เปิดตัว Cisco 800G นวัตกรรมใหม่เพิ่มพลังให้กับ อินเทอร์เน็ต สำหรับอนาคต พัฒนาความคุ้มค่าและความยั่งยืนของระบบเครือข่ายสำหรับผู้ให้บริการและผู้ให้บริการระบบคลาวด์
Cisco เปิดตัวนวัตกรรม 800G ที่เพิ่มความคุ้มค่าและความยั่งยืนให้กับ อินเทอร์เน็ต สำหรับอนาคต เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อเกือบ 40% ของประชากรโลกที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือกลุ่มผู้ด้อยโอกาส
การเติบโตของ IoT, AI/ML
ขณะที่อุปกรณ์ IoT มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากหลายพันล้านเครื่องเป็นหลายล้านล้านเครื่อง ความต้องการแบนด์วิธก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยนอกจากจะรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่านเครือข่าย 5G และ Wi-Fi แล้ว ยังครอบคลุมไปถึงเวิร์กโหลด AI/ML ที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนข้อมูลเชิงลึกจาก IoT แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ อย่างเช่น Generative AI การค้นหาข้อมูล การประมวลผลภาษา และเครื่องมือแนะนำ กำลังขับเคลื่อนการเติบโตอย่างรวดเร็วของคลัสเตอร์ AI/ML ในสภาพแวดล้อมดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งต้องการแบนด์วิธมากกว่าเวิร์กโหลดแบบเดิม ๆ แฟบริก AI/ML จำเป็นต้องขยายขนาดโดยอาศัยเครือข่ายแกนกลางที่หนาแน่นมากขึ้น ซึ่งมีความสำคัญต่อการรองรับโปรเซสเซอร์จำนวนมากที่มีการหน่วงเวลาต่ำ รวมไปถึงการขยายขีดความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างดาต้าเซ็นเตอร์
การพัฒนา 800G สู่เครือข่ายที่หนาแน่นมากขึ้น
แม้ว่าการเติบโตของแบนด์วิธจะดูเหมือนไร้ขีดจำกัด แต่พื้นที่และพลังงานกลับมีอยู่อย่างจำกัด ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องใช้แพลตฟอร์มที่หนาแน่นและประหยัดพลังงาน ซิสโก้เพิ่มขีดความสามารถเป็นสองเท่าให้กับเครือข่ายแบ็คโบน, เมโทรคอร์ และเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ของลูกค้าที่เป็นผู้ให้บริการด้านการสื่อสารและลูกค้ากลุ่ม Webscale เมื่อเทียบกับโซลูชันโมดูลาร์ 400G/100G ทั้งนี้ ไลน์การ์ด 28.8Tbps / 36 x 800G สำหรับเราเตอร์ Cisco 8000 Series ถูกขับเคลื่อนด้วย Cisco Silicon One และจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ควบคู่ไปกับการปกป้องเงินลงทุนในระยะยาวสำหรับผู้ให้บริการด้านการสื่อสารและผู้ให้บริการระบบคลาวด์ที่ปรับเปลี่ยนเครือข่ายจากความจุ 100G เป็น 400G และ 800G นอกจากนี้ ลูกค้ายังได้รับประโยชน์จากการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วยการใช้ฮาร์ดแวร์น้อยลงในการขยายขนาดของเครือข่าย และการนำอุปกรณ์กลับมาใช้
เควิน วอลเลนวีเบอร์ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายระบบเครือข่าย ดาต้าเซ็นเตอร์ และการเชื่อมต่อผู้ให้บริการของซิสโก้ กล่าวว่า “เราขยายขีดความสามารถของ 800G อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับกรณีการใช้งานอื่น ๆ ตั้งแต่แฟบริค AI/ML ไปจนถึงเครือข่ายแกนหลัก เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพและความยั่งยืน โซลูชันใหม่ของเราสำหรับเครือข่ายหลักและเครือข่ายแกนกลางที่หนาแน่น ซึ่งใช้ไลน์การ์ดที่มีความหนาแน่นสองเท่าใหม่พร้อมด้วย Cisco Silicon One จะช่วยเร่งการปรับเปลี่ยนไปสู่ 800G ในทุก ๆ ที่”
ประโยชน์ที่สำคัญของระบบเราเตอร์Cisco 8000 Series แบบโมดูลาร์ที่ขับเคลื่อนด้วย Cisco Silicon One P100:
