ASUS แนะสิ่งที่องค์กรควรเตรียมพร้อมก่อนปรับสู่การทำงานยุค ไฮบริด พร้อมเสนอเทคโนโลยีและ โน้ตบุ๊ก ที่ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่
เป็นที่รู้กันว่าโลกหลังยุคโควิดได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คนไปโดยสิ้นเชิง เกิดเทรนด์การทำงานแบบ ไฮบริด ซึ่งเป็นการผสมผสานการทำงานในออฟฟิศและการทำงานจากทางไกล ผลสำรวจการ์ทเนอร์ เผย 82% ของบริษัทชั้นนำระดับโลกกว่า 127 บริษัท อนุญาตให้พนักงานเลือกได้ว่าจะทำงานจากทางไกล หรือทำงานในออฟฟิศเต็มเวลาได้ สำหรับธุรกิจองค์กรขนาดเล็ก – กลาง นับเป็นความท้าทายที่องค์กรต้องค้นหาวิธีการทำงานร่วมกันแบบใหม่ด้วย โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและอุปกรณ์การทำงาน เช่น โน้ตบุ๊ก โดย ASUS ได้รวบรวม 6 สิ่งที่บริษัทควรคำนึงถึงก่อนการหันมาใช้ระบบ ไฮบริด ดังนี้
สื่อสารนโยบายการทำงานรูปแบบใหม่ให้ชัดเจน
บริษัทและพนักงานควรเข้าใจความหมายและขอบเขตการทำงานแบบไฮบริดตรงกัน เช่นจำนวนชั่วโมงทำงาน การวางแผนงาน การประเมินผลงานของพนักงาน รวมไปถึงการเตรียมการ จัดการระบบเทคโนโลยี เพื่อให้การทำงานแบบไฮบริดเกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน สร้างบรรยากาศการทำงานที่มีความสุข
เครื่องมือการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
สิ่งสำคัญที่สุดในการทำงานไม่ว่าจะเป็นระยะไกลหรือการทำงานในออฟฟิศหนีไม่พ้นอุปกรณ์ไอทีอย่างคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กนั่นเอง การจัดเตรียมเครื่องมือที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสำหรับการทำงานจึงมีความสำคัญมาก ทั้งในแง่ของความรวดเร็วในการทำงาน และที่สำคัญมากสำหรับองค์กรคือเรื่องความปลอดภัยและการรักษาความลับของข้อมูล ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ และสำหรับคนทำงานเองก็ย่อมมองหาโน้ตบุ๊กที่พกพาสะดวก เพิ่มความคล่องตัว ไม่ว่าจะเป็นระหว่างการเดินทาง หรือการทำงานนอกสถานที่
หนึ่งในโน้ตบุ๊กที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในองค์กร และตอบโจทย์การทำงานแบบไฮบริด ได้แก่ ASUS ExpertBook Series ที่มาพร้อมตัวเลือกหลากหลายรุ่น อาทิ ASUS ExpertBook B9 OLED โน้ตบุ๊กธุรกิจที่เบาที่สุดในโลก น้ำหนักน้อยกว่า 1 กก. ตัวเครื่องทนทาน ผ่านมาตรฐานทางการทหาร พร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับองค์กร อย่างระบบเซ็นเซอร์ NFC, การสแกนใบหน้า, และชิป TPM 2.0 เข้ารหัส เพื่อปกป้องข้อมูลที่สำคัญ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี AI Noise Cancellation ช่วยตัดเสียงรบกวนที่ไม่ต้องการสำหรับการประชุมออนไลน์ เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดอีกด้วย
การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในทีม
เชื่อมต่อกับเพื่อนร่วมงานผ่านโปรแกรมอย่าง Microsoft 365 หรือ Google Meet เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ทำให้ผลลัพธ์ของงานหรือประสบการณ์การทำงานออกมาดีมากขึ้นกว่าการไม่มีปฎิสัมพันธ์เลย การได้พูดคุย หรือสื่อสารผ่านวีดีโอคอลจะช่วยให้พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วมกับทุก ๆ กระบวนการในการประชุม
