รีวิว Razer Hammerhead Hyperspeed หูฟังไร้สายแบบ In-ear รูปทรงขนาดเล็ก สวมใส่ง่าย มีระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง เชื่อมต่อกับเครื่องเกม, PC และสมาร์ทโฟน เล่นเกมได้แบบไม่มีหน่วงผ่านช่องสัญญาณ 2.4GHz หรือจะใช้ผ่าน Bluetooth ก็ได้ พร้อมลูกเล่นสีสัน Chroma RGB ตามสไตล์แบรนด์เกมมิ่ง ราคา 6,890 บาท
ตอนนี้กระแสความนิยมของหูฟังไร้สายแบบ In-ear สำหรับการเล่นเกมเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น กับข้อดีคือขนาดเล็กสวมใส่แล้วไม่อึดอัดแบบครอบหู โดยที่ให้คุณภาพเสียงที่แยกมิติได้ชัดเจน แถมยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลายๆ อย่างได้ เรียกได้ว่ามีอันเดียวก็ใช้ได้หมด
Razer Hammerhead Hyperspeed รุ่นที่ทีมงานล้ำหน้าเราได้มาทดสอบ รีวิว ครั้งนี้ มีความพิเศษตรงที่เป็นเวอร์ชันสำหรับ PlayStation 5 เรามาดูกันตั้งแต่แพ็กเกจและในกล่องว่ามีอุปกรณ์อะไรมาให้บ้าง
แกะกล่อง Razer Hammerhead Hyperspeed
โดยปกติแล้วแพ็กเกจผลิตภัณฑ์ของ Razer นั้นจะเป็นสีดำตัดด้วยสีเขียว แต่กับตัวนี้มีความพิเศษตรงที่เป็น Official Licensed Product ของทาง PlayStation ดีไซน์จึงเป็นสีขาวตัดด้วยสีน้ำเงิน และยังมีโลโก้ของทั้ง PlayStation และ PS5 อยู่บนกล่องด้วย ส่วนที่ด้านหลังกล่องจะมีสรุปฟีเจอร์ที่สำคัญมาเรียบร้อย
ภายในกล่องเมื่อเปิดมาจะมีตัวเคสที่มีหูฟังอยู่ด้านใน, USB Dongle, สายขาร์จ USB-A to USB-C แบบถัก, จุกซิลิโคนสำหรับเปลี่ยนได้อีก 2 ขนาด (รวมที่อยู่กับตัวหูฟังเป็น 3 ขนาด) เอกสารคู่มือใช้งานเบื้องต้น และ สติกเกอร์ Razer
ข้อมูลด้านเทคนิค สเปค Razer Hammerhead Hyperspeed
- น้ำหนัก หูฟัง ข้างละ 5 กรัม / เคส 43 กรัม
- แบตเตอรี่ (ปิดไฟ / ปิด ANC) : 6.5 ชั่วโมง รวมชาร์จในเคส 4 รอบได้ สูงสุด 32.5 ชั่วโมง
- แบตเตอรี่ (เปิดไฟ / เปิด ANC) : 4 ชั่วโมง รวมชาร์จในเคส 4 รอบได้ สูงสุด 20 ชั่วโมง
- ไดรเวอร์ ขนาด 10mm ค่าความต้านทาน 16 โอห์ม
- การตอบสนองความถี่: 20 Hz – 20 kHz
- ไมโครโฟนแบบ Omnidirectional ความไว -26 dBFS อัตราส่วนสัญญาณต่อเสียงรบกวน 64dB
- เชื่อมต่อไร้สาย : Bluetooth 5.2
- รองรับการใช้งานกับ : PlayStation 5, PC, Mac, สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, เครื่องเล่นเกม ที่รองรับการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth หรือพอร์ต USB-C และ USB-A
