Dyson พาสำรวจไลน์อัพผลิตภัณฑ์ใหม่ปี 2023 สำหรับการทำความ สะอาด บ้าน อย่างชาญฉลาด เพื่อสุขอนามัยในบ้านที่ดีของทุกคนในครอบครัว
Dyson เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับสุขอนามัยที่ดีในครัวเรือน พร้อมทั้งเผยเทคโนโลยีสุดล้ำ ที่รวบรวมระบบอัตโนมัติ ซอฟต์แวร์ขั้นสูง และระบบอัจฉริยะเข้าด้วยกัน เพื่อมอบประสิทธิภาพการทำความ สะอาด ที่ดีที่สุด โดย จอห์น เชอร์ชิลล์ (John Churchill) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Dyson (Chief Technology Officer at Dyson) ได้เปิดตัวนวัตกรรมล่าสุดนี้ ณ สำนักงานใหญ่ (St James Power Station) ประเทศสิงคโปร์ พร้อมเผยวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอนาคตของสุขอนามัยภายใน บ้าน ที่มีต้นกำเนิดจากความเชี่ยวชาญของ Dyson ที่มุ่งมั่นพัฒนาในเทคโนโลยีการกรองอากาศ การไหลเวียนของอากาศ มอเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวิทยาการหุ่นยนต์มาหลายทศวรรษ
“วิทยาการหุ่นยนต์ ระบบตรวจจับ และระบบอัจฉริยะ ล้วนถูกพิจารณาว่าเป็น “นวัตกรรมแห่งอนาคต” แต่ที่ Dyson สิ่งเหล่านี้นับเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเรามาอย่างยาวนาน วิศวกรของเราได้นำเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาปรับใช้ พร้อมทั้งมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดภาระ ประหยัดเวลา และลดอุปสรรคต่าง ๆ ในการรักษาสุขอนามัยภายในครัวเรือน ซึ่งนี่เป็นแนวคิดที่วิศวกรของเรายึดมั่นมาโดยตลอด
โดยบ้านในอนาคตจากวิสัยทัศน์ของ Dyson คือบ้านที่สะอาดได้โดยเราไม่ต้องลงแรงทำความสะอาดเอง และนวัตกรรมในผลิตภัณฑ์ใหม่ของเรานั้นสามารถตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มาพร้อมแรงดูดทรงพลัง เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะที่สามารถกรองอากาศในพื้นที่กว้างได้ รวมไปถึงเครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีหัวดูดทำความสะอาดแบบมัลติฟังก์ชันที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน” จอห์น เชอร์ชิลล์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Dyson กล่าว
แม้ในปีที่ผ่านมาเราจะพบว่าระยะเวลาในการทำความสะอาดบ้านของผู้คนนั้นลดลง แต่ยังคงใช้เวลา 25 นาทีต่อสัปดาห์ หรือเทียบเป็น 65 ชั่วโมงต่อปีในการดูดฝุ่นภายในบ้าน ดังนั้นระบบตรวจจับ ซอฟต์แวร์ และระบบอัติโนมัติ จึงเป็นหัวใจสำคัญในการทำงานของผลิตภัณฑ์ Dyson ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดูดฝุ่นหรือเครื่องฟอกอากาศ เพราะนวัตกรรม และเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นตัวขับเคลื่อนให้ผลิตภัณฑ์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และมอบการปฎิบัติการที่เหมาะสม ซึ่งการทำงานที่สอดคล้องกันนี้เริ่มตั้งแต่ตัวซอฟต์แวร์ที่ส่งผลต่อการตรวจจับที่แม่นยำ ระบบไฟฟ้า และระบบอัตโนมัติ รวมไปถึงกลไกภายในผลิตภัณฑ์ อย่างมอเตอร์ ตัวกรอง และตัวดักจับอนุภาค หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถเข้าใจถึงสภาพแวดล้อมพร้อมตอบสนองได้อย่างอัตโนมัติ
