชน์จากทักษะและความคิดสร้างสรรค์ของตนได้อย่างเต็มศักยภาพ
- ช่วยให้ครีเอเตอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น: คอนเทนต์กำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงงานครีเอทีฟและงานออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผลการศึกษาล่าสุดของอะโดบีชี้ว่า 88% ของแบรนด์ระบุว่ามีความต้องการคอนเทนต์เพิ่มสูงขึ้นอย่างน้อยสองเท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และสองในสามคาดว่าจะเติบโตถึง 5 เท่าในอีกสองปีข้างหน้า อะโดบีใช้ประโยชน์จาก Generative AI เพื่อแบ่งเบาภาระดังกล่าว โดยนำเสนอโซลูชั่นที่จะช่วยทำงานได้สะดวกรวดเร็วขึ้น และชาญฉลาดมากขึ้น อีกทั้งลูกค้ายังสามารถฝึก Firefly โดยใช้ทรัพยากรของตนเอง เพื่อสร้างคอนเทนต์ในสไตล์ที่เป็นตัวเอง หรือตามสไตล์ของแบรนด์ได้อย่างง่ายดาย
- การตอบแทนแก่ครีเอเตอร์: จุดประสงค์หนึ่งของอะโดบีในการสร้าง Generative AI ก็คือ เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างรายได้จากความสามารถของตน เช่นเดียวกับที่อะโดบีทำกับ Adobe Stock และ Behance โดยอะโดบีกำลังพัฒนารูปแบบการจ่ายค่าตอบแทนสำหรับผู้มีส่วนร่วมใน Adobe Stock และจะแชร์รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากที่การทดลองใช้งาน Firefly เสร็จสิ้น
- สนับสนุนมาตรฐานเปิด: อะโดบีได้ก่อตั้ง Content Authenticity Initiative (CAI) เพื่อสร้างมาตรฐานสากลในการระบุแหล่งที่มาของดิจิทัลคอนเทนต์ที่เชื่อถือได้ ด้วยสมาชิกมากกว่า 900 รายทั่วโลก บทบาทของ CAI จึงมีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างมาก อะโดบีกำลังผลักดันมาตรฐานอุตสาหกรรมแบบเปิดโดยใช้เครื่องมือโอเพ่นซอร์สของ CAI ที่เปิดให้ใช้งานฟรี และได้รับการพัฒนาอย่างจริงจังผ่านองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร Coalition for Content Provenance and Authenticity (C2PA) เป้าหมายเหล่านี้ครอบคลุมถึงการใช้แท็ก “Do Not Train” ใน Content Credentials ของรูปภาพ เพื่อให้ครีเอเตอร์สามารถร้องขอไม่ให้ผู้อื่นนำเอาเนื้อหาคอนเทนต์ของตนไปใช้ในการเทรนโมเดล AI แท็ก Content Credentials จะยังคงเชื่อมโยงกับคอนเทนต์นั้นๆ ไม่ว่าจะถูกใช้งาน เผยแพร่ หรือจัดเก็บไว้ที่ใดก็ตาม นอกจากนี้ คอนเทนต์ที่สร้างโดย AI ก็จะถูกใส่แท็กด้วยเช่นกัน
- อีโคซิสเต็มของ Firefly: อะโดบีวางแผนที่จะทำให้ Firefly พร้อมใช้งานผ่าน API บนแพลตฟอร์มที่หลากหลายเพื่อให้ลูกค้าสามารถบูรณาการเข้ากับเวิร์กโฟลว์ที่ปรับแต่งและระบบอัตโนมัติได้
สามารถทดสอบลองใช้งาน Adobe Firefly ได้แล้ว ที่ https://firefly.adobe.com/