Apple เปิดตัว iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ดีไซน์ใหม่ด้วยกระจกแต่งสีด้านหลัง ตัวเครื่องที่ทนทาน ขอบมนแบบใหม่ ชิป A16 Bionic, หน้าจอพร้อม Dynamic Island, กล้องหลัก 48MP พร้อมเทเลโฟโต้ 2 เท่า และพอร์ต USB-C ราคา เริ่มต้น 32,900 บาท เปิดจอง 15 กันยายน (ตั้งแต่ 19.00 น.) วางจำหน่าย 22 กันยายนนี้
iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ในปีนี้มีการปรับปรุงในทุกด้าน เริ่มตั้งแต่ในส่วนของการออกแบบตัวเครื่อง ที่เลือกใช้กระจกแต่งสี ที่มีผิวด้านสวยงาม และขอบมนแบบใหม่วัสดุอะลูมิเนียม มีให้เลืกทั้งหมด 5 สี คือ สีชมพู สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า และสีดำ
หน้าจอของ iPhone 15 มาในขนาด 6.1 นิ้ว ส่วน iPhone 15 Plus มาในขนาดที่ใหญ่กว่า 6.7 นิ้ว ปกป้องด้วยกระจก Ceramic Shield ที่ครั้งนี้ Dynamic Island มีมาให้ใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตัวหน้าจอความสว่าง HDR ได้ถึง 1600 nits และเมื่อใช้งานกลางแจ้งยังปรับความสว่างได้สูงสุดถึง 2000 nits มากกว่ารุ่นก่อนถึง 2 เท่า
ระบบกล้องคู่ด้านหลังที่ทรงพลัง กล้องหลักได้รับการอัปเกรดเป็น 48MP ทำให้ถ่ายภาพและวิดีโอได้คมชัด ด้วยเซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel และมี Focus Pixels 100% ช่วยให้ออโต้โฟกัสได้รวดเร็ว พร้อมเพิ่มโหมดการถ่ายภาพ 24MP เพื่อเก็บภาพความละเอียดสูงในขนาดไฟล์ที่เหมาะสม
มีเพิ่มตัวเลือกการถ่ายภาพเทเลโฟโต้ 2 เท่า ด้วยการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ให้การซูมในระดับออปติคัลได้ถึง 3 ระยะ คือ 0.5, 1x และ 2x
การถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้เพิ่มประสิทธิภาพให้เก็บรายละเอียดคมชัดมากขึ้น ถ่ายในสภาพแสงน้อยได้ดีขึ้น โดยที่ตอนนี้คุณสามารถถ่ายภาพบุคคลในโหมด Photo ได้ทันทีโดยไม่ต้องกดสลับไปยังโหมด Portrait เพราะระบบกล้องใหม่จะทำการเก็บข้อมูลชัดลึกให้ทันทีที่มีบุคคล, สุนัข หรือแมวอยู่ในเฟรมภาพ คุณสามารถแตะเลือกเปลี่ยนจุดโฟกัสที่ต้องการ หรือจะไปปรับแต่งภาพบุคคลภายหลังจากที่ถ่ายแล้วก็ได้
โหมดถ่ายกลางคืนอัปเกรดให้เก็บรายละเอียดคมชัดยิ่งกว่าเก่า และได้สีสันที่สดใสยิ่งขึ้น ส่วนการถ่ายในสภาพแสงย้อนหลังก็มี HDR อัจฉริยะมาช่วยจัดการเรนเดอร์สกินโทนของบุคคลให้สวยสมจริง โดยเก็บรายละเอียดทั้งในส่วนมิดโทน ไฮไลท์ และเงามืด โดยที่คุณสมบัติใหม่ทั้งหมดนี้ จะช่วยยกระดับให้การถ่ายภาพและวิดีโอด้วยกล้องหลัก, กล้องอัลตร้าไวด์ และกล้องหน้า TueDepth สวยงามอย่างที่คุณต้องการ
ชิปเซ็ตใน iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ใช้เป็น A16-core Bionic ประกอบด้วย CPU แบบ 6-Core (คอร์ประสิทธิภาพ 2 คอร์ และ คอร์ประหยดพลังงาน 4 คอร์) ทำงานได้เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า พร้อมจัดการกับเวิร์คโหลดหนักๆ โดยที่ประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้อย่างดีเยี่ยม
การประมวลผลกราฟิก GPU เป็นแบบ 5-core มีแบนด์วิดท์หน่วยความจำเพิ่มขึ้น 50% ส่วน Neural Engine แบบ 16-core ใหม่นั้นก็สามารถประมวลผลได้เกือบ 17 ล้านล้านรายการต่อวินาที
พอร์ตเชื่อมต่อจากเดิมที่เป็น Lightning ได้ถูกเปลี่ยนเป็น USB-C มาตรฐาน USB 2.0 ความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลสูงสุด 480Mb/s คุณสามารถใช้ iPhone เพื่อชาร์จ Apple Watch หรือ AirPods Pro ได้โดยเสียบสายได้ทันที และยังรองรับการชาร็จแบบไร้สายผ่าน MagSafe และการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi2
ภายในตัวชิป Ultrawide Band เป็นรุ่นใหม่เจเนอเรชั่นที่ 2 ทำให้การเชื่อมต่ออุปกรณ์ในระยะที่มากกว่าเดิมถึง 3 เท่า ช่วยให้การใช้งานคุณสมบัติคนหาตำแหน่งที่ตั้ง, Find My ต่งางๆ ทำได้ดียิ่งขึ้นแม้จะอยู่ในพื้นที่ๆ มีคนพลุกพลาน
การเชื่อมต่อเครือข่าย รองรับ 5G และ eSIM ที่คุณจะได้คุณภาพเสียงในการโทร รวมถึงการโทรผ่าน Facetime ได้เสียงที่คมชัดเมื่อเลือกโหมดแยกเสียงให้ปลายสายได้ยินเสียงพูดที่ชัดเจน แม้ว่าคุณจะอยู่ในสภาวะเสียงรอบค้างที่จอแจ
การเชื่อมต่อเพื่อส่งข้อความ SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม จะมีการอัปเดตเพิ่มให้บริการในอีก 2 ประเทศ คือ โปรตุเกส และ สเปน รวมสามารถใช้งานได้ทั้งหมด 16 ประเทศ
ราคา และการวางจำหน่าย iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ในประเทศไทย
iPhone 15
- 128GB ราคา 32,900 บาท
- 256GB ราคา 36,900 บาท
- 512GB ราคา 45,900 บาท
iPhone15 Plus
- 128GB ราคา 37,900 บาท
- 256GB ราคา 41,900 บาท
- 512GB ราคา 50,900 บาท
เคสผ้า FineWoven แบบกระเป๋าสตางค์พร้อม MagSafe และเคสผ้า FineWoven พร้อม MagSafe จะพร้อมวางจำหน่ายในราคา 2,390 บาท โดยมีให้เลือก 5 สีใหม่ สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 15 ได้แก่ สีดำ สีน้ำตาลอมเทา สีม่วงเข้มมัลเบอร์รี่ สีแปซิฟิกบลู และสีเขียวเอเวอร์กรีน
เคสใสสำหรับ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ที่พร้อมวางจำหน่ายในราคา 1,990 บาท แล้ว
เคสซิลิโคนพร้อม MagSafe ที่พร้อมวางจำหน่ายในราคา 1,990 บาท ในสีดำ สีน้ำเงินสตอร์มบลู สีเทาโคลน สีชมพูสว่าง สีชมพูกวาวา สีส้มซอร์เบ สีเขียวไซเปรส และสีวินเทอร์บลู