ถ้าคุณเป็นแฟนของ PlayStation ผมเชื่อว่าคุณจะชอบเจ้านี่แน่ๆ เพราะการออกแบบนั้นมีกลิ่นอายความเป็น PS5 อย่างเต็มเปี่ยม เริ่มกันที่ตัวเคสชาร์จกันก่อนเลย จะเป็นสีขาวที่เป็นพื้นผิวสัมผัสแบบด้าน เหมือนกับจอย DualSense ของ PS5 และที่ด้านหน้าจะมีโลโก้ PS สีเทา
ด้านล่างของตัวเคส จะมีพอร์ต USB-C สำหรับเสียบชาร์จแบตเตอรี่ โดยเวลาที่เสียบชาร์จไฟที่หน้าเคสจะมีไฟแสดงสถานะเป็นสีแดง และเมื่อชาร์จเต็มก็จะดับ และเวลาที่เปิดฝา ไฟจะแสดงผลบอกว่าแบตเตอรี่ของเคสมีมากน้อยแค่ไหน (สีฟ้า = แบตเตอรี่เต็ม, สีส้ม = แบตเตอรี่เหลือน้อย, สีแดงกระพริบ = แบตเตอรี่ใกล้หมด)
เปิดฝาเคสขึ้นมา ด้านในจะเป็นสีดำมันวาวตัดกับสีขาวอย่างสวยงาม ตัวหูฟังทั้ง 2 ข้างจะเป็นการเสียบไว้ด้านในของเคสชาร์จ ที่จะมีแม่เหล็กดูดไว้ทำให้เสียบไว้ไม่หลุดเวลาที่เปิดฝา
ดูกันที่รูปทรงของตัวหูฟังกันบ้าง วัสดุเป็นสีขาวแบบมันวาว ตัดกับตัวจุกซิลิโคนอุดหูเป็นสีดำ โดยที่ตัวจุกซิลิโคนจะมีให้มา 3 ขนาด S M L เพื่อให้เราเลือกขนาดที่เหมาะสมและสวมใส่แล้วแน่นกระชับ เพื่อให้ได้เสียงเวลารับฟังดีที่สุด
ที่ด้านหลังของหูฟังจะเห็นโลโก้ของ Razer อยู่ ที่ตรงจุดนี้จะเป็นจุดสัมผัสสำหรับสั่งการต่างๆ ได้เลย
- แตะ 1 ครั้ง : เล่น/หยุดเล่นเพลง, รับสายหรือวางสายโทร
- แตะค้างไว้ 2 วินาที : ตัดสายที่โทรเข้ามา, เปิดใช้งาน ANC
- แตะค้างไว้ 4 วินาที : เปิดใช้งานโหมดจับคู่ Bluetooth
- แตะ 2 ครั้ง : เปลี่ยนเพลงต่อไป
- แตะ 2 ครั้งแล้วแตะค้างไว้ : ลดระดับเสียง (แตะที่หูข้างซ้าย) เพิ่มระดับเสียง (แตะที่หูข้างขวา)
- แตะ 3 ครั้ง : สลับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth กับ USB
- แตะ 3 ครั้งแล้วแตะค้างไว้ : เปิดปิดโหมดเกม
นอกจากนี้ตรงโลโก้ Razer จะเป็นไฟแบบ Chroma RGB ที่สามารถเปลี่ยนสีและการแสดงผลได้
ก่อนเริ่มใช้งาน
เมื่อแกะกล่องมา สิ่งที่แนะนำให้คุณทำก่อนอย่างแรกเลย คือให้เสียบชาร์จตัวเคสและหูฟังครั้งแรกก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งตอนนี้ให้คุณเปิดมือถือแล้วเข้าไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Razer Audio มีให้โหลดทั้งระบบ iOS และ Android เมื่อติดตั้งเรียบร้อยแล้วให้ทำการเชื่อมต่อ Razer Hammerhead Hyperspeed กับตัวแอปให้เรียบร้อย เพราะว่าแอปตัวนี้จะเอาไว้สำหรับการปรับแต่งการใช้งานทั้งหมด
- แสดงสถานะแบตเตอรี่ของหูฟังทั้ง 2 ข้าง
- เปิดปิด ANC (Active Noise Cancellation)
- ปรับแต่งสี Chroma Effect
