Salesforce เปิดตัว นวัตกรรม AI ใหม่ล่าสุดหลายรายการ มุ่งมั่นยกระดับ Customer Experience ให้ธุรกิจทั่วโลก ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
เมื่อเร็ว ๆ นี้ Salesforce (เซลส์ฟอร์ซ) ประกาศเปิดตัว นวัตกรรม AI ล่าสุดหลายรายการสำหรับ Data Cloud แพลตฟอร์มข้อมูลรูปแบบเรียลไทม์ และสำหรับ Customer 360 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม CRM ครบวงจรของเซลส์ฟอร์ซ ซึ่งนวัตกรรมใหม่ ๆ เหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ด้วยวิธีใหม่ ๆ พร้อมกับสามารถปรับแต่งประสบการณ์เฉพาะบุคคล ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ารายบุคคลในทุกแง่มุมให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
Einstein GPT และ Data Cloud for Flow ช่วยให้องค์กรมีระบบอัจริยะและออโตเมชัน
Einstein GPT รุ่นใหม่ล่าสุดและ Data Cloud สามารถใช้งานบน Flow กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องมืออัตโนมัติของ เซลส์ฟอร์ซ ซึ่งเมื่อนำ Flow มาใช้กับ Data Cloud ซึ่งได้ทำการรวมข้อมูลของลูกค้าจากทุกช่องทางและทุกปฏิสัมพันธ์ไว้ในโปรไฟล์เดียวลูกค้าและสามารถอัพเดทได้แบบเรียลไทม์ จะทำให้สามารถใช้ระบบออโตเมชันเพื่อสร้างเวิร์คโฟล์วที่ซับซ้อนและสร้างแอคชัน (Trigger action) โดยอิงจากข้อมูลล่าสุดแบบเรียลไทม์ ยกตัวอย่างเช่น บิซิเนสยูเซอร์และแอดมินสามารถบอกความต้องการได้ว่าต้องการสร้างโฟลว์ประเภทใด และจะได้เห็นโฟลว์ทั้งหมดนั้นถูกสร้างขึ้นทันทีแบบเกือบจะเรียลไทม์ โดยไม่ต้องเสียเวลาสร้างแต่ละโฟลว์ด้วยตนเองทีละขั้นตอน
Einstein GPT คือเทคโนโลยี Generative AI บน CRM ของเซลส์ฟอร์ซ และเมื่อนำมาใช้กับ Flow ผู้ใช้สามารถสร้างและปรับแต่งระบบออโตเมชันโดยใช้อินเทอร์เฟซการสนทนา (Conversational Interface) ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนของกระบวนการสร้างโฟลว์และลดความยากสำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้ด้านเทคนิคลงได้อย่างมาก นอกจากนี้ เพียงผู้ใช้บอกสูตรและเงื่อนไขที่ต้องการ Einstein GPT ก็จะทำงานแบบอัตโนมัติ ซึ่งทำให้ไม่ต้องพิมพ์สูตรต่าง ๆ ด้วยตนเอง ทั้งยังเป็นการลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดในคำสั่งของสูตร (Formula Syntax) อีกด้วย
Slack GPT ปลดล็อคขุมพลัง Conversational AI สำหรับการทำงาน
Slack GPT ทำให้ AI เข้ามาช่วยทำงานได้ผ่านการสนทนาหรือ Conversational AI ซึ่งถูกผสานเข้ากับ Slack เพื่อช่วยให้ทุกฝ่ายในองค์กรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากความสามารถจากฟีเจอร์ AI ที่มีมาให้บน Slack แล้ว ยังสามารถรองรับการทำงานร่วมกับแอป Generative AI อื่น ๆ และช่วยเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลลูกค้าบน Customer 360 และ Data Cloud ได้อีกด้วย
บริษัทต่าง ๆ สามารถสร้างเวิร์กโฟลว์แบบไม่ใช้โค้ด ด้วยการทำงานของ Embed-AI ผ่านคำสั่งง่าย ๆ ในแต่ละขั้นตอน ซึ่งทำให้ทุกคนสามารถทำงานกับระบบออโตเมชันจาก AI ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถทำงานกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ได้อย่างปลอดภัย อาทิ ChatGPT ของ OpenAI, Claude ของ Anthropic หรือใช้ LLM อื่น ๆ ที่ต้องการ เป็นต้น
เสริมประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูลผ่านการใช้งาน Generative AI บนแพลตฟอร์ม Tableau GPT และ Tableau Pulse
