แนะนำสำหรับคนที่ใช้ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus กับวิธี ถ่ายวิดีโอ 4K แบบ Apple ProRES แล้วเลือกบันทึกลงใน SSD External ที่เสียบผ่าน USB-C ได้โดยตรง
โดยปกติแล้ว การถ่ายวิดีโอ ความละเอียด 4K ที่เป็นโปรไฟล์ของ Apple ProRAW นั้น จะมีใช้ได้เฉพาะในไอโฟนในรุ่น Pro เท่านั้น
รวมถึงความสามารถใหม่ในการถ่ายวิดีโอ แล้วบันทึกลงในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกอย่าง SSD external Drive ที่เสียบกับ USB-C แต่ก็จำกัดเฉพาะใน iPhone 15 Pro กับ 15 Pro Max เท่านั้น และจะบันทีกได้เฉพาะ ProRES 4K เท่านั้น
เราได้ทดสอบแล้วลองใช้แอป 3rd party ที่ไม่ใช้แอปกล้องหลักของไอโฟนในการถ่าย อย่าง Blackmagic Camera ที่มีความสามารถในการปรับตั้งค่าการถ่ายวิดีโอได้ในระดับโปร แล้วก็พบว่า มันสามารถทำให้ iPhone 15 ที่เป็นรุ่นเริ่มต้น สามารถถ่ายวิดีโอในระดับ Pro ได้ด้วย
วิธีใช้ iPhone 15 ถ่ายวิดีโอ 4K Apple ProRes ลง SSD ผ่าน USB-C ด้วยแอป Blackmagic Camera
เริ่มต้นให้ไปดาวน์โหลดแอป Blackmagic Camera จาก Apple AppStore มาติดตั้งลงใน iPhone 15 กันก่อน เป็นแอปฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม คุณสามารถเลือกปรับตั้งค่า Setting เพื่อเลือก Codec ในการบันทึกได้โดยจะมีให้เลือกเยอะมาก
- Apple ProRes 4444
- Apple ProRes 422 HQ
- Apple ProRes 422
- Apple ProRes 422 LT
- Apple ProRes 422 Proxy
- HEVC (H.265)
- H.264
รวมถึงยังสามารถลือก Color Space ได้เป็น Rec.709, Rec.2020 และ P3 D65
ในการเปิดตัว iPhone 15 ทาง Apple ได้จำกัดความสามารถในการถ่ายวิดีโอแล้วบันทึกลงในอุปกรณ์บันทึกข้อมูลภายนอกที่เชื่อมต่อผ่าน USB-C ไว้สำหรับการถ่ายวิดีโอ ProRes เท่านั้น ถ้าถ่ายในโปรไฟล์อื่นจะยังคงให้บันทึกเฉพาะในตัวไอโฟนเท่านั้น
สำหรับแอป Blackmagic Camera จะมีตัวเลือกสำหรับการบันทึกไฟล์ได้หลากหลาย ตั้งแต่เลือกบันทึกในแอป, เลือกบันทึกในแอป+ Camera Roll และเลือกบันทึกผ่านแอป File ของ Apple ซึ่งถ้าคุณเสียบ SSD ผ่านช่อง USB-C ไว้ ก็จะเลือกบันทึกลงได้เลย
และความสามารถนี้กับ iPhone 15 ที่เป็น USB-C มาตรฐาน USB 2 ก็ใช้ได้ด้วย แต่ก็มีข้อจำกัดคือ ใช้ได้เต็มที่ในการถ่ายวิดีโอ ได้สูงสุดที่ 4K 60fps แบบ HEVC (H.265) และ H.264 ถ้าเลือกเป็นแบบProRes ก็จะส่งถ่ายข้อมูลไม่ทันจนเกิดปัญหาเฟรมเรตตก
สรุปการใช้ iPhone15 ถ่ายวิดีโอ มีข้อจำกัดอะไรบ้าง?
- ถ่าย Apple ProRes ได้สูงสุดที่ 4K 30fps และ 1080p 60fps (ถ้าเป็นรุ่น Pro หรือ Pro Max จะได้ถึง 60fps)
- ไม่สามารถถ่ายค่าสีแบบ Apple Log (ได้เฉพาะใน iPhone 15 Pro และ 15 Pro Max)
- การถ่ายแล้วบันทึกลงใน SSD โดยตรง ได้สูงสุดที่ 4K 60fps แบบ HEVC (H.265) และ H.264
โดยรวมแล้ว การใช้แอป Blackmagic Camera ในการถ่ายวิดีโอ ช่วยปลดล็อคข้อจำกัดให้กับ iPhone 15 ให้ใช้งานได้ใกล้เคียงกับรุ่นโปรมากขึ้น จึงเหมาะสำหรับคนที่เน้นใช้ถ่ายวิดีโอที่เอาไปตัดต่อโดยไม่ได้จะโปรขนาดที่ต้องเอาไปเกรดสี และเลือกบันทึกลง SSD ข้างนอกเพื่อประหยัดพื้นที่ในเครื่อง แถมเอาไปตัดต่อในคอมพิวเตอร์ได้ทันที
แนะนำเลยครับ ไปลองใช้งานกันได้กับ Blackmagic Camera แอปนี้ใช้ฟรีไม่มีคิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม เอาไปใช้ตัดกับโปรแกรมอะไรก็ได้ แต่ถ้าเอาไปใช้กับ Davinci Resolve ก็จะสะดวกมากขึ้น เพราะมีฟีเจอร์สนับสนุนเพิ่มเติมทั้งเรื่องซิงค์กล้องหลายตัว และใช้งานร่วมกับระบบคลาวด์ของ Blackmagic ได้อีกด้วย