- เปิดปิดโหมด Do not Disturb
- ปรับแต่งเสียง Equalizer
- เปิดปิด Gaming Mode
- Quick Connect เลือกสลับการเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่น
Remap ปรับแต่งคำสั่งในการสัมผัสที่หูฟังตามที่เราต้องการ
Razer Chroma RGB สามารถเลือกปรับสีได้อย่างอิสระ และเลือกปรับเอฟเฟกต์ในการแสดงผลได้หลายอย่าง เช่น Static เปิดไฟนิ่งๆ, Spectrum เปลี่ยนสีไล่ตามสเปคตรัม, Breathing และ Audio Meter กระพริบตามจังหวะเพลง
การเชื่อมต่อที่หลากหลาย ครบถ้วน และไม่มีหน่วง
จุดเด่นที่น่าสนใจของ Razer Hammerhead Hyperspeed คือการเชื่อมต่อที่รองรับ 2 รูปแบบคือ Bluetooth 5.2 และแบบ 2.4GHz ผ่าน USB Dongle ที่มีคุณสมบัติการเชื่อมต่อที่มีความหน่วงของเสียงที่น้อยมาก ซึ่งทำให้การเล่นเกมเสียงไม่ดีเลย์ ตรง และแม่นยำ
โดยเฉพาะการเชื่อมต่อแบบ HyperSpeed ผ่าน USB-C นั้นต้องบอกว่าแทบจะไม่มีความหน่วงเลย เหมาะสำหรับการใช้แข่งขันเกมได้เลย และออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่าย
ตัดเสียงรบกวน ANC ได้ยินเสียงชัดเจน
เวลาที่คุณเล่นเกม ฟังเพลง หรือว่าดูซีรีย์ภาพยนตร์ สามารถตัดเสียงรบกวนที่อยู่รอบข้าง เพื่อให้ได้ยินเสียงจากหูฟังได้ดีที่สุด และการตัดเสียงเป็นแบบแอคทีฟตามการเปลี่ยนแปลงของเสียงต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ไมโครโฟน ENC คู่ ให้เสียงพูดชัดเจน
การตัดเสียงรบกวนยังมีให้กับเสียงพูดของเราด้วย ที่จะกรองเสียงดังต่างๆ รอบข้างออก ทำให้เวลาคุณพูดสนทนาเวลาที่โทรศัพท์ หรือแชทเสียงระหว่างเล่นเกม เพื่อนๆ ของเราจะได้ยินเสียงของเราที่ชัดเจนคมชัดดีมาก
สรุป รีวิว หลังลองใช้ Razer Hammerhead Hyperspeed
ด้วยความที่ผมเป็นแฟนของ PlayStation ก็คงให้คะแนนในส่วนของดีไซน์และสีสันเป็นพิเศษ เพราะมันแมทช์เข้ากันกับ PS5 มากๆ รวมถึงขนาดของเคสที่ใหญ่กำลังดี น้ำหนักไม่มาก และตัวหูฟังที่รูปทรงสวมแล้วกระชับ ไม่หนัก สวมใส่นานๆ ก็ไม่รู้สึกปวดหู
การสั่งงานด้วยการสัมผัส ในการใช้งานนั้นบางครั้งก็มีลั่นบ้างเวลาที่มือเผลอไปแตะโดน และการแตะหลายๆ ครั้งก็ต้องตั้งใจกดให้ดี ส่วนตัวคิดว่าถ้าปรับให้เป็นการบีบที่ก้านก็จะสะดวกและแม่นยำมากขึ้น
คุณภาพเสียงนั้น ทำได้ดีมากในเรื่องการเชื่อมต่อที่ไม่มีหน่วงเลย ถ้าใช้งานกับ iPhone หรือสมาร์ทโฟน ก็ต่อผ่าน Bluetooth แล้วเปิดโหมดเกม ก็คือเสียงตรงเป๊ะ และการใช้งานร่วมกับ USB Dongle ก็สะดวกสำหรับการใช้งานเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ แบบ Plug & Play เสียบปุ้บใช้ได้ปั้บทันที