Tableau GPT และ Tableau Pulse นำความสามารถของ Generative AI มาช่วยให้ทุกคนเข้าใจข้อมูลมากขึ้นและทำงานกับข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น โดย Tableau GPT ซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลัง Einstein GPT จะช่วยให้ยูเซอร์สามารถเข้าถึงการสรุปข้อมูลต่าง ๆ ผ่านการสนทนาเพียงส่งคำถามเข้าไปที่ Console นอกจากนี้ยังสร้าง Contextual Report ได้อีกด้วย
Tableau Pulse คือระบบออโตเมชันซึ่งขับเคลื่อนโดย Tableau GPT เพื่อสร้างข้อมูลเชิงลึก พร้อมกับปรับแต่งประสบการณ์การวิเคราะห์ข้อมูล ได้ตามความต้องการของทั้งบิซิเนสยูเซอร์และบุคคลทั่วไป โดยสามารถแสดงผลการสรุปข้อมูลได้ทั้งแบบตัวอักษรและแบบรูปภาพ ทำให้ยูเซอร์มีข้อมูลในรูปแบบที่ง่ายต่อการนำไปใช้ต่อ และด้วยการผสานระบบการทำงานเป็นอย่างดีบน Slack และอีเมล ทำให้ยูเซอร์สามารถแชร์รายงานที่ได้จาก Tableau Pulse ให้แก่เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ เพื่อการทำงานร่วมกันในทีม
Marketing GPT และ Commerce GPT เพื่อช่วยปรับแต่งแคมเปญการตลาดและการขายต่าง ๆ พร้อมเสริมประสบการณ์การชอปปิงด้วย Generative AI
ด้วย Marketing GPT ทีมงานด้านการตลาดจะสามารถสร้างอีเมลสำหรับรายบุคคล และสร้างกลุ่มเป้าหมายอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น ไปจนถึงสร้าง Marketing Journey หรือเส้นทางการตลาดได้อย่างอัตโนมัติ และด้วย Commerce GPT แบรนด์ต่าง ๆ จะสามารถส่งมอบประสบการณ์การชอปปิงที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละคน พร้อมทั้งกำหนดข้อเสนอที่ได้ถูกปรับให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย โดยใช้ Dynamic Buying Journies ที่ขับเคลื่อนโดย GPT
Marketing GPT จะช่วยทีมงานด้านการตลาดให้สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนบุคคล (Personalized) มีความเชื่อมโยง และน่าสนใจในทุก ๆ ช่องทางการสื่อสารผ่าน Generative AI และข้อมูล First-party ที่เชื่อถือได้จาก Data Cloud นอกจากนี้ Marketing GPT และ Data Cloud ยังช่วยให้ทีมงานด้านการตลาดสามารถ:
- ทำงานได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้นด้วย Segment Creation ซึ่งเป็นฟีเจอร์ช่วยให้ทีมงานด้านการตลาดสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและแก้ไขกลุ่มเป้าหมายโดยใช้ Natural language prompts และคำแนะนำจาก AI ที่อิงมาจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้จาก Data Cloud
- ลดหน้าที่งานเขียนลงด้วย Email Content Creation ซึ่งทำให้ทีมงานด้านการตลาดสามารถสร้างอีเมล์สำหรับรายบุคคลได้โดยอัตโนมัติเพื่อการทดสอบและการมีส่วนร่วมที่ดีขึ้น
- ยกระดับ Marketing ROI ด้วย Segment Intelligence for Data Cloud ซึ่งเชื่อมต่อกับข้อมูลต่าง ๆ อาทิ ข้อมูลที่องค์กรเก็บเอง (First-party data), ข้อมูลรายได้ (Revenue Data), และข้อมูลค่าใช้จ่ายการซื้อสื่อภายนอก (Third-party paid media) ได้อย่างอัตโนมัติ เพื่อมองเห็นการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมาย (Audience Engagement) ได้อย่างครบถ้วนยิ่งขึ้น
- ส่งข้อความที่เหมาะสมในเวลาที่ใช่ด้วย Rapid Identity Resolution, Segmentation, and Engagement ซึ่งเป็นฟีเจอร์ช่วยแก้ไขข้อมูลการระบุตัวตนของลูกค้าโดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งรีเฟรชกลุ่มเซกเมนต์ใน Data Cloud เพื่อความถูกต้องตามข้อมูลในปัจจุบัน