เซ็นเซอร์และซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งในผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Dyson ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้การทำงานของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการในการใช้งาน และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Dyson 360 Vis Nav มีเซ็นเซอร์สำหรับตรวจจับตำแหน่งของมุมห้องมาช่วยแก้ไขปัญหาการทำความสะอาดได้ไม่ถึงบริเวณขอบห้องของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทั่วไป โดยเมื่อเซ็นเซอร์ตรวจจับมุมห้องได้แล้ว เครื่องดูดฝุ่นจะเปลี่ยนทิศทางการทำงานด้วยมอเตอร์ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวด้านข้าง เพื่อการเข้าทำความสะอาดบริเวณขอบหรือมุมห้องได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ระบบประมวลผลระดับสูงในตัวเครื่องยังสามารถวิเคราะห์ ปรับเปลี่ยน รวมถึงระบุตำแหน่งเป้าหมายได้ในระยะ 71 มิลลิเมตรอีกด้วย
เครื่องดูดฝุ่นไร้สายของ Dyson มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Acoustic Piezo ในการระบุจำนวนและจำแนกประเภทของอนุภาคต่าง ๆ ที่ดูดจับมา และแจ้งเตือนผู้ใช้งานผ่านจอ LED ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ช่วยในการคำนวณกำลังดูดที่ต้องใช้ พร้อมช่วยปรับระดับกำลังดูดได้อย่างอัตโนมัติ
เครื่องฟอกอากาศ Dyson Purifier Big+Quiet Formaldehyde ประกอบด้วยเซ็นเซอร์แบบผสม เซ็นเซอร์ในตัวเครื่องจะคอยวิเคราะห์อากาศและมลภาวะโดยรอบอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อัลกอริทึมแบบเฉพาะของ Dyson จะตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลต่าง ๆ ทุกวินาที พร้อมสามารถวิเคราะห์คุณภาพอากาศภายในห้อง หรือสั่งเปิดระบบฟอกอากาศอัตโนมัติเมื่อมลภาวะในห้องเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสามารถสั่งปิดการใช้งานได้อัตโนมัติเมื่ออากาศในห้องสะอาดดีแล้ว นอกจากนั้นเซ็นเซอร์กำจัดฟอร์มาลดีไฮด์แบบโซลิดสเตตโซลิดสเตต (Solid-state) ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องฟอกอากาศนี้ ยังสามารถตรวจจับฟอร์มาลดีไฮด์ได้อย่างแม่นยำโดยไม่รวมข้อมูลกับจำนวนก๊าซ และสารอินทรีย์ระเหยง่ายต่าง ๆ (VOCs)
เครื่องดูดฝุ่น Dyson Gen5detect ประกอบด้วยซอฟต์แวร์ที่ทำให้เซ็นเซอร์สามารถตรวจสอบความเร็ว รวมถึงอุณหภูมิของมอเตอร์ขณะใช้งานได้ อีกทั้งยังมีการปรับปรุงหน้าจอการแสดงผลที่ช่วยระบุความผิดปกติของเครื่องดูดฝุ่น ทำให้ผู้ใช้งานสามารถทราบถึงความขัดข้องของตัวเครื่อง และดูแลรักษาเครื่อดูดฝุ่นด้วยตัวเองได้ อีกทั้งยังมีการติดตั้งซอฟต์แวร์ Over-the-air ที่ช่วยให้เครื่องดูดฝุ่นสามารถอัปเกรดคุณสมบัติต่าง ๆ และการปรับปรุงคุณภาพได้อย่างอัตโนมัติอีกด้วย
Dyson มีการพัฒนาเทคโนโลยีมอเตอร์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีพ.ศ. 2547 จนถึงในปัจจุบัน มีการลงทุนไปแล้วมากกว่า 350 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง ทั้งในด้านการวิจัย ห้องปฏิบัติการทดลอง ทีมผู้เชี่ยวชาญ และความสามารถในการผลิต