แน่นอนว่า มันเหมาะสำหรับ PS5 เพราะออกแบบมาโดยเฉพาะ แต่จะเอาไปใช้กับ Nintendo Switch ก็ไม่มีปัญหา หรือจะใช้กับ iPad, MacBook หรือโน้ตบุ๊ค PC ก็เสียบได้ทันทีเช่นกัน แต่อาจจะลำบากนิดถ้าคอมพิวเตอร์คุณไม่มี USB-C คุณต้องไปหาอะแดปเตอร์มาแปลงก่อนจึงจะใช้ได้ และในกล่องก็ไม่มีแถมมาให้นะ
ข้อสังเกตอย่างนึงที่ต้องคำนึงคือ ตัวเคสนั้น ไม่มีที่เก็บ USB Dongle คือถ้าจะพกไปไหนมาไหน ก็ต้องระวังให้ดีว่าถ้าไม่ได้เสียบกับเครื่องไว้อาจจะเผลอลืม ทำหล่น หรือจำไม่ได้ว่าเก็บไว้ไหน ถ้าออกแบบให้มีขนาดที่เล็กกว่านี้ และเก็บรวมไว้กับเคสชาร์จได้ก็จะดีมากๆ
คุยกันเรื่องของเสียงบ้าง ต้องบอกว่าใช้ในการเล่นเกมได้ดี อย่างในการเล่นเกมแนวยิง FPS สามารถแสดงเสียงตามสภาพแวดล้อมและทิศทางในเกมได้ ให้ความรู้สึกที่สมจริง คมชัด แยกชิ้นของเสียงและมิติทำให้ได้ความสมจริงของการเล่นเกมมากขึ้น และได้การตัดเสียงของไมโครโฟน ก็ทำให้เวลาเล่นเกมไปคุยกับทีมเพื่อนทำได้ดี
แต่ในส่วนของเสียงในการฟังเพลงนั้น ต้องบอกว่าอยู่ในระดับที่กลางๆ แต่ก็มีให้ปรับ EQ ให้ได้คาแรคเตอร์เสียงที่ดีขึ้นได้พอสมควร สรุปแล้วเรื่องเสียงเพลงถือว่าพอโอเค
แบตเตอรี่ถ้าเปิดใช้งานแบบฟูลฟังค์ชั่น จากที่ลองใช้จริงก็จะได้เกือบๆ 4 ชั่วโมง แต่ถ้าอยากใช้ให้นานขึ้น แนะนำให้ปิดไฟ Chroma RGB ก็ช่วยยืดการใช้งานเพิ่มขึ้นได้อีกเกือบชั่วโมง และอีกอย่างที่ประทับใจคือการเสียบชาร์จที่ทำได้รวดเร็ว เก็บหูฟังเก็บใส่เคสไม่นานก็เต็มแล้ว แต่ก็น่าเสียดายนิดนึงตรงที่เคสไม่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย จึงต้องชาร์จผ่านสาย USB-C เพียงอย่างเดียว
สรุปหลังจากที่ลองแล้ว Razer Hammerhead Hyperspeed เหมาะสำหรับคนที่อยากได้หูฟังไร้สายตัวเดียวที่ใช้งานได้ทั้งการเล่นเกมบน PS5 บนคอม บนสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต จบครบในตัวเดียว ไม่ถนัดการใช้งานหูฟังแบบครอบหู ตัวนี้ถือว่าน่าสนใจ และดีไซน์อันเป็น PlayStation Edition ที่งดงามยิ่งนัก กับ ราคา ค่าตัวที่ 6,990 บาท ถือว่าปกติสำหรับแบรนด์งูเขียว แต่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับหูฟังรุ่นอื่นในตลาด แต่ถ้าหัวใจคุณคือเกมเมอร์ ผมเชื่อว่าคุณจะชอบหูฟังตัวนี้
สามารถดูรายละเอียดของสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ Razer.com