- ใช้ประโยชน์จากคอนเทนต์ Generative AI ของแพลตฟอร์ม Typeface เพื่อ Visual Assets ที่อิงตามบริบทสำหรับ Multi-channel campaigns หรือแคมเปญหลายช่องทาง ที่อยู่บน Marketing GPT โดยอิงมาจากโทนเสียงของแบรนด์ คู่มือสไตล์ และข้อความที่ต้องการจะสื่อ
Commerce GPT จะช่วยบริษัทต่าง ๆ ในการส่งมอบประสบการณ์คอมเมิร์ซที่ปรับแต่งได้ในทุกขั้นตอนของ Buyer’s Journey หรือเส้นทางของผู้ซื้อ ด้วยข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติจากข้อมูลเรียลไทม์บน Data Cloud นอกจากนี้ ด้วย Commerce GPT และ Data Cloud แบรนด์ต่าง ๆ จะสามารถ:
- สร้างกลยุทธเพื่อเพิ่ม Growth และ Conversion แบบอัตโนมัติ พร้อมเพิ่มผลิตภาพให้ร้านค้าในเวลาด้วยกันด้วย Goals-Based Commerce หรือการค้าที่อิงตามเป้าหมาย ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวนี้จะให้ธุรกิจสามารถกำหนดจุดมุ่งหมายและเป้าหมาย จากนั้นจึงให้ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปปฏิบัติตามได้ พร้อมคำแนะนำเชิงรุกเกี่ยวกับวิธีการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว นอกจากนี้ Goals-Based Commerce ที่ขับเคลื่อนโดย Data Cloud, Einstein AI และ Flow ทำให้ฟีเจอร์ดังกล่าวนี้สามารถนำเสนอคำแนะนำด้านการส่งมอบผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ตั้งแต่การปรับปรุงมาร์จิ้นระหว่างต้นทุนกับยอดขาย ไปจนถึงการเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ย (AOV)
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของร้านค้าด้วย Dynamic Product Descriptions ที่สามารถเติมข้อมูลแคตตาล็อกที่ขาดหายไปได้โดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าด้วยคำอธิบายผลิตภัณฑ์ที่ถูกปรับให้เหมาะกับผู้ซื้อทุกรายแบบอัตโนมัติ
- กำหนดนิยามใหม่ของการชอปปิงและความภักดีด้วย Commerce Concierge ซึ่งช่วยขับเคลื่อนบทสนทนาที่เป็นส่วนบุคคลและเกี่ยวเนื่อง รวมถึงช่วยผู้ซื้อในการค้นหาผลิตภัณฑ์ได้อย่างง่ายดายผ่านการโต้ตอบด้วยภาษาธรรมชาติ (Natural Language Interaction) ผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่ครอบคลุมตั้งแต่หน้าร้านดิจิทัล ไปจนถึงแอพแชทข้อความ
คุณอามิท ซักซีน่า, รองประธานประจำภูมิภาคอาเซียน, เซลส์ฟอร์ซ กล่าวว่า “Generative AI จะเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับการทำธุรกิจ โดยจะช่วยสร้างการเข้าถึงลูกค้ารายบุคคลและปรับประสิทธิภาพการทำงานผ่านคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ AI สร้างขึ้น บริษัทต่าง ๆ สามารถได้รับประโยชน์การใช้งานข้อมูลบน Salesforce และจากแหล่งอื่น ๆ เพื่อปรับแต่งการสร้างประสบการณ์ลูกค้าในระดับบุคคล และสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ
และในขณะเดียวเดียวก็ยังเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับพนักงาน ทำให้มีเวลามากขึ้นเพื่อไปโฟกัสกับงานอื่น ๆ ที่ยากกว่า และยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ทั้งกับลูกค้าปัจจุบันและกับผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอีกด้วย โดย Salesforce คือแบรนด์หนึ่งเดียวในปัจจุบันที่ได้นำเอาความสามารถของ AI Data และ CRM มาช่วยเหลือลูกค้าของเราเพื่อการทำ Digital Transformation ภายในองค์กร ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว”
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Salesforce ไปที่: www.salesforce.com