โดยมอเตอร์ใหม่ Dyson Hyperdymium รุ่นที่ 5 มีขนาดที่เล็กกว่า หมุนเร็วกว่า และทรงพลังมากกว่ารุ่นก่อน ๆ ด้วยแรงหมุนมากถึง 135,000 รอบต่อนาที ซึ่งแรงกว่าเครื่องยนต์ Formula One ถึง 9 เท่า และพลังของมอเตอร์ Dyson Hyperdymium รุ่นที่ 5 นี้เอง จะทำให้เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson Gen5detect มีแรงในการดูดสูงถึง 262 แอร์วัตต์ เพื่อมอบประสิทธิภาพในการทำความสะอาดที่ดีเยี่ยม
เป็นเวลามากกว่า 30 ปีแล้วที่การแยกอนุภาคด้วยแรงลมและตัวกรอง คือหัวใจหลักของผลิตภัณฑ์จาก Dyson ซึ่งเราได้ลงทุนในการสร้างห้องปฏิบัติการทดลองรวมถึงแท่นทดสอบที่วัดประสิทธิภาพการกรอง ที่ไม่ได้วัดแค่ประสิทธิภาพตัวกรอง (Filter) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่อุตสาหกรรมกำหนดเท่านั้น แต่ยังวัดประสิทธิภาพในการกรองของผลิตภัณฑ์จาก Dyson พร้อมทั้งยังมุ่งมั่นพัฒนากระบวนการทดสอบทั้งหมดในผลิตภัณฑ์เครื่องดูดฝุ่น และเครื่องฟอกอากาศของเราอีกด้วย
โดยเครื่องดูดฝุ่นจาก Dyson มาพร้อมเทคโนโลยีการกรอง 5 ระดับ ในถังที่ปิดผนึกอย่างแน่นหนา โดยเริ่มจากตัวกรองที่ช่วยแยกสารด้วยเทคโนโลยีไซโคลน (Cyclonic separation) หรือเทคโนโลยีดักจับฝุ่นและสิ่งสกปรกออกจากกระแสลมในถังแยกสาร ไปจนถึงไซโคลนแพ็ค (Cyclone pack) ตัวกรองตาข่ายเหล็ก และตัวกรองก่อนและหลังมอเตอร์ เพื่อการแยกอนุภาคขนาดต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเครื่องฟอกอากาศ Dyson ประกอบไปด้วยตัวกรอง 3 ชั้น ที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพการกรองอากาศระดับสูงภายในอาคาร สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กได้ถึง 0.1 ไมครอน[2] ด้วยตัวกรองใยแก้ว HEPA พร้อมทั้งยังสามารถดักจับก๊าซมลพิษ ดูดซับไนโตรเจนไดออกไซด์3 (NO2) และสลายโมเลกุลฟอร์มาลดีไฮด์ได้อย่างต่อเนื่อง4
HEPA H13 คือมาตรฐานตัวกรองของตัวกรอง HEPA ซึ่งการที่เครื่องฟอกอากาศหรือเครื่องดูดฝุ่นสามารถผ่านมาตรฐาน HEPA H13 ได้ หมายถึงว่า มลภาวะหรืออนุภาคใดก็ตามที่เข้าไปข้างในเครื่องนั้นแล้ว จะไม่มีวันกลับออกมาด้านนอก ทำให้เห็นถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่ปิดผนึกที่มิดชิด ไม่มีช่องว่างให้สิ่งสกปรกหรืออากาศที่ยังไม่ได้ถูกกรองแล้วออกจากตัวเครื่อง ซึ่งหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Dyson 360 Vis Nav5 เครื่องฟอกอากาศ Dyson Purifier Big+Quiet Formaldehyde และเครื่องฟอกอากาศ Dyson HEPA Big+Quiet purifier ได้รับการรับรองแล้วว่าผ่านมาตรฐาน HEPA H13 และเครื่องดูดฝุ่น Dyson Gen5detect รวมถึงเครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่ล่าสุดของ Dyson ทั้งสองรุ่นก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถดักจับไวรัสได้
หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Dyson 360 Vis Nav
นับเป็นอีกก้าวของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะจาก Dyson มาพร้อมกับพลังดูดทรงพลังที่สุดซึ่งมากกว่าผลิตภัณฑ์ดูดฝุ่นอื่นถึง 6 เท่า พร้อมได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยีเฉพาะที่ทำให้หุ่นยนต์สร้างแผนที่ของสภาพแวดล้อมโดยรอบขณะกำลังเคลื่อนที่และสามารถระบุตำแหน่งของตัวเองไปพร้อมกันได้ (Simultaneous Localisation and Mapping) โดยหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Dyson 360 Vis Nav มีระบบการมองเห็น 360 องศา พร้อมเลนส์
