Mark Gurman จากสำนักข่าว Bloomberg คาดว่า Apple Vision Pro อาจจะต้องรอให้พัฒนาออกมาถึง 4 รุ่น ถึงจะเข้าที่เข้าทาง และออกมาในรูปแบบตามอุดมคติที่ Apple อยากให้เป็น
เขาได้เล่าว่า ทีมงานของ Apple บางส่วนมองว่า ยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้นอีกหลายจุด เพื่อให้ตัวชุดเฮดเซ็ตนี้เหมาะสำหรับการใช้งานได้ในแต่ละวัน ซึ่งตอนนี้หลังจากที่เปิดตัววางขายไปแล้วในสหรัฐฯ ก็เริ่มมีเสียงของผู้ใช้งานออกมากันบ้างแล้ว โดยจะพูดถึงเรื่องหลักๆ คือ
- น้ำหนักค่อนข้างมาก : ด้วยน้ำหนักของเฉพาะตัวชุดแว่นก็มากกว่า 600 กรัม ยังไม่นับรวมแบตเตอรี่อีก 300 กว่ากรัม บางคนบ่นว่า เหมือนเอาอิฐมาแปะไว้บนหน้า ทำให้รู้สึกอึดอัด แล้วก็ลำบากที่จะสวมใส่ใช้งานเป็นเวลานานๆ
- แบตเตอรี่ที่หมดเร็ว : ในการใช้งาน สามารถใช้ได้เพียง 2-3 ชั่วโมงต่อการใช้งานผ่านแบตเตอรี่ 100% 1 ครั้ง ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานในระหว่างวัน ที่มีการเดินทาง หรือการประชุมออนไลน์ และระบบแบตเตอรี่ยังไม่สามารถ Hot Swap ต้องปิดเครื่องแล้วเปลี่ยนแบตเตอรี่ ทำให้การใช้งานไม่ต่อเนื่อง
- แอปพลิเคชันยังมีน้อย : ในการเปิดตัวตอนนี้ แอปพลิเคชันที่ใช้งานด้วยยังมีจำนวนไม่มากนัก
ในมุมมองของ Mark Gurman คาดว่า เมื่อ Apple สามารถแก้ไขปัญหาและข้อจำกัดของ Apple Vision Pro และพัฒนาจนได้อุปกรณ์อย่าง “ในอุดมคติ” ของทีมพัฒนา แว่น VR ตัวนี้จะมีศักยภาพที่จะใช้งานเป็นอุปกรณ์แบบมัลติทาสก์กิ้ง และใช้งานแทน iPad ได้เลย
ไม่ว่าจะใช้งานด้านความบันเทิงเพื่อดูภาพยนตร์หรือคอนเทนต์ที่มีขนาดภาพใหญ่เหมือนชมในโรงภาพยนตร์, เล่นเกม VR ที่มีความเสมือนจริง, ทำงานร่วมกับ Mac บนพื้นที่จริงที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ และยังใช้ในการเรียนและการประชุมแบบออนไลน์
ความเห็นจากทีมงานล้ำหน้าฯ
เรามาลองจินตนาการดูว่า ถ้าต้องรอ Apple Vision Pro พัฒนาอีก 4 รุ่น ก็คือประมาณ 3 ปีข้างหน้า (ปี 2027) แล้วมันจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร?
สิ่งแรกเลยคือ มันจะต้องมีขนาดที่เล็กและเบากว่านี้ อย่างน้อยต้องบางและเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้การสวมใส่และพกพามีความสะดวกมากกว่าปัจจุบัน ส่วนแบตเตอรี่ ก็ควรที่จะใช้งานต่อเนื่องได้นานขึ้น หรือไม่ก็สามารถถอดสลับเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง และเชื่อว่าถึงเวลานั้น นักพัฒนาทั้งรายเล็กรายใหญ่ น่าจะมีการสร้างแอปใหม่ๆ ที่ให้ประสบการณ์เสมือนจริงออกมา จนทำให้มีกระแสที่คนสนใจและต้องการมี Apple Vision Pro เอาไว้สำหรับใช้งานในทุกครัวเรือน
ข้อมูลจาก MacRumors