มีความเชื่อมั่น เชื่อใจในทีมงาน
อีกหนึ่งปัญหาที่พบได้จากการทำงานแบบไฮบริดคือการขาดความไว้วางใจระหว่างผู้บริหาร และพนักงาน เกิดเป็นความรู้สึกทางลบ และกดดัน ดังนั้นผู้นำหรือหัวหน้าทีมต้องมีความสามารถและทักษะในการบริหารทีมงานจากระยะไกล การมอบหมายงานและการติดตามผลลัพธ์ รวมถึงการฟีดแบคงาน กระตุ้นจูงใจด้วยผลงานและความสำเร็จ เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกันได้ สร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน
ป้องกันภาวะหมดไฟในการทำงาน
นับตั้งแต่เกิดโรคระบาด พนักงานหลายคนได้ทำงานหนักมากขึ้น ไมโครซอฟท์เผยงานวิจัย Work Trend Index 54% ของคนทำงานรู้สึกทำงานมากเกินไป ในขณะที่ 39% รู้สึกเหนื่อยล้ากับการทำงาน ภาวะหมดไฟนี้นำไปสู่
ปัญหาทางร่างกาย ภาวะเครียด ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพของการทำงาน ขาดความกระตือรือร้นเอาใจใส่งาน โดยเฉพาะในการทำงานแบบไฮบริดนี้ที่เส้นแบ่งระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัวหายไป ยิ่งกระตุ้นให้เกิดภาวะหมดไฟง่ายยิ่งขึ้น การให้ความสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมที่แบ่งเวลาทำงานกับเวลาส่วนตัว พร้อมวัดความสำเร็จจากผลของงานมากกว่าชั่วโมงการทำงาน จะช่วยให้การทำงานไม่เครียดเกินไป สร้างการทำงานที่เป็นสุขให้เกิดขึ้นได้
อุปกรณ์ทำงานแนะนำสำหรับการทำงานแบบไฮบริด
- ASUS ExpertBook B9 OLED (B9403CVA) โน้ตบุ๊กธุรกิจขนาด 14 นิ้วที่เบาที่สุดในโลก เพียง 990 กรัม พร้อมการอัปเกรดหน้าจอใหม่ ความละเอียด 3K อัตราส่วน 16:10 OLED Display ให้สีสวยสดใส เพิ่มพื้นที่การใช้งานแนวตั้ง สะดวกในการทำงานสเปรดชีท และปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้า ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพด้วยโปรเซสเซอร์ 13th Gen Intel vPro® Essentials with Intel® Core™ i7-1355U ที่ออกแบบมาสำหรับโน้ตบุ๊กธุรกิจโดยเฉพาะ เพิ่มความคล่องตัวและความปลอดภัยในการใช้งาน มาพร้อมฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยอย่างการสแกนใบหน้า สแกนลายนิ้วมือ และชิป TPM 2.0 เป็นต้น รวมถึงระบบปฏิบัติการ Windows 11 Pro สำหรับองค์กร ช่วยเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้ข้อมูล
- ASUS ExpertBook B5 (B5402CVA) โน้ตบุ๊กธุรกิจขนาด 14 นิ้ว FHD อัตราส่วน 16:9 น้ำหนักเบา 1.27 กก. พกพาง่าย ทนทาน ใช้งานได้ตลอดวัน จัดเต็มด้านฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อคนทำงาน ไม่ว่าจะเป็นระบบ AI Noise Cancellation ตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ให้คุณประชุมงานได้อย่างราบรื่น, ไฟแจ้งเตือนสถานะเมื่อกำลังติดประชุมงาน เพื่อความเป็นส่วนตัว รวมถึงฟีเจอร์ความปลอดภัยมาตรฐานองค์กร อาทิ บานเปิด-ปิดบริเวณกล้องหน้า (Webcam privacy shield), ระบบล๊อคอินด้วยลายนิ้วมือ บริเวณปุ่มเปิด-ปิด และ ชิป TPM 2.0 ทำงานได้อย่างลื่นไหลด้วยโปรเซสเซอร์ 13th Gen Intel vPro® Essentials with Intel® Core™ i5-1340P มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 11 Pro สำหรับประสบการณ์อันยอดเยี่ยมในการใช้งาน
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.asus.com/th/