ฟิชอายแบบครึ่งวงกลมที่ช่วยในการจดจำตำแหน่งที่เคยไปมา ตรวจจับบริเวณที่ควรเข้าไปทำความสะอาด และสามารถสร้างแผนที่ฝุ่นในบ้านของคุณได้อย่างชาญฉลาด โดยมีระบบประมวลผลระดับสูงไว้เก็บข้อมูลจากเซ็นเซอร์ทั้ง 26 ตัวเพื่อมอบการทำงานรูปแบบต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม รวมถึงการตรวจจับฝุ่น การหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง และการตรวจจับผนัง เพื่อที่จะได้ทำความสะอาดได้แบบจรดขอบ และเข้าถึงทุกซอกทุกมุม
โดดเด่นด้วยด้ามแปรงใหม่ที่ทำงานแบบ Triple-action เต็มความกว้าง อย่างแปรงไนลอน ‘Fluffy’ สำหรับเก็บเศษขยะขนาดใหญ่ และเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์ที่ทำหน้าที่ต้านไฟฟ้าสถิตเพื่อแยกฝุ่นผงขนาดเล็กออกจากพื้นแข็ง มาพร้อมขนแปรงไนลอนแบบแข็งที่สามารถใช้กับพื้นพรมได้ และระบบกันสั่นช่วงล่างแบบดูอัลลิงก์ (Dual link) ที่ช่วยให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นสามารถขึ้นไปยังพื้นต่างระดับได้สูงถึง 21 มิลลิเมตร และด้วยรูปทรงที่แบนและต่ำทำให้สามารถเข้าไปทำความสะอาดใต้เฟอร์นิเจอร์ได้ที่ความต่ำสุด 99 มิลลิเมตร หลังจากใช้งานไป 50 นาที6 ตัวเครื่องจะกลับไปชาร์จที่แท่นชาร์จโดยอัตโนมัติ และแอปพลิเคชัน MyDyson จะรายงานการทำความสะอาดหลังใช้งานในแต่ละครั้ง
“หุ่นยนต์ดูดฝุ่นควรเป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาความสะอาดบ้านของคุณได้อย่างชาญฉลาดโดยที่ไม่จำเป็นต้องทำเอง การใช้งานเครื่องดูดฝุ่นเหล่านี้ต้องอาศัยอัลกอริทึมในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน การตีความข้อมูลด้วยสิ่งที่เห็น ความสามารถในการตรวจจับฝุ่น รวมไปถึงเทคโนโลยีสำหรับมอเตอร์ที่ทรงพลัง ซึ่งวิศวกรของเราได้นำทุกสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการพัฒนาเครื่องดูดฝุ่นของเรามาประยุกต์เข้ากับซอฟต์แวร์อัจริยะเพื่อพัฒนา Dyson 360 Vis Nav หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะที่ทรงพลังที่สุดของเรา”
เจค ไดสัน (Jake Dyson) หัวหน้าทีมวิศวกรของ Dyson (Chief Engineer at Dyson) กล่าว
เครื่องฟอกอากาศ Dyson Purifier Big+Quiet Formaldehyde
เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่โล่งขนาดใหญ่โดยเฉพาะ ส่วนเครื่องฟอกอากาศ Dyson HEPA Big+Quiet Purifier ถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่ายเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่เชิงพานิชย์ อย่างเช่นสำนักงาน ร้านค้า หรือสถานีบริการ โดยรูปร่างที่คล้ายกรวยของตัวเครื่องถูกออกแบบมาตามหลักการอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamics) ที่ทำให้สามารถฟอกอากาศได้ไกลถึง 10 เมตร รวมถึงเซ็นเซอร์ใหม่สำหรับตรวจจับคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)7 จะช่วยระบุว่าควรฟอกอากาศตอนไหน นอกเหนือจากความสามารถในการฟอกอากาศอันทรงพลังแล้ว Dyson Purifier Big+Quiet ยังถูกออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างเงียบเชียบ โดยทำให้เกิดเสียงเพียงแค่ 56 เดซิเบลเท่านั้น ทำให้นี่เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศที่เงียบแต่ทรงพลังที่สุดของ Dyson
