เปิดตัวแล้วในไทย Dyson V12s Detect Slim Submarine เครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่สามารถดูดฝุ่นและถูพื้นได้รุ่นแรกในประเทศไทย ราคา เริ่มต้น 33,900 บาท
ตัวหัวดูดลูกกลิ้งแบบเปียก Dyson Submarine ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมที่แม่นยำเพื่อทำความสะอาดด้วยน้ำที่หยดลงบนลูกกลิ้งเพื่อขจัดสิ่งสกปรก คราบฝังแน่น และเศษขยะชิ้นเล็กอย่างเศษอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การผสานระหว่างเทคโนโลยีการทำความสะอาดด้วยน้ำ ระบบดูดจับ และระบบคัดแยกสิ่งสกปรก ทำให้ Dyson Submarine ยกระดับการกำจัดคราบสกปรกเพื่อพื้นที่สะอาดได้โดยไม่เปียกชุ่มจากน้ำมากเกินไป วิศวกรของ Dyson ได้ออกแบบระบบทำความสะอาดด้วยน้ำ โดยใช้ช่องแรงดันเพื่อให้น้ำหยดทั่วลูกกลิ้งอย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอทำให้ตัวลูกกลิ้งชุ่มน้ำในระดับพอดี โดยจุดหยดน้ำทั้ง 8 จุด ที่อยู่ตลอดแนวลูกกลิ้งจะทำหน้าที่ปล่อยน้ำ 18 มิลลิลิตรในทุก ๆ 1 นาที เพื่อทำความสะอาดพื้นและป้องกันไม่ให้พื้นเปียกจนเกินไปหลังการทำความสะอาด
ลูกกลิ้งมอเตอร์ไมโครไฟเบอร์สามารถกำจัดรอยเปื้อน คราบของเหลวแห้งกรัง และสิ่งสกปรกชิ้นเล็ก โดยแผ่นเพลทด้านในจะแยกน้ำที่ปนเปื้อนกับสิ่งสกปรกออกจากหัวลูกกลิ้งและทิ้งน้ำนั้นลงในถังน้ำเสียที่แยกออกต่างหากเพื่อให้เททิ้งได้ง่าย
ในส่วนของถังบรรจุน้ำสะอาดขนาด 300 มิลลิลิตร สามารถใช้ทำความสะอาดพื้นได้ถึง 110 ตร.ม. ขณะที่ถังเก็บน้ำสกปรกมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยที่ 360 มิลลิลิตร ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าฝุ่นและเศษขยะจะไม่กลับไปอยู่บนพื้นอีก และลูกกลิ้งยังคงเปียกชุ่มด้วยน้ำสะอาดเพื่อการทำความสะอาดที่ทรงประสิทธิภาพตั้งแต่เปิดเครื่องจนปิดเครื่อง
หัวดูดลูกกลิ้งแบบเปียก Dyson Submarine ออกแบบมาเพื่อการทำความสะอาดที่หมดจดในทุกซอกมุม โดยสามารถกำจัดฝุ่นผง คราบสกปรก และเศษขยะชิ้นเล็กที่อยู่ลึกใต้เฟอร์นิเจอร์หรือจุดที่เข้าถึงยากได้อย่างง่ายดาย
Dyson Submarine มาพร้อม หัวดูดทำความสะอาด Fluffy Optic
เทคโนโลยีเลเซอร์ดักจับฝุ่นของ Dyson เปิดตัวครั้งแรกในปี 2564 และได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตรวจจับอนุภาคขนาดเล็กและฝุ่นขนาดจิ๋วที่โดยปกติไม่สามารถมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยการใช้เลเซอร์ที่อยู่ในตำแหน่งปลายหัวทำความสะอาด เลเซอร์ ที่ทำมุมอย่างเหมาะเจาะเผยให้เห็นฝุ่นที่มองไม่เห็นบนพื้น การทำความสะอาดจึงทำได้อย่างหมดจดและง่ายดาย
เทคโนโลยี Acoustic Dust Sensing อัจฉริยะ
เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson V12s Detect Slim Submarine มาพร้อมเทคโนโลยี Acoustic Dust Sensing เผยให้เห็นขนาดและจำนวนของอนุภาคขนาดเล็กบนหน้าจอแสดงผล LCD พร้อมข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าสามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจดแบบเรียลไทม์ โดยนับและวัดอนุภาคของฝุ่นละอองที่เล็กจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ด้วยเซ็นเซอร์เพียโซ (Piezo Sensor) ที่ช่วยเพิ่มพลังดูดสิ่งสกปรกตามพื้นผิวต่าง ๆ และปริมาณฝุ่นได้โดยอัตโนมัติ
มอเตอร์ Dyson Hyperdymium คิดค้นโดย Dyson และถูกพัฒนาให้หมุนด้วยความเร็วสูงสุด 125,000 รอบต่อนาที สร้างแรงดูดอันทรงพลัง 150 วัตต์ โดยเมื่อเปลี่ยนเป็นหัวดูดลูกกลิ้งแบบเปียก Dyson Submarine เรียบร้อยแล้ว ระบบของมอเตอร์ Dyson Hyperdymium จะหยุดทำงานอัตโนมัติเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำ ไหลเข้าสู่มอเตอร์และช่วยให้แน่ใจว่าน้ำและสิ่งสกปรกที่ปนเปื้อนจะถูกเก็บไว้ภายในถาดน้ำเสียบริเวณหัวลูกกลิ้งแบบเปียก
ระบบการกรอง
ระบบการกรอง HEPA ของ Dyson ดักจับอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอน ได้ 99.99% ช่วยกระจายอากาศที่สะอาดยิ่งขึ้น ควบคู่กับเทคโนโลยีไซโคลนของ Dyson ซึ่งมีประสิทธิภาพในการแยกฝุ่นและสิ่งสกปรกออกจากพื้นได้อย่างชาญฉลาด และปิดผนึกตัวเครื่องอย่างแน่นหนา ไม่ให้ฝุ่นรั่วไหลกลับเข้าไปในบ้านของผู้ใช้งาน
หัวดูดทำความสะอาด Hair Screw Tool
นอกจาก ‘หัวดูดทำความสะอาดแบบ 2 in 1’ และ ‘หัวดูดทำความสะอาดแบบปากแคบ’ แล้ว Dyson V12s Detect Slim Submarine™ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีป้องกันเส้นผมพันกันด้วยมอเตอร์ในหัวดูดเก็บเส้นผมของ Dyson เพื่อการดูดเส้นผมและขนสัตว์เลี้ยงได้อย่างง่ายดาย แถบแปรงทรงกรวยและขนแปรงทำมุมที่ออกแบบมาอย่างแม่นยำเพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมพันรอบแกนดูด ช่วย “ดูด” เส้นผมลงมาตามแท่งแปรงอย่างง่ายดาย และสามารถม้วนเส้นผมให้หลุดออกไปที่ถังเก็บฝุ่นได้รวดเร็ว
ในขณะที่หัวดูดทำความสะอาดของ Dyson V12s Detect Slim Submarine ช่วยให้การกำจัดเศษขยะอนุภาคขนาดใหญ่ภายในบ้านเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว หัวดูดทำความสะอาด Hair Screw Tool ถูกคิดค้นเพื่อครอบคลุมการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ช่วยในการดูดจับฝุ่นออกจากบริเวณที่มักมองไม่เห็น เข้าถึงได้ทุกองศา ไม่ว่าจะใต้ที่นอนหรือใต้โซฟา เพื่อบ้านที่สะอาด และมีสุขอนามัยที่ดียิ่งขึ้นของทุกคน
เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson V12s Detect Slim Submarine เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป ราคา เริ่มต้น 33,900 บาท ที่ www.dyson.co.th หรือร้าน Dyson Demo สาขาเมกาบางนา เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว ไอคอนสยาม และสยามพารากอน