- ความคุ้มค่า: ด้วยการประหยัดพื้นที่มากถึง 83% ลูกค้าจึงสามารถสร้างเครือข่ายที่หนาแน่นมากขึ้น โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ เพื่อรองรับกรณีการใช้งานต่าง ๆ เช่น 5G, IoT, บรอดแบนด์ และ AI/ML นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ เช่น:
- ด้วยการเพิ่มความจุเป็นสองเท่าในแชสซีเดียวกัน แพลตฟอร์ม Cisco 8000 Series Router จึงช่วยประหยัดพื้นที่มากกว่าระบบแชสซีเดี่ยว 400G ถึงสองเท่า
- ระบบแชสซีเดี่ยว 800G สามารถรองรับแทรฟฟิกโหลดได้เทียบเท่ากับโซลูชันแชสซีแบบกระจาย 400G ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยลดการใช้พื้นที่ได้ถึง 6 เท่า และรองรับความเร็วสูงสุด 15 Tbps ต่อแร็คยูนิต
- ระบบโมดูลาร์ 800G ยังให้ความจุแบนด์วิธเทียบเท่ากับโซลูชัน 400G โดยประหยัดพลังงานได้สูงสุดประมาณ 68% จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมาก
- ความยั่งยืน: ด้วยการประหยัดพลังงานถึง 68% ระบบ 800G จึงช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน
- ระบบ 800G ถูกใช้งานทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ก็จะสามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่าระบบ 400G และจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 215,838 CO2e ต่อปี
- การลดก๊าซคาร์บอนในปริมาณดังกล่าวคาดว่าจะเทียบเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการชาร์จสมาร์ทโฟน 40 ล้านเครื่อง หรือการเผาไหม้ถ่านหิน 366,923 ปอนด์ต่อปี[1]
- นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถนำเอาอุปกรณ์ทั่วไปกลับมาใช้ได้เมื่ออัพเกรดเป็นระบบ 800G จึงช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้อีกทางหนึ่ง
- นวัตกรรมทางสถาปัตยกรรม: ไลน์การ์ดรุ่นใหม่นี้ขับเคลื่อนด้วย Cisco Silicon One P100 ASICs และออปติกแบบเสียบได้ของซิสโก้ และให้ความเร็วในการเชื่อมต่อที่สูงมากสำหรับระบบโมดูลาร์ Cisco 8800 Series โดยคุณสมบัติที่สำคัญมีดังนี้:
- เทคโนโลยี 100G SerDes ที่ก้าวล้ำช่วยให้ลูกค้าเพิ่มความหนาแน่นของพอร์ต 400G ที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นสองเท่า และเพิ่มความหนาแน่นของพอร์ต 100G ได้ถึง 8 เท่าในฟอร์มแฟคเตอร์เดียวกัน โดยรองรับพอร์ต 72 x 400G และ 288 x 100G ต่อสล็อต
- ความสามารถในการปรับเพิ่มขนาดไปสู่ 800G เพื่อรองรับความต้องการแทรฟฟิกที่เพิ่มขึ้น โดยใช้แชสซีแบบ 4, 8, 12 และ 18 สล็อต ลูกค้าจะสามารถเพิ่มความจุได้สูงสุด 518 Tbps ด้วยระบบ 800G แบบโมดูลาร์ที่มี 18 สล็อต
- รูปแบบ Flexible Consumption Model ซึ่งคิดค่าใช้จ่ายตามการเติบโต จะช่วยให้ลูกค้ารองรับการติดตั้งใช้งานที่เหมาะกับอนาคต ด้วยการกำหนดขนาดเครือข่ายที่เหมาะสม การเพิ่มเติมความจุเมื่อเวลาผ่านไปเพื่อให้สอดคล้องกับผลประกอบการของธุรกิจ
- ออปติกแบบเสียบได้รุ่นใหม่ของซิสโก้ช่วยปกป้องเงินลงทุน เพราะสามารถใช้งานร่วมกับตัวรับส่งสัญญาณแบบเสียบได้ QSFP ที่มีอยู่
- ความสะดวกในการจัดการ: ด้วยแดชบอร์ดการแสดงผลขั้นสูง การตรวจสอบบริการพร้อมด้วยข้อมูลเชิงลึกที่รองรับการดำเนินการ และการปรับแต่งเครือข่ายแบบวงปิด ลูกค้าจึงสามารถตรวจพบและแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้น
- ด้วยการปรับปรุงล่าสุดใน Crosswork Network Automation จึงสามารถเพิ่มองค์ประกอบและบริการเครือข่ายได้รวดเร็วขึ้นอย่างมาก
- ฟีเจอร์ใหม่ IOS XR Path Tracing รองรับการตรวจสอบแบบ hop-by-hop สำหรับเส้นทางของแพ็คเก็ตข้อมูลบนเครือข่าย