ตัวกรอง HEPA H13 มีอายุการใช้งาน 5 ปี สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กพิเศษได้ 99.95%8 ขณะที่ตัวกรองตัวใหม่อย่าง K-Carbon จะกำจัดก๊าซ9และไนโตรเจนออกไซด์ (NO2) ซึ่งเป็นมลพิษได้มากถึง 3 เท่า10 และแผ่นกรอง Selective Catalytic Oxidation (SCO) สามารถกำจัดฟอร์มาลดีไฮด์ได้ถาวรตลอดอายุการใช้งาน11 โดยเซ็นเซอร์จะตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคารอย่างต่อเนื่อง และจะรายงานผลอากาศแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน MyDyson12
เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson Gen5detect
ใช้เทคโนโลยีมอเตอร์ Hyperdymium รุ่นที่ 5 สร้างพลังดูดที่ไม่มีใครเทียบได้ และมีความสามารถในการดักจับไวรัสภายในบ้านของคุณ เครื่องดูดฝุ่นไร้สายนี้มีตัวกรอง HEPA ภายในระบบถังปิดผนึกทั้งตัวเครื่อง โดยออกแบบมาเพื่อให้สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็ก 0.1 ไมครอนได้ถึง 99.99%13 พร้อมกับไซโคลน 14 ตัวที่สามารถคัดแยกฝุ่นออกจากกระแสลมโดยไม่ต้องสูญเสียพลังดูด14 จึงมั่นใจได้ว่าคุณจะทำความสะอาดได้อย่างหมดจดในทุกครั้ง มาพร้อมกับหัวดูดทำความสะอาด Fluffy Optic ตัวใหม่ซึ่งมีความสว่างของแสงเลเซอร์และขนาดที่เพิ่มขึ้น15 จะทำให้คุณมองเห็นฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ชัดขึ้น 2 เท่าและรู้จุดที่ควรทำความสะอาดได้อย่างแม่นยำ โดยแบตเตอรี่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังงานแบบถอดใส่ได้สามารถมอบพลังดูดให้คุณได้นานต่อเนื่องถึง 70 นาที
เครื่องดูดฝุ่น Dyson V15s Detect Submarine และ Dyson V12s Detect Slim Submarine
มาพร้อมกับหัวดูดทำความสะอาดลูกกลิ้งแบบเปียก Dyson Submarine ซึ่งสามารถปล่อยน้ำทำความสะอาดออกมาในปริมาณที่เหมาะสม สำหรับการกำจัดรอยเปื้อน คราบสกปรก และเศษขยะชิ้นเล็กบนพื้นแข็งได้อย่างหมดจด หัวดูดทำความสะอาดลูกกลิ้งแบบเปียกนี้ถูกออกแบบทางวิศวกรรมด้วยระบบไฮเดรชัน (Hydration) 8 จุด ที่ใช้ช่องแรงดันช่วยกระจายน้ำให้เต็มความกว้างของลูกกลิ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นเปียกจนเกินไปหลังการทำความสะอาด
ลูกกลิ้งมอเตอร์ไมโครไฟเบอร์สามารถกำจัดรอยเปื้อน คราบสกปรกฝังลึก และเศษขยะชิ้นเล็ก ครอบคลุมพื้นที่ถึง 110 ตารางเมตร ด้วยถังบรรจุน้ำขนาด 300 มิลลิลิตร แผ่นโลหะภายในจะแยกน้ำที่ปนเปื้อนกับสิ่งสกปรกออกจากหัวลูกกลิ้งและทิ้งในถังน้ำเสียที่แยกต่างหาก ผู้ใช้งานจึงสามารถมั่นใจได้ว่าฝุ่นและเศษขยะจะไม่กลับไปอยู่บนพื้นอีก การออกแบบหัวดูดทำความสะอาดลูกกลิ้งแบบเปียก Dyson Submarine มีรูปทรงต่ำและด้ามแปรงยาวซึ่งช่วยกำจัดฝุ่น คราบสกปรก และเศษขยะชิ้นเล็กที่อยู่ใต้เฟอร์นิเจอร์หรือจุดที่เข้าถึงยากได้อย่างง่ายดาย
ติดตามข่าวสารผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Dyson ปี 2023 เพิ่มเติมที่ https://www.dyson.co.th/