รายงานจาก รอยเตอร์ เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 ผลจากราคาหุ้นของ Apple ร่วงลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับยอดขาย iPhone ส่งผลให้ Microsoft ที่ราคาหุ้นกำลังขึ้น สามารถแซงขึ้นมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก
ไม่รู้ว่าช่วงนี้เป็นปีชงของ Apple หรือเปล่า เพราะปีที่ผ่านมา ด้วยกระแสความต้องการสมาร์ทโฟนลดลงทั่วโลก ส่วนสินค้าฝั่ง Mac ก็ลดลง แถมก่อนปีใหม่ ก็เจอปัญหาในบ้านที่ต้องโดนคำสั่งบังคับห้ามขาย Apple Watch ในสหรัฐฯ เพราะคดีละเมิดสิทธิบัตร (ปัจจุบันกลับมาขายได้เพราะคำสั่งยับยั้งจากศาลอุทธรณ์)
ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีรายงานเรื่องคู่แข่งอย่าง HUAWEI กลับมาเข้มแข็งในบ้านเกิดอีกครั้ง ทำให้ยอดขาย iPhone ในจีนลดลง 30% ทั้งหมดนี้กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ความมั่งคั่งของแอปเปิลเริ่มสั่นคลอนมากขึ้น
ล่าสุด เปิดตลาดฯ วันที่ 11 มกราคม 2567 ราคาหุ้นของ Microsoft เพิ่มขึ้น 1.6% ทำให้มีมูลค่าตลาด 2.875 ล้านล้านดอลล่าร์ ส่วนราคาหุ้นของ Appleลดลง 0.9% ทำให้มูลค่าในตลาดลดลงเหลือ 2.871 ล้านล้านดอลลาร์ นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2021 ที่หุ้นของ Apple มีมูลค่าลดลงมาต่ำกว่า Microsoft
*update : สุดท้ายในช่วงปิดตลาด ราคาหุ้นของ Apple ก็กลับมาเพิ่มและขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ตามเดิม
นักวิเคราะห์มองว่า ด้วยกระแสของฝั่งทาง Microsoft ที่กำลังเติบโตและแข็งแกร่งในการนำเอา AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในทุกผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เพื่อเป็นเครื่องมือในการปฏิวัติโลก สามารถสร้างกระแสให้คนทั้งโลกตื่นตัว
ถ้ามองจากงาน CES 2024 ที่ผ่านมา AI กลายเป็นสิ่งที่ทุกอุตสาหกรรมพร้อมนำเสนอในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง และทางฝั่งของ Microsoft ที่ผลักดัน Copilot อย่างเต็มกำลัง พร้อมแรงหนุนจากพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งผู้ผลิตโปรเซสเซอร์ ที่เพิ่มความสามารถในการประมวล NPU ในชิปเซ็ตรุ่นใหม่ และผู้ผลิตแล็ปท็อป ก็พร้อมสนับสนุน Copilot กันอย่างพร้อมเพรียง
การแซงหน้ากันในครั้งนี้ น่าจะสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่ ไมโครซอฟท์ ได้ขยายธุรกิจจากซอฟต์แวร์ไปสู่บริการคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ ในขณะที่ แอปเปิล ยังคงพึ่งพารายได้จาก iPhone เป็นส่วนใหญ่
ข้อมูลจาก Reuters