การตอบสนองของภาคอุตสาหกรรม:
“จากการวิจัยตลาดที่กว้างขวางและการวิเคราะห์แทรฟฟิก เราคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องของแทรฟฟิกข้อมูลผ่านบริการบนเครือข่ายพื้นฐานและเครือข่ายไร้สาย ซึ่งรวมถึง 5G, บรอดแบนด์, IoT และคลาวด์ แนวโน้มดังกล่าวทำให้เครือข่ายอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการปรับขนาดไปสู่ 800G ในอนาคตโดยใช้โซลูชันต่างๆ อย่างเช่น Cisco 8000 จะเป็นที่ต้องการ ทั้งยังช่วยให้ผู้ให้บริการและผู้ให้บริการระบบคลาวด์ปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ความยั่งยืน และประสบการณ์สำหรับผู้ใช้”
ไซมอน เชอร์ริงตัน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Analysys Mason
“ภายใต้ความร่วมมือกับซิสโก้ เราแสวงหาแนวทางใหม่ ๆ ในการสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่งในตลาด และปรับปรุงผลประกอบการของธุรกิจ โดยอาศัยโครงสร้างพื้นฐานที่คล่องตัวและปลอดภัยในทุกขั้นตอนของเส้นทางการใช้งานเทคโนโลยี ในฐานะผู้ขับเคลื่อนหลักสำหรับวิสัยทัศน์ Vision 2030 ของประเทศ เราต้องมั่นใจว่าเทคโนโลยีของเราอยู่ในระดับแนวหน้าของนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ด้วยนวัตกรรมโมดูลาร์ 800G และ Silicon One P100 บน Cisco 8000 Series เรายังคงมุ่งมั่นที่จะยกระดับการเชื่อมต่อบนคลาวด์และการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มธุรกิจ stc สามารถจัดหาบริการที่มีประสิทธิภาพสูงและต้นทุนต่อบิตที่ต่ำกว่าให้แก่ลูกค้าของเรา”
เบเดอร์ ออลฮีบ ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐาน stc ของ stc
“Colt มุ่งมั่นสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนภายใต้แนวคิด ESG By Design ซึ่งครอบคลุมทุกส่วนของธุรกิจ โดยจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีแนวทางการดำเนินงานสอดคล้องกับค่านิยมของเรา และมุ่งมั่นที่จะสร้างโลกที่สะอาดและดีกว่าเดิม นวัตกรรมระบบเราติ้งล่าสุดของซิสโก้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทในการค้นหาวิธีที่มีประสิทธิภาพสำหรับการขยายขนาดความจุ พร้อมทั้งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนับเป็นก้าวที่สำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ยั่งยืนสำหรับอนาคต”
เคลซี่ ฮอปคินสัน, รองประธานฝ่าย ESG ของ Colt Technology Services
“หลังจากการติดตั้งแบ็คโบน FLRnet4 400G ของ Florida LambdaRail ปัญหาเรื่องพื้นที่ติดตั้งได้กลายเป็นหนึ่งในข้อกังวลหลักของเรา เนื่องจากเราได้ใช้พื้นที่ติดตั้งจนหมดเกลี้ยงแล้วในไซต์หลายแห่งของเรา การผสานรวมความสามารถด้าน Forwarding ที่ดีเยี่ยม ประสิทธิภาพการดำเนินงาน และระบบปฏิบัติการเครือข่าย IOS XR ที่เชื่อถือได้ ทำให้ Cisco 8000 Series เป็นตัวเลือกที่ชัดเจนสำหรับเครือข่ายใหม่ของเรา เรารู้สึกพอใจอย่างมากกับตัวเลือกดังกล่าว เพราะนอกจากจะช่วยให้เรามีเครือข่ายที่ล้ำสมัยแล้ว โซลูชัน Cisco 8000 Series ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และทำให้เรามีงบประมาณเพียงพอสำหรับการขยายเครือข่ายของเราในปีต่อ ๆ ไป”
คริส กริฟฟิน หัวหน้าสถาปนิกเครือข่ายของ Florida LambdaRail
[1] ที่มา: การทดสอบในห้องปฏิบัติการภายในของซิสโก้, เอกสารข้อมูล, เครื่องคำนวณพลังงาน, การประมาณค่าปัจจัยการปล่อยมลพิษทั่วโลก และเครื่องคำนวณการเทียบเท่าของก๊าซเรือนกระจกของหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม